- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 January 2016 17:45
- Hits: 1428
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"ยังผันผวนจากปัจจัยภายนอก"
Stock Picks-Jan 2016 : Fundamental : ANAN, AOT, BTSGIF, CPN, GL และ Dark Horse เป็น CK
Fundamental Pick -Today: CPN
ดูรายละเอียดใน Company Focus
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, DTAC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, QTC, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : HMPRO 38%, PTT 20%, PTTEP 19%, M 14%, KKP 13%, TTCL 12%, BANPU 11%, TICON 10%
Technical View ภาพตลาดดูเหมือนเป็นบวกเล็กๆ
Support Resistance Stop Loss
SET 1250+/- 1270,1280-90 ค่าลบ
SET50 780-760 800,810 ค่าลบ
Technical Picks- Today : KKP, EPG, TRC, IRPC, AAV, TACC, BA, LPH
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยมีรีบาวด์ตามคาดเมื่อวานนี้ (ปิด +6.7 จุด ปิดที่ 1260.04) โดยหลัก แต่ภาพรวมยังไม่แข็งแรงนัก การปรับลดลง 1.5-2% ของดัชนีตลาดหุ้นหลักในสหรัฐและยุโรป กดดัน Sentiment การลงทุนในภูมิภาคเอเชียช่วงสั้นด้วย นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.8 พันล้านบาท สถาบันในประเทศและรายย่อยซื้อสุทธิ ส่วนพอร์ตบล.ซื้อขายใกล้เคียงกัน
ตลาดหุ้นถูกกดดันจากความเสี่ยงและความไม่แน่นอนจากภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงเร็วในช่วงนี้ , ราคาน้ำมันดิบยังอ่อนตัวต่อเพราะวิตกอุปทานสูง โดยสถานการณ์ขัดแย้งในตะวันออกกลางทำให้โอกาสความร่วมมือลดการผลิตเพื่อดันราคาน้ำมันขึ้นมีน้อยลง ซึ่งกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานและกำไรตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องถึง 1Q16 รวมทั้งปัญหาในคาบสมุทรเกาหลีก็ปะทุขึ้นหลังเกาหลีใต้ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาระเบิดไฮโดรเจน ช่วงนี้นักลงทุนจึงปรับกลยุทธ์โดยหันไปถือครองทองคำมากขึ้น กลยุทธ์การลงทุน : เลือกลงทุนและทยอยซื้อเป็นรายบริษัท, การ Trading ควรหวัง Gap กำไรน้อยลงในยามที่ตลาดเป็น Sideways down, การซื้อหุ้นปันผลสูงควรพิจารณาเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขายด้วย สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อวันนี้เป็น CPN
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเหมือนจะเป็นบวกเล็กๆ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี อาจอ่อนตัวไปที่แนวรับ 1250+/-, 1240 จุด แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1270, 1280-1290 จุด ส่วนการ SCAN หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสปรับขึ้นในระยะสั้น เราพบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น TOP,
TRC, AAV, BA และหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ LIT, ANAN, UNIQ, SEAFCO, COM7, TOP, EPG, TACC ส่วนหุ้นที่หลุด List คือ BAFS ส่วนหุ้นที่หาจังหวะขายทำกำไร เป็น IRPC, LPH, BH
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- จีน : ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนธ.ค.อ่อนแอลง ดัชนี PMI ภาคบริการที่สำรวจโดยมาร์กิตกับไฉซินเดือนธ.ค.ลดลงเป็น 50.2 โดยลดลงจาก 51.2 ในเดือนพ.ย. ด้านดัชนี PMI ภาคการผลิตที่รายงานไปก่อนหน้านี้ก็ลดลงเป็น 48.2 จาก 48.6 ในเดือนพ.ย.
