- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 28 December 2015 16:40
- Hits: 5320
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
แกว่งตัว...เน้นเลือกซื้อด้วยค่าบวก
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ซบเซาเช่นเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคเพราะเป็นช่วงเทศกาลคริสมาสต์ (ปิดตลาด -1.22 จุดที่ 1282.93) มูลค่าซื้อขายเพียง 1.7 หมื่นล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1.1 พันล้านบาท ต่างชาติและรายย่อยขายสุทธิ
สำหรับ สัปดาห์สุดท้ายของเดือนธ.ค.2015 คาดว่าดัชนีจะแกว่งในกรอบ 1260-1300 จุด โดยปัจจัยหนุน คือ การซื้อ LTF & RMF และการทำราคาปิดสิ้นปี (Window Dressing) ของนักลงทุนสถาบัน สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่จะรายงานออกมาคาดว่าจะมีน้ำหนักต่อตลาดไม่มากนัก เพราะได้สะท้อนอยู่ในตลาดไปเป็นส่วนใหญ่แล้ว โดยทางธปท.ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP Growth ปี 2015 เป็น +2.8% (เดิม +2.7%) แต่ปรับลดของปี 2016 เป็น+3.5% (เดิม +3.7%) เพราะการส่งออกที่ยังซบเซา การบริโภคและลงทุนภาคเอกชนฟื้นตัวได้ช้ากว่าคาด โดย Key Growth ของปีหน้ามาจากการลงทุนภาครัฐและภาคท่องเที่ยวที่ยังแข็งแกร่ง
แนวโน้มปี 2016 ทาง DBSV ประเมินว่ากำไรสุทธิตลาดหุ้นไทยจะขยายตัวเป็นบวกได้ 17% หลังจากติดลบมา 2 ปีต่อเนื่อง (-15% ปี 2014 และ -12%ปี 2015) นอกจากนั้นในปี 2016 ยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนของ Fund flow เมื่อเฟดทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกหลายระลอก การฟื้นตัวของการบริโภค & ลงทุนภาคเอกชน และการส่งออกยังมีความท้าทาย หากให้เป้าหมายของ Forward P/E ปีหน้าที่ 16.5 เท่า จะได้เป้าหมาย SET Index ที่1302 จุด
กลยุทธ์การลงทุน : เน้นการเลือกซื้อเป็นรายบริษัท (Selective Buy) สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อวันนี้เป็น HANA
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมค่อนไปทางลบ แต่ยังไม่ทิ้งโอกาสที่จะมีรีบาวด์เพื่อทำราคาปิดงวดปี 2015 การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกค่าลบของ SET Index หรือต่ำกว่า 1275 ดูไม่ดีควรลดพอร์ตตามถ้ามีเงินสดในพอร์ตเหลืออยู่น้อย แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1290-1300, 1310 จุดส่วนการ SCAN หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสปรับขึ้นในระยะสั้น เราพบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น PYLON, ORI, SPA, M, BLA และหุ้นที่ยังอยู่ใน List และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาปรับขึ้นต่อ คือ MTLS, BLA, CK, SPRC, ERW, TCAP, KTC, AMATA, PLANB, COM7
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
• สหรัฐ : ตลาดหุ้นและโภคภัณฑ์สหรัฐปิดทำการในวันที่ 25 ธ.ค.2015 เนื่องในวันคริสต์มาส สำหรับดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเช้าวันนี้ (28ธ.ค.) ขยับขึ้นเล็กน้อยที่ +0.06% ราคาทองคำ Gold Spot อ่อนลง 0.1%และราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้าทรงตัว
