- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 29 December 2015 17:01
- Hits: 2172
บล.โนมูระ พัฒนสิน : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
เน้นสะสมหุ้นที่คาดกำไร 4Q15 ฟื้นตัวเด่น (PLANB, CI) ผสานกลุ่มค้าปลีกรับนโยบายลดหย่อนภาษีส่งท้ายปี (HMPRO)
Nomura : Key Factors
(+) Int Factor: เม็ดเงิน LTF/RMF คาดเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี
(+) Int Factor: เข้าช่วงมาตรการลดหย่อนภาษีซื้อสินค้าช่วงปลายปีกระตุ้นกลุ่มค้าปลีก
(+) Int Factor: จับตาบทสรุปการปรับลดเพดานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในเดือน มค.16
(+) Valuation: SET ปัจจุบันเทรด PER16F เพียง 12.72 เท่า ต่ำกว่าLT Avg PER 14 เท่า
(*) TH Econ: วันนี้จับตาผลผลิตภาคอุตสาหกรรมไทย พย. consคาด -2%y-y จาก -4.2%
(-) Commo: ราคาน้ำมันดิบ WTI -3.56% สู่ $36.74/bbl / Brent -3.35% สู่ $36.62/bbl
(-) Fund Flow: ต่างชาติขาย 321 ลบ, Short Future 374, ซื้อ Bond 718 ลบ
(-) Int Factor: เข้าใกล้เทศกาลหยุดยาว คาดปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์อาจชะลอลง
SET PER 15F: CNS 13.89x (EPS 92.5) vs Cons.14.45x (LT-Avg 14.5x)
2016 SET Target: CNS Base 1515 pts (EPS 101, PER15x)
Nomura Daily Top Picks: PLANB, CI, HMPRO
Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ Sideway ในกรอบแนวต้าน 1292/1300 จุด และแนวรับ 1278/1275 จุด จากความกังวลต่อปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านที่คาดว่าในปี 2016 จะปรับตัวขึ้นราว 5 แสนบาร์เรลต่อวันหลังการยกเลิกคว่ำบาตร รวมถึงการที่สภาครองเกรสยกเลิกการห้ามส่งออกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบ 40 ปี เพิ่มแรงกดดันต่ออุปทานน้ำมันดิบโลก ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลกย่อตัวส่งท้ายปี โดยวานนี้น้ำมันดิบสหรัฐฯ -3.56% ลงสู่ระดับ 36.74 เหรียญต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบเบรนท์ -3.35% ลงสู่ระดับ 36.62 เหรียญต่อบาร์เรล กดดันต่อกลุ่ม ENERG (Upstream) แต่อย่างไรก็ดีคาดระยะสั้น นักลงทุนสถาบันในประเทศยังคงเป็นผู้เล่นหลักที่ช่วยพยุงตลาด สะท้อนจากยอดซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบันฯที่ซื้อต่อเนื่อง 5 วันทำการติดต่อกัน กว่า 12,120 ล้านบาท บ่งชี้ให้เห็นว่าเม็ดเงิน LTF/RMF เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงโค้งสุดท้ายของปียังคงเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ คาดเป็นตัวช่วยจำกัดDownside Risk ของตลาดไว้ได้
ผสานกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐฯที่ยังคงทยอยออกมาช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติม โดยช่วงเดือน มค.2016 แนะติดตามบทสรุปของการปรับลดเพดานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ใกล้เคียงกับระดับอัตราภาษีของนิติบุคคล คาดจะช่วยฟื้นภาคการบริโภคได้ต่อเนื่อง ส่วนสำหรับดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจที่สำคัญวันนี้ แนะจับตาการรายงานดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมไทย เดือน พย. โดย Nomura คาดที่ -0.9%y-y Vs consensus คาดที่ -2.0%y-y ลดลงน้อยกว่าเดือนก่อนหน้าที่ -4.2%y-y สะท้อนถึงภาพเศรษฐกิจไทยในช่วงถัดไปมีแนวโน้มที่ค่อยๆฟื้นตัวขึ้น ส่วนสหรัฐ ติดตามการรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่ง consensus คาดที่ระดับ 93.8 จุด เพิ่มขึ้นจาก 90.4 อาจช่วยกระตุ้น Dollar Index แข็งค่าขึ้นในระยะสั้น