- จีน : เงินหยวนอ่อนค่าของต่อ โดยเมื่อวานนี้ (7 ม.ค.2016) ปิดที่ 6.5467 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนลง 1.46% จากระดับปิดสิ้นปี 2015
- สหรัฐ : ดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค.สำรวจโดย ISM หดตัว เป็น 55.3 จาก 55.9 แต่ยังอยู่เหนือ 50 พอควร บ่งชี้ว่ายังมีการขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แต่ก็ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 56.3
- สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน -0.2%MoM ในเดือนพ.ย.2015 และมีการปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของสหรัฐใน 4Q15 สู่ระดับ +0.5%
สหรัฐ : รายงานการประชุมเฟด 15-16 ธ.ค.2015 ระบุว่าเจ้าหน้าที่กังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐจากดอลลาร์แข็งและเศรษฐกิจต่างประเทศที่เติบโตลดลง และเน้นย้ำว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยในจะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตลาดมองว่าโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบแรกของปี 2016 วันที่ 26-27 ม.ค.ยังมีน้อย แต่มีโอกาสที่จะปรับขึ้นในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 15-16 มี.ค.2016มากกว่า
- เกาหลีเหนือ : ประกาศความสำเร็จในการทดสอบระเบิดไฮโดรเจน ทางเยอรมนีออกมาประนามเกาหลีเหนือว่าเป็นภัยคุกคามสันติภาพและเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี
- ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอีก 1.5% โดยดัชนีดาวโจนส์ปิด -252.15 จุดที่ 16,906.51 จุด เพราะกังวลการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน การอ่อนค่าของเงินหยวนทำให้มูลค่าสินทรัพย์ที่ไปลงทุนในจีนลดลง และราคาน้ำมันดิบที่อ่อนแอกดดันผลประกอบการหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงความตึงเครียดในตะวันออกกลางและคาบสมุทรเกาหลีก็กดดันบรรรยากาศการลงทุนด้วย
- ราคาน้ำมันดิบดิ่ง...กดดันหุ้นกลุ่มพลังงานต่อ โดยสัญญา WTI และ BRENT ส่งมอบก.พ.2016 ปิด -2.0 และ -2.19 ดอลลาร์ ปิดที่ 33.97 และ 34.23 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะวิตกอุปทานสูง ทั้งนี้ EIA เปิดเผยปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์สิ้นสุด 1 ม.ค.16 เพิ่มขึ้น 17,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.219 ตรงข้ามกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลง และสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นถึง 10.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 232 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 6.3 บาร์เรล สู่ระดับ 159.4 ล้านบาร์เรล แต่สต็อกน้ำมันดิบลดลง 5.1 ล้านบาร์เรล สู่ 482.3 ล้านบาร์เรล ดีกว่าคาด
+ ราคาทองคำพุ่งขึ้นต่อ โดยสัญญาตลาด COMEX ส่งมอบก.พ.ปิด +13.5 ดอลลาร์ ที่ 1,091.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากความไม่แน่นอนในตะวันออกกลางและคาบสมุทรเกาหลี
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
กลุ่มเช่าซื้อรถยนต์ : TISCO คาดสินเชื่อปี 2016 จะไม่เติบโต เพราะคาดว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศจะทรงตัวที่ประมาณ 7.6-7.8 แสนคัน ด้วยว่าโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ที่เริ่มใช้ 1 ม.ค.2016 ทำให้มีการซื้อรถยนต์ล่วงหน้าไปในปี 2015 เป็นส่วนใหญ่แล้ว ราคาพืชผลการเกษตรที่ตกต่ำยาวนานทำให้กำลังซื้อซบเซา และปีนี้ยังมีความเสี่ยงเรื่องภัยแล้งสูงขึ้นด้วย ซึ่งทำให้ยอดขายรถกระบะอาจไม่ดีนัก เชิงกลยุทธ์ให้น้ำหนักลงทุนเป็น Neutral โดยความน่าสนใจของ TISCO และ TCAP อยู่ที่จ่ายปันผลสูง คาดการณ์ Yield ปีนี้ไว้ที่ 5.0-5.5% การอ่อนตัวเป็นจังหวะทยอยซื้อเพื่อรับปันผลสูง