- จีน : กำไรภาคอุตสาหกรรมยังซบเซา ผลกำไรบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่เดือนพ.ย. -1.4%YoY ซึ่งติดลบน้อยลงเมื่อเทียบกับการลดลงของกำไรในเดือนต.ค.ที่ -4.6%YoY ส่วน 11M15 กำไร -1.9%YoY นับได้ว่าภาคอุตสาหกรรมของจีนยังชะลอตัวต่อเนื่อง และคาดว่าจะซบเซาต่อในปี2016 เพราะยังอยู่ในช่วงของการปรับโครงสร้างและปรับปรุงประสิทธิภาพ
•/- ญี่ปุ่น : ภาคอุตสาหกรรมยังซบเซาในเดือนพ.ย. ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. -1%MoM ส่วนดัชนีการส่งมอบสินค้าอุตสาหกรรม -2.5%MoM และดัชนีสต็อกสินค้าคงคลัง +0.4%MoM
- เมียนมาร์ : ประท้วงผลตัดสินคดีเกาะเต่า ชาวเมียนมาร์กว่าพันคนออกมาประท้วงต่อต้านต่อการตัดสินประหารชีวิตชาวเมียนมาร์ 2 คนในคดีฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี....หลายฝ่ายกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การท่องเที่ยวซึ่งกำลังคึกคักในช่วงฤดูหนาว และการค้าขายชายแดนระหว่างไทยกับเมียนมาร์ ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งข้อสงสัยว่าการเคลื่อนไหวประท้วงอาจจะเกิดจากบางกลุ่มใช้สถานการณ์บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้มีความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งกำลังติดตามและตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
• เศรษฐกิจไทย : ธปท.ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP Growth ปี 2015เป็น +2.8% แต่ปรับลดปี 2016 เป็น +3.5% โดยตัวเลขในปีนี้ปรับขึ้นเล็กน้อยจาก +2.7% แต่ในปี 2016 ปรับลดลงจาก +3.7% เพราะมองว่าอุปสงค์ในต่างประเทศยังฟื้นตัวช้า โดยเฉพาะจากจีนและเอเชีย ประมาณการว่าอัตราการเติบโตของมูลค่าส่งออกรูปดอลลาร์สหรัฐปี 2016 จะเป็นศูนย์ ลดจากเดิมที่ +1.2% แต่ดีขึ้นจากปี 2015 ที่คาดว่าจะ -5.5%
ทั้งนี้แม้ว่าการลงทุนภาครัฐจะมากขึ้นในปีหน้า และการท่องเที่ยวยังไปได้ดีรวมทั้งอาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม แต่การบริโภคและลงทุนภาคเอกชนยังฟื้นตัวช้า สำหรับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อในปี 2016 ยังไม่มาก โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อที่ -0.9% ในปี 2015 จะเริ่มกลับเป็นบวกได้ใน 1H16 ประมาณการทั้งปี 2016 ไว้ที่ +0.8% บนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยที่ 43 ดอลลาร์/บาร์เรล (ลดจากประมาณการเดิมที่51.3 ดอลลาร์/บาร์เรล)
ความเสี่ยงสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตน้อยกว่าประมาณการ คือเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าซบเซามากกว่าคาด โดยเฉพาะจีนและเอเชีย,ปัญหาการเมือง & ภัยก่อการร้ายที่จะกระทบภาคท่องเที่ยวของไทย และปัญหาภัยแล้งในประเทศ
+ TTCL (ราคาปิด 15.30 บาท) : ได้งานโรงงานเคมีที่ จ. ระยองมูลค่า4-5 พันล้านบาท และคาดว่าจะได้งานเข้ามาเพิ่มอีกในปี 2016 จากที่เข้าร่วมประมูลงานไปแล้ว 7 หมื่นล้านบาท (ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น)
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : ณ สิ้นก.ย.2015 บริษัทมีBacklog ราว 3.4 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับงานใหม่ที่ได้มานี้ก็จะช่วยให้มีมูลค่างานในมือที่มั่นคงยิ่งขึ้น ทั้งนี้เมื่อ 23 ธ.ค.2015 บริษัทแจ้งตลาดฯว่าได้รับหนังสือแจ้งความจำนงเพื่อทำสัญญาก่อสร้างโครงการใหม่ คือSEC/GI Renovation Project โดยเป็นโรงงานเคมีที่จ.ระยองของบริษัท AsiaSilicones Monomer / Shin-Etsu Chemical ครอบคลุมงานออกแบบวิศวกรรม จัดซื้อเครื่องจักร วัสดุอุปกรณ์และก่อสร้างครบวงจร ระยะเวลาก่อสร้างม.ค.59-ต.ค.60 (22 เดือน)