Asset allocation : หุ้น 85% ทองคำ 2.5% ตลาดบอนด์ 5% และเงินสด 7.5%
Short-Term Strategy : เน้นทยอยสะสมหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไร 4Q15 เติบโตแกร่ง (HMPRO, CI, PLANB, TCAP, BRR, TPCH) ผสานกลุ่มที่ได้อานิสงค์เด่นช่วงปลายปี เช่น ท่องเที่ยว (ERW, MINT, AOT), สายการบิน (BA, AAV), ค้าปลีก (HMPRO, ROBINS, KAMART) ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะทยอยสะสมหุ้น 1Q16 Top Picks : ERW, BBL, ROBINS, BRR, LH, CPF และหุ้น 2016 AEC Connectivity (ERW, KAMART, BCH, BDMS, BBL, CK, AMATA. DCC, ROBINS, CI, LH, TCAP, SCC, KSL, BRR, NYT) สำหรับวันนี้แนะนำ Daily Top Picks: PLANB, CI, HMPRO
Mid-Long Term Strategy : คาด SET น่าจะแกว่งบวก สู่ต้าน 1420/1450จุด โดยคาดกลุ่มนำตลาดในเดือนนี้ ได้แก่ กลุ่มได้ประโยชน์จากฤดูกาล(CPALL, ROBINS, GLOBAL, MINT, ERW, KAMART) ผสานกลุ่มวัสดุ และอสังหาฯ (SCC, DCC, CI, SC, PS) ผสาน Mid-small Cap ที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว TVT, PLANB, AMATA, BRR ส่วนหุ้นที่คาดจะ Underperform ในเดือนนี้ COAL(BANPU), MEDIA(BEC), Airline(THAI), ICT( TRUE) โดย Portfolio Top picks DEC 15 CPALL, ROBINS, CI, KAMART, BRR, ERW / Dark Horse TPCH, COM7, AMATA, SC, SCC
Investment Theme:
2016 AEC Connectivity : WISE
Wellness & discover Thainess: ERW, KAMART, BCH, BDMS
Infrastructure: BBL, CK, AMATA. DCC
Spending Recovery: ROBINS, CI, LH, TCAP
Eco Friendly: SCC, KSL, BRR, NYT
1Q16 Top Picks : ERW, BBL, ROBINS, BRR, LH, CPF
Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
PLANB (TP7.75*): Support 7.0/6.85 Resistance 7.35/7.6
Theme: Digital Transformation
Earning outlook : คาดกำไร 4Q15 กลับมาเติบโตอีกครั้งที่ 114.6 ลบ. +4% q-q และ +38% y-y จากการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสและแนวโน้มมาร์จิ้นที่ดีขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2016
Valuation : แนวโน้มกำไรยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น แนะนำ "ซื้อ" TP2016F ที่ 7.75 บาท
Catalyst : High Season 4Q15 ผสานรายได้จากดีล HBK และการเข้าซื้อแม็กซ์วิวเริ่มรับรู้รายได้ก่อนสิ้นปีหนุนกำไร 4Q15 กลับมาเติบโตทั้ง q-q และ y-y บวกกับการเทคเมอร์ซี่พลัสหนุนรายได้โตต่อเนื่องถึง 1Q16
CI (TP4.05*): Support 2.18/2.12 Resistance 2.26/2.36
Theme: Turnaround
Earning outlook : ปี 2016 แนวโน้มกำไรจะเร่งตัวมากขึ้นสู่ 486 ลบ. (+328.9% y-y) จากการโอนโครงการดังกล่าวเต็มปี บวกรายได้จากการขายศรีพันวาเฟส 2 มูลค่า 1.15 พันลบ. เข้ากอง REIT ในช่วง 2Q16
Valuation: ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2016 ที่ 4.05 บาท อิง PER ที่ระดับ 6 เท่า เทียบเคียงค่าเฉลี่ยหุ้นกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาฯรายเล็กที่มีรายได้ช่วง 2 - 5 พันล้านบาท