LIT (ราคาปิด 8 บาท) : คาดสินเชื่อ รายได้ และกำไรปี 2016 จะเติบโตไม่น้อยกว่า 30% โดยหลักมาจากการเติบโตในส่วนสินเชื่อแฟคตอริ่ง (รับซื้อหนี้การค้า) ที่ตั้งเป้าหมายไว้ถึง 100% เป็น 8 พันล้านบาท รวมถึงคาดว่าสินเชื่อเพื่อออกหนังสือค้ำประกันก็จะเติบโตก้าวกระโดดด้วย เพราะปี 2016 จะมีการเปิดประมูลงานใหม่ๆ มากขึ้น สำหรับงวด 9M15 บริษัทมีรายได้ 140 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 51 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 36.3% ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2014 ที่ทำได้ 37.3% สำหรับประมาณการกำไรสุทธิใน Consensus คาดว่า EPS ปี 2016 จะอยู่ที่ 0.50 บาท/หุ้น (+30%) ความเสี่ยงหลัก คือ การด้อยค่าของลูกหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน
การวิเคราะห์ทางเทคนิค - แนะนำซื้อตามด้วยค่าบวก แนวต้าน 8.5, 9.0 บาท Stop Loss เมื่อหลุด 7.80 บาท
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Update อุตสาหกรรม & หุ้นในเชิงกลยุทธ์
# CPN (ราคาปิด 46.50 บาท) : เติบโตได้ต่อเนื่องในระยะยาว
ปี 2016 รายได้และกำไรขยายตัวดีขึ้นเป็น 12% จาก 6-7% ในปี 2015 หนุนโดยการเปิดศูนย์การค้าในปี 2015 คือ เซ็นทรัล พลาซ่า เวสเกตย์ และเซ็นทรัล พลาซ่า อีสต์วิลล์ รวมถึงเซ็นทรัล พลาซ่า ปิ่นเกล้าที่ได้กลับมาเปิดให้บริการในเฟสที่ 1 หลังปรับปรุงแล้วเสร็จในปลายปีก่อน หนุนการเติบโตของรายได้และกำไรในปี 2016 โดยในส่วนของปิ่นเกล้าหลังปรับปรุงก็สามารถปรับขึ้นค่าเช่าพื้นที่ได้ด้วย
แต่... อัตราการปรับขึ้นค่าเช่าในช่วงปี 2016 คาดว่าจะไม่มาก เพราะภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและกำลังซื้อในระบบยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ สำหรับงวด 9M15 อัตราค่าเช่าที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 1,529 บาท/ตรม./ปี โดยอัตราค่าเช่าของโครงการเดิม (ไม่รวมโครงการที่เปิดใหม่ในปี 2015 และโครงการปิ่นเกล้าที่ปรับปรุง) เพิ่มขึ้น 3%YoY เป็น 1,541 บาท/ตรม./ปี
แนวโน้มระยะยาวสดใส บริษัทมีแผนที่จะเปิดศูนย์การค้าใหม่ปีละ 2-3 แห่ง เพื่อหนุนการเติบโตตามเป้าหมายเฉลี่ยปีละ 15% (การเติบโตจากโครงการเดิม 5% และจากการเปิดโครงการใหม่ 10%) โดยในปี 2017 คาดว่าจะเปิดโครงการใหม่ 4 แห่ง ใช้เงินลงทุนจากกระแสเงินสดภายในกิจการและกู้ยืม สำหรับการลงทุนในมาเลเซีย (บริษัทถือหุ้น 60% ในโครงการร่วมทุนขนาด 7.4 พันล้านบาท ซึ่งมีพื้นที่ให้เช่ารวมห้างสรรพสินค้า 89,700 ตรม.) จะเปิดดำเนินการได้ในปี 2017 ด้านโครงการคอนโดมิเนียม จะเปิดขาย 3 แห่งที่เชียงใหม่, ระยอง และขอนแก่น โดยแต่ละโครงการมีขนาดประมาณ 400 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 2.0-2.5 ล้านบาท/ยูนิต คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2016 และเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2018
ฐานะการเงินดี โดยสิ้นก.ย.2015 มีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนต่ำเพียง 0.45 เท่า
แนะนำซื้อ ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 58.00 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี SOTP ในเชิงกลยุทธ์เราชอบ CPN ที่ธุรกิจมั่นคง มีรายได้ค่าเช่าที่แน่นอนเป็นสัดส่วนสูง กระแสเงินสดจากการดำเนินงานดี มีโอกาสเติบโตจากการเปิดศูนย์การค้าใหม่เพิ่มทุกปี และขยายการลงทุนไปในต่างประเทศ รวมถึงการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเข้ามาช่วยหนุนด้วย
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]