แนวโน้มกำไรปี 2016 คาดว่าอัตรากำไรจะดีขึ้นเล็กน้อยจากปีนี้ ซึ่งเป็นฐานที่ต่ำโดยอัตรากำไรขั้นต้นของโครงการที่รับรู้รายได้ในปี 2015 อยู่ที่ประมาณ5% (จากปกติที่ 6-7%) และอัตรากำไรสุทธิในช่วง 9M15 อ่อนลงเป็น 1.9%จาก 2.3% ในปี 2014 และ 4.2% ในปี 2013
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น TTCL ได้ปรับลงมาสะท้อนแนวโน้มผลประกอบการระยะสั้น และความเสี่ยงเรื่องการเลื่อนโครงการโรงไฟฟ้า 1,280 MW มูลค่า4.9 หมื่นล้านบาทที่เมียนมาร์ไปแล้ว (โดยบริษัทคาดว่าจะเซ็นสัญญา PPAกับรัฐบาลเมียนมาร์ได้ในกลางปี 2016 จากเดิมที่จะเซ็นปลายปีนี้ แต่ต้องเลื่อนเพราะมีการเปลี่ยนรัฐบาลหลังเลือกตั้ง) ราคาหุ้นปัจจุบันที่ 15.30 บาทต่ำกว่าราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานที่ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ให้ไว้ที่ 17.30บาทแล้ว ในเชิงกลยุทธ์แนะนำทยอยซื้อสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว สำหรับราคาเป้าหมายเฉลี่ยใน IAA Consensus เท่ากับ 26.5 บาท (จาก 6 โบรกเกอร์-รวม DBSV)
+ HANA (ราคาปิด 35 บาท) : ทิศทางการอ่อนค่าของเงินบาทและการขยายกำลังการผลิตหนุนผลประกอบการปี 2016 เราประมาณการว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2016-2017 จะขยับขึ้นเป็น 15% จากปี 2015 ที่13% เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินบาทและการประหยัดจากการขยายขนาดการผลิต บริษัทเพิ่มกำลังการผลิตอีก 36% ในปี 2016 (มาจากโรงงานที่เมือง Jiaxin ประเทศจีน +4%, โรงงานแห่งใหม่ที่จ.ลำพูน 2 +22% และโรงงานที่เกาะกง +10%) ฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรสุทธิปี 2016 สูงโดดเด่นที่ +33% (Norm Profit +27%) ส่วนปี 2017ประมาณการว่าจะเติบโตต่อเนื่องได้อีก 7%
ด้านงบดุลแข็งแกร่งมาก ณ สิ้นก.ย.2015 บริษัทมีฐานะเป็นเงินสดสุทธิ โดยมีเงินสดในมือสูงถึง 9.5 พันล้านบาท คิดเป็น 10.3 บาท/หุ้น HANA ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายที่จะถือครองเงินสดไว้ไม่น้อยกว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐเอาไว้เผื่อการทำดีล M&A เมื่อมีจังหวะอันเหมาะสมแนะนำซื้อลงทุน ราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานของ DBSV เท่ากับ 40บาท สูงกว่าค่าเฉลี่ยใน IAA Consensus ที่ 37 บาท (จาก 6 โบรกเกอร์-รวมDBSV)
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค –[email protected]
Update อุตสาหกรรม & หุ้นในเชิงกลยุทธ์
# Turnover List Watch: AMATAV เข้าเกณฑ์ ส่วน JWD,SANKO ถูกต่ออายุ GL หลุด
• หลักทรัพย์ที่ถูกประกาศติด cash balance ศุกร์ที่ผ่านมา ได้แก่AMATAV เริ่ม 28 ธ.ค58-5 ก.พ.59
• ส่วนหลักทรัพย์ที่ถูกต่ออายุการใช้ Cash Balance ศุกร์ที่ผ่านมาคือ JWD และ SANKO เริ่ม 28 ธ.ค58-15 ม.ค.59
• ด้านหลักทรัพย์ที่ไม่ถูกต่ออายุและกลับมาใช้มาร์จินได้คือ GLสำหรับหลักทรัพย์ที่จะทยอยหมดการใช้ Cash Balance สัปดาห์นี้ อาจมีการเก็งกำไรล่วงหน้าแต่ควรระวังเรื่องตลาดฯอาจจะกลับมาต่ออายุการใช้ Cash Balance คือ APCS หมดอายุวันที่29 ธ.ค.58 และ SR วันที่ 30 ธ.ค.58
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา[email protected]