Catalyst: จากการสอบถามผู้บริหาร จาก Backlog กว่า 3.3 พันลบ.ของบริษัททยอยรับรู้ใน 4Q15 เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งเป็น Sentiment บวก และยังมีโครงการกำลังพัฒนามือกว่า 1 หมื่นลบ. รองรับการเติบโตต่อเนื่องจนถึงปี 2017
HMPRO (TP9.8*): Support 6.6/6.45 Resistance 6.9/7.1
Theme: Consumer Spending
Earning Outlook : แนวโน้มผลประกอบการเชิงบวก 4Q15F จะเป็น Peak ของปีที่ระดับ 1.08 พันลบ. +5% y-y , +35% q-q f และเติบโตต่อเนื่องในปี 16F ที่ระดับ 4.08 พันลบ. + 18.8% y-y
Valuation : ราคาเป้าหมายที่ 9.80 บาท อิง PER 22.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 25 เท่าและ GLOBAL ที่ 36 เท่า
Catalyst : ได้ประโยชน์โดยตรงจากมาตรการภาษีใหม่ ซื้อสินค้า 1.5 หมื่นบาท นำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาช่วง 25-31 ธ.ค. 58 หนุน กำไร 4Q15F ทำจุดสูงสุดในรอบปี
Research and IRIS Reports
Sector Update:
MEDIA (Digital TV) : มติสำคัญที่ประชุม กสท. 3 ประเด็นวานนี้ (28 ธ.ค.)
ประเด็น
วาระการกำหนดสัดส่วนค่าธรรมเนียมช่องคู่ขนาน (4% ของรายได้ต่อปี) กสท. มีมติให้ผู้ให้บริการรายเดิมคิดสัดส่วนรายได้เอง (ช่องอนาล็อก vs ดิจิทัล) โดยช่องที่ออกอากาศคู่ขนานในปัจจุบันประกอบด้วย ช่อง 3 (คู่ขนาน 3HD), ช่อง MCOT (คู่ขนาน MCOT HD) และ ช่อง 7 (คู่ขนาน 7HD)
วาระที่สอง กสท. มีมติไม่เห็นด้วยกับการกำกับราคาโครงข่ายตามจริง
วาระที่สามมีมติกำหนดบทลงโทษ Truevisions กรณี (1) นำช่องฟรีทีวีภาคพื้นดินออกอากาศนอกเหนือจากเลขช่อง Must carry ที่ กสท. กำหนดและมีการโฆษณาเกินกำหนด และ (2) ยังไม่มีการเรียงช่องฟรีทีวีดิจิทัล 1-36 ตามกำหนด กสทช. โดยมีบทลงโทษปรับ 1 ล้านบาท และปรับอีกวันละ 5 หมื่นบาท ตลอดระยะเวลาที่ยังไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่ง (โดยให้เวลา 15 วัน)
ความเห็นและคำแนะนำ
- เรามีมุมมอง Slightly Positive ต่อมติ กสท. ข้างต้น เนื่องจากการกำหนดบทลงโทษเพื่อบังคับให้ Truevisions ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิลรายเดียว (ไม่รวมผู้ให้บริการเคเบิลรายย่อย) ที่ยังไม่เรียงช่องตาม กสทช. กำหนด จะทำให้ Truevisions ซึ่งมีฐานสมาชิกราว 3 ล้านครัวเรือนต้องปฏิบัติตามเกณฑ์เหมือนกับผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีรายใหญ่รายเดื่อนส่งผลดีทำให้ประชาชนไม่สับสนและสามารถจดจำเลขช่องทีวีดิจิทัลช่องใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น ขณะที่มติแรกการให้ผู้ให้บริการรายเดิมคิดสัดส่วนรายได้เพื่อที่จะมาคำนวนค่าธรรมเนียมทำให้ผู้ให้บริการรายเดิมยังมีความได้เปรียบผู้ให้บริการรายใหม่ (เนื่องจากส่วนใหญ่จะแบ่งสัดส่วนรายได้ที่มาจากช่องทีวีดิจิทัลคู่ขนานเพียงเล็กน้อย และสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่มาจากช่องอนาล็อกที่ยังอยู่บนสัมปทานเดิมที่ไม่เสียค่าธรรมเนียมรายปี) และมติที่สองการไม่กำกับราคาโครงข่ายตามจริงทำให้ผู้ให้บริการทีวีดิจิทัลยังคงเสียค่าโครงข่ายทีวีดิจิทัลตามเดิม
- เรายังคงเลือก GRAMMY (TP 20 บาท), RS (TP 17.2 บาท) และ TVT (TP 3.44 บาท) เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่มฯ คาดผลประกอบการฟื้นตัวโดดเด่นในปี FY16F จากการเติบโตของช่องทีวีดิจิทัล และราคาหุ้นยังซื้อขายที่ PE16F ต่ำกว่ากลุ่มฯ อยู่ที่เพียงราว 17-27 เท่า
