- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 January 2016 17:15
- Hits: 797
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
เหตุกังวลจากเอเซีย
คาดหุ้นไทยปรับตัวลงวันนี้ จากความวิตกกังวลจากปัจจัยในเอเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน การทดลองระเบิดไฮโดรเจนโดยเกาหลีเหนือ แม้ว่าปัจจัยภายในประเทศวันนี้จะเป็นบวกไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรค์งบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีก 1 แสนล้านบาท
หุ้นเด่นวันนี้ : BA (ราคาปิด 24.00 บาท, NR, ราคาเป้าหมาย Bloomberg 26.79 บาท)
บมจ. การบินกรุงเทพ เป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวของไทยยังมีแนวโน้มสดใสต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาและการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในระหว่างปี 2558 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาประเทศไทยเติบโตถึง 21% YoY มาอยู่ที่ 29.9 ล้านคน ขณะที่ รมว. กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 32 ล้านคนในปีนี้ เรายังมองว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 4/58 และ ไตรมาส 1/59 ยังคงเป็นไตรมาสที่ดีของบริษัทเนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวไทยประกอบกับผลบวกจากการปรับลดของราคาน้ำมันเจ็ทถึง 41% YoY ในระหว่างไตรมาส 4/58 จะมีส่วนช่วยให้อัตราการทำกำไรของบริษัทดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ สายการบินพันธมิตรของบริษัทปัจจุบันได้เปลี่ยนประเภทของเครื่องบินให้มีขนาดใหญ่ขึ้นในการบินจากสนามบินหลัก 3 แห่ง (กรุงเทพฯ กัวลาลัมเปอร์ และสิงคโปร์) ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนที่นั่งผู้โดยสารประมาณ 24% ในปี 58 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 14% ในปีนี้ อันหมายถึงจะมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นที่จะมาใช้บริการต่อเครื่องของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ตามประมาณการใน Bloomberg consensus คาดว่ากำไรงวดปี 58 จะเพิ่มขึ้นถึง 495% ในปี 58 จากฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้า และเติบโตลดลงแต่ยังแข็งแกร่งเป็น 31% ในปีนี้ สำหรับรูปแบบราคาของ BA กลับมาเกิดความแข็งแกร่งครั้งใหม่อย่างชัดเจนหลังเมื่อวานนี้ปิดตลาดที่ 24.00 บาท ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่เข้ามาซื้อขายในตลาด หลังราคาสามารถยืนเหนือเป้าหมายสำคัญที่ 23.70 บาทไปได้แล้ว คาดว่าจะปรับตัวขึ้นต่อเพื่อไปทดสอบเป้าหมายสำคัญของการทำ New High ที่ 24.90 บาท และ 28.25 บาทตามลำดับ โดยมีจุด Stop Loss ในรอบนี้อยู่ที่ 23.40 บาท (แนวต้าน: 24.30, 24.60, 25.00; แนวรับ: 23.80, 23.50, 23.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ
เพิ่มงบรัฐอีก 1 แสน ลบ. สำหรับปีงบประมาณ 59 สำนักงบประมาณเตรียมจัดสรรวงเงินเพิ่มอีกราว 7 หมื่น ลบ.ถึง 1 แสน ลบ.เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสู้กับปัจจัยภายนอก ราว 7 หมื่น ลบ.จะมาจากเงินค่าใบอนุญาต 4จีที่ประมูลกันไป ที่เหลือจะมาจากการกู้ (The Nation)
ธนาคารโลกไม่หวังการเติบโตไทย ธนาคารโลกคาดว่าการเติบโตของไทยจะลดเหลือแค่ 2% ในปี 59 จาก 2.5% ในปี 58 เพราะหนี้ครัวเรือนถ่วงการบริโภคและการเติบโตของการส่งออกยังอ่อนแอ รายงานความคืบหน้าทางเศรษฐกิจโลกของธนาคารโลกคาดว่าค่าเฉลี่ยการเติบโต GDP ของไทยจนถึงปี 61 จะอยู่ที่ราว 2.4% (Bangkok Post)
อุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น 3% รมว. กระทรวงพลังงานเปิดเผยการคาดการณ์ความต้องการใช้พลังงานของไทยจะเพิ่มขึ้น 3% ในปี 59 จากอุปสงค์เฉลี่ยอยู่ที่ 132 ล้านลิตรต่อวันในปี 58 การคาดการณ์อยู่บนพื้นฐานของสมมติฐานที่ว่าราคาน้ำมันจะเคลื่อนไหวระหว่าง 35-45 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล, จีดีพีเติบโตที่ 3-4% และอัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวในกรอบ 36-37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ (Bangkok Post)