Weekly Outlook :
LTF Flow and Window Dressing
Top Picks: ROBINS, TCAP, TISCO
- Weekly outlook : Sideway-Sideway Up กรอบต้าน 1300/1314 รับ 1275/1260จุด
- สัปดาห์ที่ผ่านมา SET ย่อช่วงต้นสัปดาห์รับผลการประมูล 4G ที่จบการประมูลในราคาที่ค่อนข้างสูงมาก รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับฐานแรงเป็นอีกปัจจัยกดดัน อย่างไรก็ดีภาพตลาดเริ่มฟื้นตัวช่วยท้ายสัปดาห์จากเม็ดเงิน LTF/RMF ที่เข้ามาช่วยพยุง ผสานกับราคาน้ำมันดิบที่กลับมาฟื้นอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ ส่วนสำหรับสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของปี 2015 คาดปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์จะค่อยๆ ชะลอตัวลง โดยประเมินแรงซื้อหลักที่ยังคงเหลือน่าจะมาจากเม็ดเงิน LTF/RMF ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายในการลดภาษี เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยพยุงตลาด นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาการทำ Window Dressing จากนักลงทุนสถาบัน ซึ่งอาจจะเป็นส่วนช่วยหนุนตลาดเพิ่มเติมได้ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงสัปดาห์สุดท้ายนี้ แนะติดตาม 28 ธค. การรายงานดัชนีการส่งออกไทย เดือน พย. ซึ่ง Nomura คาดที่ -3.7%y-y Vs consensus คาดที่ -5.0%y-y แม้ว่าจะยังหดตัวแต่ก็ยังพบว่าดีขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้าที่ -8.11%y-y เช่นเดียวกับ 29 ธค.แนะจับตาการรายงานดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมไทย เดือน พย. โดย Nomura คาดที่ -0.9%y-y Vs consensus คาดที่ -2.0%y-y ดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่ -4.2%y-y บ่งชี้ให้เห็นถึงภาพเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่ค่อยๆฟื้นตัวขึ้น สอดคล้องกับคาดการณ์ล่าสุดจาก ธปท.ที่ปรับเพิ่มปรับเพิ่มคาด GDP ไทยปี 2015 ขึ้นจากเดิมที่ 2.7% สู่ 2.8% ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยเพิ่ม sentiment บวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนปัจจัยที่จะต้องระวังคือประเด็นการไถ่ถอน LTF หลังจากถือครบกำหนด 5 ปีปฎิทินแล้ว ซึ่งประเมินเบื้องต้นราว 4.07 หมื่นล้านบาทอาจกลับมาเป็นปัจจัยกดดันในสัปดาห์แรกของปี 2016 ได้
- กลยุทธ์การลงทุน: เก็ง Window Dressing ในกลุ่ม Big Caps ที่ปรับฐานลงมามาก(ADVANC, INTUCH, DTAC, PTT, SCC, BBL) ผสานหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นการบริโภคผ่านการลดหย่อนภาษีช่วงปลายปี คือ กลุ่มค้าปลีก (KAMART, HMPRO, ROBINS, SPA, COM7) กลุ่มท่องเที่ยว (ERW, MINT, AOT) ส่วนกลุ่ม ICT ADVANC, DTAC, INTUCH ปันผลสูง 8.14%, 11.08%, 8.56% ตามลำดับ มากกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 6.36%, 8.2%, 7.56% น่าสนใจสำหรับการซื้อลงทุนระยะกลาง
- หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ : ROBINS, TCAP, TISCO
1) ROBINS (TP57*) คาดกำไร 4Q15 ฟื้นเด่น ผสานอานิสงค์ลดหย่อนภาษีภาครัฐฯหนุน
2) TCAP (TP41*) สินเชื่อ Hire purchase ฟื้นตัว + ลุ้นพันธมิตรใหม่เสริมความแกร่ง
3) TISCO(TP48*) NPL Ratioลด+สินเชื่อรถยนต์ฟื้นคาดหนุนกำไร16F โต +20%y-y
Monthly Outlook :
Fed rate hike?