ททท. ตั้งเป้ารายได้ท่องเที่ยวต่อหัวเพิ่มขึ้น กรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แถลงในวันพุธว่า ททท. จะเน้นเป้าหมายการท่องเที่ยวที่คุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ ตัวอย่างเช่น กลุ่มที่มีการใช้จ่ายต่อหัวสูง อาทิ ผู้เล่นกอล์ฟ, ฮันนีมูน, ผู้มาร่วมงานแต่งงานและนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเป็นเวลานาน (The Nation)
JAS (3.14 บาท) วางแผนให้แจส โมบายยื่นขอเลขหมายเพิ่มจาก กสทช. จากที่เคยเสนอที่ 3 ล้านเลขหมาย กสทช. ระบุว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 45-60 วันในการอนุมัติการตั้งเสาโทรคมใหม่ อย่างไรก็ดียังมีอุปสรรคสำคัญประการหนึ่งสำหรับการขยายเสาโทรคมคือการต้องทำประชาพิจารณ์ในพื้นที่ติดตั้งทุกพื้นที่ในแต่ละเสาซึ่งใช้เวลา ทำให้เป็นอุปสรรคโดยเฉพาะกับรายใหม่ทำให้ขยายได้ยากมาก สำหรับเรื่องการชำระค่าใบอนุญาต แจส โมบายอยู่ระหว่างขั้นตอนสุดท้ายคือการขอหนังสือค้ำประกันจากธนาคารก่อนยื่นให้ กสทช. (ไทยรัฐ)
ต่างประเทศ
ตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ภายใต้แรงกดดัน จากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวต่อเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันที่ร่วงลงหนักและความกังวลเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้นซึ่งทำให้นักลงทุนเร่งหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย (Reuters)
อาจใช้มาตรการลงโทษเกาหลีเหนือถึงแม้ว่าจะเกิดข้อสงสัยต่อระเบิดเอชบอมบ์ เกาหลีเหนือประกาศว่าประสบความสำเร็จในการทดลองระเบิดไฮโดรเจนซึ่งอาจทำให้มีการใช้มาตรการลงโทษต่อไปถึงแม้ว่าสหรัฐและผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธยังเคลือบแคลงใจว่าระเบิดดังกล่าวจะมีอำนาจทำลายล้างสูงตามที่อ้างไว้หรือไม่(Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐทรงตัวเมื่อวันพุธ สูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือนเทียบกับเงินสกุลอื่นในตะกร้าเงินเนื่องจากมีการมองว่าสหรัฐจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหลายครั้ง ส่วนเงินหยวนร่วงสู่ระดับต่ำสุดนับแต่ปี 2010 ตั้งแต่ช่วงเปิดตลาด offshore จากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ 99.448 จุด ต่ำกว่าจุดสูงสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อวันอังคาร (Reuters)
ราคาพันธบัตรสหรัฐเพิ่มขึ้นเมื่อวันพุธ อัตราผลตอบแทนอ้างอิงของพันธบัตรแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์จากความต้องการสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีล่าสุดเพิ่มขึ้น 15/32 ให้อัตราผลตอบแทน 2.195% จาก 2.250% เมื่อวันอังคาร ราคาพันธบัตรอายุ 30 ปีล่าสุดเพิ่มขึ้น 1-8/32 ให้อัตราผลตอบแทน 2.948% จาก 3.011% ในวันอังคาร (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงเปิดที่ระดับต่ำสุดนับแต่ต้นเดือนต.ค. ปีก่อนเมื่อวันพุธ ถูกถ่วงน้ำหนักจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนและการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมัน ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐที่ประกาศล่าสุดเป็นทั้งบวกและลบโดยรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนมีความแข็งแกร่งแต่คำสั่งซื้อสินค้าจากโรงงานกลับลดลง (Reuters)
ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐอันแข็งแกร่งชี้ให้เห็นถึงเศรษฐกิจสหรัฐกลับมาฟื้นตัว บริษัทเอกชนมีการจ้างงาน 257,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้จากรายงานของ ADP Employer Services บริษัทเอกชนมีการจ้างงาน 211,000 ตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ว่าจะมีการจ้างงาน 192,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรมีกำหนดประกาศในวันศุกร์นี้ซึ่งรวมทั้งการจ้างงานทั้งในภาครัฐและเอกชน คาดว่าจะมีการจ้างงานนอกภาคเกษตร 200,000 ในเดือนธันวาคม มีการคาดการณ์ว่าอัตราการว่างงานจะยังทรงตัวอยู่ที่ 5.0% เช่นเดียวกับเดือนก่อน (Reuters)