Top Picks: CPALL, ROBINS, CI, KAMART, BRR, ERW
- Monthly Outlook : Sideway Up ต้าน 1420/1450จุด รับ1350/1337จุด
- แนวโน้มการลงทุนเดือน ธค 2015 คาดตลาดจะฟื้นตัว จากแรงเก็งการประชุม ECB 3 ธค 2015 ที่ Nomura คาดว่า ECB จะขยายระยะเวลาการทำ QE เพิ่มเติมจากเดิมที่จะสิ้นสุดลงในเดือน กย. 2016 ขยายเป็น มิ.ย. 2017 และมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงอีก 10 bps ลงสู่ระดับ -0.3% ประกอบกับมุมมองของ Nomura ให้น้ำหนัก 75% ว่าการประชุม FOMC 15-16ธค นี้ FED น่าจะขึ้นดอกเบี้ย โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ ตลาดหุ้นน่าจะตอบรับบวกกับเศรษฐกิจโลกที่เป็นภาพของการฟื้นตัวมากกว่าความเสี่ยงของสภาพคล่องที่ลดลง ประกอบกับปัจจัยบวกภายในประเทศ การลงทุนภาครัฐฯ เดินหน้า ทั้งการประมูล รางคู่ เส้นที่ 2 จิระ-ขอนแก่น มูลค่า 2.36หมื่นล้านบาท ในวันที่ 8 ธค 2015 และจับตาการอนุมัติโครงการลงทุน PPP Fast Track ในแต่ละหน่วยงาน ทั้งรถไฟฟ้าสายสีชมพู เหลือง น้ำเงิน และมอเตอร์เวย์อีก 2 เส้นทาง(บางปะอิน-นครราชสีมา, บางใหญ่-กาญจนบุรี) รวม 3.34แสนล้านบาท ก่อนเข้าครม 1Q16 จะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่น ผสานช่วง LTF-Season ที่เม็ดเงินมักเข้าสู่ระบบในเดือนสุดท้ายของปีสูง 2.2- 3.2 หมื่นล้านบาท เป็น Sentiment บวกต่อ SET ส่วนปัจจัยกดดันการลงทุน น่าจะเป็นความเสี่ยงของการประมูล 4G เคลื่อน 900Mhz ในวันที่ 15 ธค ที่มีการแข่งขันสูง กดค่าไลเซนท์สูง กดดันกลุ่ม ICT ก่อนการประมูล แต่คาดว่าหลังการประมูล ภาพกลุ่มนี้จะมีการฟื้นตัวดีขึ้นจากแรงหนุนของโอกาสเติบโตระยะยาวของผู้ที่ได้ไลเซนท์และ Yield ที่สูงจูงใจ ปัยจัยดังกล่าวน่าจะหนุนดัชนีเดือนนี้แกว่งตัวขึ้นในกรอบ แนวต้าน 1420/1450จุด แนวรับ 1350/1337จุด
- กลยุทธ์ลงทุน: แนวโน้มตลาดเดือน ธค 2015 SET น่าจะแกว่งบวก สู่ต้าน 1420/1450จุด โดยคาดกลุ่มนำตลาดในเดือนนี้ ได้แก่ กลุ่มได้ประโยชน์จากฤดูกาล(CPALL, ROBINS, GLOBAL, MINT, ERW, KAMART) ผสานกลุ่มวัสดุ และอสังหาฯ (SCC, DCC, CI, SC, PS) ผสาน Mid-small Cap ที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว TVT, PLANB, AMATA, BRR ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะ Underperform ในเดือนนี้ COAL(BANPU), MEDIA(BEC), Airline(THAI), ICT( TRUE) โดย Portfolio Top picks DEC 15 CPALL, ROBINS, CI, KAMART, BRR, ERW / Dark Horse TPCH, COM7, AMATA, SC, SCC
Eagle Eye
Thailand Strategy
Consumer Play:
Top Picks: KAMART, HMPRO, ROBINS, ERW, SPA