รายงานประชุม Fed : ปรับดอกเบีเยขึ้นทั้งๆเงินเฟ้อยังต่ำ รายงานการประชุมคณะกรรมการการเงินสหรัฐ ของเดือนล่าสุด ธ.ค. ระบุว่า Federal Reserve ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ทั้งๆที่คณะกรรมการดังกล่าวหลายคนยังกังวลว่า ระดับเงินเฟ้อในปัจจุบันของสหรัฐยังต่ำเกินไป (Reuters)
คำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมสหรัฐ และสินค้าคงคลังลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันในเดือน พ.ย. ยอดคำสั่งซื้อใหม่ร่วงลง 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือน ต.ค. สอดคล้องกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาด สินค้าคงคลังลดลง 0.3% หลังจากร่วงลง 0.2% ในเดือน ต.ค. (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปร่วงในวันพุธ นำโดยหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ จากความวิตกการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่กลับมาอีก หลังธนาคารกลางจีนตั้งค่าเงินหยวนที่อ่อนตัวลงอีก (Reuters)
เอเชีย :
ธนาคารกลางจีนตั้งค่าเงินหยวนอ่อนลงอีก PBOC ก่อให้เกิดความผิดคาดอีกครั้งในวันพุธ หลังจากกำหนดค่ากลางเงินหยวนให้อ่อนค่าลงอีก ต่ำสุดในรอบ 4 ปีครึ่งที่ 6.5314 ต่อดอลลาร์ ทำให้เกิดแรงเทขายหยวนในตลาดเงินตราในต่างประเทศ จนร่วงลงมาอยู่ที่ 6.6935 ต่อดอลลาร์ ต่ำสุดนับตั้งแต่มีการเปิดขายหยวนในต่างประเทศในปี 2010 ทำให้คิดกันว่าเศรษฐกิจจีนจะยิ่งชะลอตัวลงอีก (Reuters)
ภาคบริการจีนขยายตัวด้วยอัตราช้าสุดใน 17 เดือนในเดือน ธ.ค. ดัชนี ไคซิน/มาร์กิต PMI ลดลงมาอยู่ที่ 50.2 ในเดือน ธ.ค. จาก 51.2 ในเดือน พ.ย. ต่ำสุดนับตั้งแต่ ก.ค. 2014 และต่ำสุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ปี 2005 ที่เริ่มมีการจัดทำดัชนีนี้ (Reuters)
ตลาดหุ้นจีนดีดกลับเมื่อวันพุธ บนความคาดหวังว่ากลต.จีนจะขยายเวลามาตรการที่ไม่ให้ผู้ถือหุ้นใหญ่สามารถขายหุ้นออกมา ซึ่งเดิมมีกำหนดที่จะสิ้นสุดในวันศุกร์นี้ จนกว่าจะสามารถประกาศใช้มาตรการและกฎเกณฑ์ใหม่แทนที่ (Reuters)
ภาคการบริการญี่ปุ่นเดือน ธ.ค. ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 ดัชนี PMI ภาคการบริการญี่ปุ่น ซึ่งจัดทำโดย Markit/Nikkei สำหรับเดือน ธ.ค. ประกาศออกมาอยู่ที่ 51.5 เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากตัวเลขเมื่อเดือน พ.ย. ที่ 51.6 ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวสามารถยืนอยู่เหนือระดับ 50 ได้เป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบร่วง 6% วันพุธ ลงต่ำกว่า 35 ดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 47 หลังมีอุปทานสะสมของเบนซินมากขึ้นมากสะท้อนว่าจำนวนล้นเกินยังคงโตขึ้น ตัวเลขรัฐบาลสหรัฐชี้ว่าเบนซินจำนวน 10.6 ล้านบาร์เรลได้เพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มที่มากที่สุดนับแต่ปี 36 ซึ่งถือว่าบดบังตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบที่ร่วงลง 5.1 ล้านบาร์เรล Brent ปิดลง 2.19 ดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 34.23 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2 ดอลลาร์ ปิดที่ 33.97 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แตะจุดต่ำสุดนับแต่ ก.พ. 52 โดยตลาดเมินความเสี่ยงด้านการเมืองระหว่างประเทศอันได้แก่การทดลองระเบิดไฮโดรเจนของเกาหลีเหนือ และประเด็นขัดแย้งระหว่างซาอุฯ กับอิหร่านน่าจะกระทบการส่งออกน้ำมันเพียงเล็กน้อย แต่จะยิ่งทำให้การตกลงเรื่องการคุมการผลิตนั้นยากขึ้น (Reuters)
ราคาทองขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 7 สัปดาห์ บวกเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนและความตึงเครียดที่มากขึ้นในคาบสมุทรเกาหลีหลังมีข่าวการทดสอบระเบิดไฮโดรเจน ราคาทองคำตลาดจรปรับขึ้น 1.2% อยู่ที่ 1,090.95 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำล่วงหน้าส่งมอบ ก.พ. ปรับขึ้น 12.50 ดอลลาร์อยู่ที่ 1,090.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331