- การบริโภคภายในประเทศเริ่มฟื้นตัว รับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯที่ทยอยออกมาในช่วงปลาย 3Q15 โดยเฉพาะการกระตุ้นการบริโภค 3 มาตรการ วงเงินรวม 1.36แสนล้านบาท ได้แก่ 1) ปล่อยกู้สินเชื่อให้แก่กองทุนหมู่บ้านผ่านธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน 5.9 หมื่นล้านบาท ดอกเบี้ย 0% นาน 2 ปี แต่ต้องนำเงินที่ได้ไปสร้างรายได้ ห้ามนำไปใช้หนี้เดิม 2) จัดสรรเงินแบบให้เปล่า 7 พันตำบล ตำบลละ 5 ล้านบาท รวมวงเงิน 3 หมื่น 5พันล้านบาท เพื่อจ้างงานในชนบท และ 3) จัดงบลงทุนให้ส่วนราชการที่เสนอโครงการลงทุนขนาดเล็กไม่เกิน 1 ล้านบาท วงเงินรวม 1.6 หมื่นล้านบาท ล่าสุดเราเห็นสัญญาณบวกว่านโยบายดังกล่าวเริ่มสัมฤทธิ์ผล สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พย 2015 ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง 2เดือนติด สู่ระดับ 74.6 หลังจากเดือนก่อนหน้า ฟืนตัวเป็นเดือนแรกในรอบ 10เดือน เป็นปัจจัยบ่งชี้การบริโภคภายในประเทศเริ่มมีสัญญาณของการฟื้นตัวที่ดีขึ้น
- รัฐฯออกมาตรการลดหย่อนการซื้อสินค้าและภาคบริการเพิ่มเติม วงเงินไม่ 1.5หมื่นบาท
กระทรวงการคลังได้มีการเสนอมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วงปลายปี โดยจะมีการลดหย่อนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา ในการซื้อสินค้าหรือบริการระหว่างช่วงวันที่ 25-31 ธค. 2015 มูลค่าไม่เกิน 15,000 บาท ผสานกับมาตรการตามกฎกระทรวงมีผลใช้บังคับก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค. ถึงวันที่ 31 ธ.ค.58 กรณีเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว หรือที่ได้จ่ายเป็นค่าโรงแรมภายในประเทศ มูลค่าไม่เกิน 15,000 บาท ทำให้กระทรวงการคลังมีมาตรการภาษีเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ รวม 2 มาตรการ จำนวน 30,000 บาท นอกจากนี้ ครม. ยังมีมติอนุมัติเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ(Soft Loan) สำหรับ SME เพิ่มเติมอีก 5หมื่นล้านบาท คาดนโยบายดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศในช่วงปลายปี และต่อเนื่องถึง 1Q16 ให้มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น
- ย้อนรอยปี 2009 มาตรการเช็คช่วยชาติ หนุนหุ้นกลุ่มค้าปลีก +1.96% ใน 1 สัปดาห์
ในปี 2009 รัฐบาลเคยออกนโยบายกระตุ้นเศษฐกิจในลักษณะเดียวกันในนาม "เช็คช่วยชาติ" หนุนกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นโดดเด่น โดยพบว่าผลตอบแทนของกลุ่มค้าปลีก ช่วง 1วัน, 3วัน, 1 สัปดาห์ อยู่ที่ระดับ +0.25% +0.95% และ +1.96% ตามลำดับ (หุ้นที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดในช่วง 1สัปดาห์ คือ BIGC +8%, HMPRO +7.7%, ROBINS +2.4%, CPALL +2.4%) ดังนั้น เรามองว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้จะเพิ่ม Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มบริการในลักษณะเดียวกัน
- กลยุทธ์การลงทุน : KAMART, HMPRO, ROBINS, ERW, SPA
หุ้นที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากนโยบายการกระตุ้นการซื้อสินค้าและบริการในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2 กลุ่ม
1.กลุ่มค้าปลีก เน้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ที่มียอดซื้อต่อ Bill สูง นำโดย HMPRO (2,200บาท), GLOBAL (2,000บาท) ROBINS (1,000-1,500บาท), KAMART และ CPALL กลุ่มอุปโภคบริโภค Smart Phone(COM7, JMART) และกล้อง Mirrorless(BIG)
2.กลุ่มบริการโรงแรม และสปา ERW, MINT, CENTEL, SPA
กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น-กลาง รับอานิสงค์จากประเด็นนี้ เราให้น้ำหนักหุ้นที่มี Upside และ Growth สูงที่สุดในกลุ่ม เราเลือก KAMART, HMPRO, ROBINS, SPA ซึ่งมี Upside 64%, 45%, 36%, 23% และ Growth 28.8%, 20%, 23.3%, ตามลำดับ
Shipping Update:
BDI วานนี้ คงที่ ที่ระดับ 478 จุด โดยสำหรับนักลงทุนระยะสั้น กลาง ยาว แนะนำ "Wait and See PSL (รายได้จากเรือเทกอง 100%) TTA (รายได้จากเรือเทกอง 30-35%)"
- ค่าระวางเรือเทกอง (BDI) วานนี้ คงที่ ที่ระดับ 478 จุด โดยค่าเฉลี่ย BDI 4Q15 อยู่ที่ 639 จุด (-34%q-q, -42%y-y)
- สำหรับนักลงทุนระยะสั้น กลาง ยาว แนะนำ "wait and see" PSL (รายได้จากเรือเทกอง 100%) TTA (รายได้จากเรือเทกอง 30-35%)"
ดัชนีค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ วานนี้ คงที่ ที่ระดับ 339 จุด โดยแนวโน้มคาดกำลังอยู่ในช่วงปรับฐาน แต่ยังมีโอกาสขยับขึ้นในระยะกลาง
- ค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ วานนี้ คงที่ ที่ระดับ 339 จุด โดยแนวโน้มคาดกำลังอยู่ในช่วงปรับฐาน แต่ยังมีโอกาสขยับขึ้นในระยะกลาง
- สำหรับนักลงทุนระยะสั้น กลาง ยาว แนะนำ wait and see "RCL"
Stock Calendar
- วันนี้ : (XR) PSTC 1:1 @0.4 / (XW) PSTC 5:1
(ลูกหุ้นเข้าใหม่) IFEC, L&E, SUPER
- วันพรุ่งนี้ : (XR) THL 1:6 @0.05
Top NVDR Buy/Sell
Top Buy KBANK, INTUCH, TOP, SCB, CPALL / Top Sell ADVANC, BBL, PTT, JAS, CPN
Regional Fund Flow
- Indonesia +31, Philippines +1, S.Korea +12, Taiwan +38, Thailand -9
- ภาพรวมตลาดภูมิภาค วานนี้ ต่างชาติซื้อสุทธิ 74 ล้านเหรียญ (ซื้อวันที่สามติดต่อกัน) โดยพบว่ามีแรงซื้อสุทธิในทุกประเทศยกเว้น Thailand โดยประเทศที่ซื้อมากสุดยังคงเป็น Taiwan ที่ซื้ออีกราว 38 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิ 5 วันติดต่อกัน)
- สอดคล้องกับกลุ่ม TIP วานนี้ ต่างชาติซื้อ 23 ล้านเหรียญ นำโดย Indonesia และ Philippines ที่ซื้อสุทธิ 31 และ 1 ล้านเหรียญ ตามลำดับ ขณะที่ยังพบแรงขายใน Thailand ต่อเนื่องอีก 9 ล้านเหรียญ (ขาย 16 วันทำการติดต่อกัน)
Strategist Team
Koraphat Vorachet : Analyst Registration No. 043100
[email protected] : 0-2287-6771, 0-2638-5771
Wijit Arayapisit : Analyst Registration No. 044799
[email protected] : 0-2287-6871, 0-2638-5871
Chavaratt Changpakorn : Assistant Strategist