WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ASP copyบล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์การลงทุน
      นับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ 2559 ขอให้นักลงทุนทุกท่านประสบแต่ความสุขสมหวังทุกประการ......คาดว่า LTF ยังทำงาน และมาตรการกระตุ้นภาครัฐ ยังหนุนหุ้น Domestic Play เลือก SCC(FV@B595) และ ROBINS(FV@B55) เป็น Top picks

โค้งสุดท้าย.....ปัจจัยต่างประเทศยังไม่มีอะไรใหม่...
     สัปดาห์นี้หลายตลาดยังคงปิดทำการ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ จึงคาดว่าตลาดหุ้นโลกน่าจะซึมๆ กันทุกแห่ง โดยคาดว่าจะไม่มีประเด็นอะไรใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นหรือกดดันตลาดในช่วงนี้ ยกเว้น การรายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่ในบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ล่าสุดการรายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจยังคงส่งสัญญานฟื้นตัวอย่างล่าช้า สะท้อนจากที่ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจบางประการ มีความขัดแย้งกัน กล่าวคือ ยอดค้าปลีก เดือน พ.ย. ติดลบ 1 % yoy เทียบกับเดือน ต.ค. ขยายตัว 1.8% ซึ่งถือว่าชะลอตัวติดต่อกันหลังจาก เดือน เม.ย. 2557 ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้เพื่มภาษีขาย (Sale tax) จาก 5% เป็น 8% ทำให้แผนการปรับเพิ่มภาษีรอบที่ 2 จาก 8% เป็น 10 % ในปลายปี 2559 คาดว่าจะถูกเลื่อนออกไป ส่วนภาคการผลิต มีสัญญาณดีขึ้น สะท้อนจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน พ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 1.6% (ฟื้นตัวครั้งแรกหลังจาก ติดลบ 4 เดือน)
โดยรวมทำให้เชื่อว่า BOJ ยังจำเป็นต้องพึ่งนโยบายการเงิน ผ่านการเข้าซื้อสินทรัพย์ (Monetary base) วงเงิน 80 ล้านล้านเยนต่อปี และมีโอกาสขยายวงเงินเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่ ยังอยู่ในระดับต่ำ ล่าสุด 0.3%


      ในส่วนของไทย วันนี้กระทรวงพาณิชย์จะรายงานตัวเลขทางการค้า เดือน พ.ย. โดยการส่งออก คาดว่าจะติดลบ 5% และการนำเข้าคาดว่า จะติดลบ 14.5% โดยคาดทั้งปี 2558 ส่งออกติดลบ 5% & นำเข้า ติดลบ 2% ตามลำดับ เทียบกับ ASPS คาดการณ์ทั้งปี 2558 ว่าจะติดลบ 3.9% & ติดลบ 1.5% ตามลำดับ โดยตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ คาดว่าน่าจะมาจากแผนกระตุ้นกำลังซื้อทุกระดับ จากผลของการกระตุ้นเศรษฐกิจนับตั้งแต่เดือน ก.ย. จนถึงล่าสุดที่ออกมาตรการหนุนผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูงในการนำใบเสร็จค่าใช้จ่ายซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคมาลดหย่อนภาษีได้ 1.5 หมื่นบาท ภายในสิ้นปี 2558 ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่กี่วันคาดว่าจะทำให้ห้างสรรพสินค้าน่าจะมีคึกคักกันมากทีเดียว

ค่าลดหย่อนภาษี 1.5 หมื่นบาท หนุนกำลังซื้อโค้งสุดท้ายของปี
      นับถอยหลังรวมวันนี้ก็อีกเพียง 3 วัน ก็จะเข้าสู่วันส่งท้ายปีเก่า 2558 ต้อนรับปีใหม่ 2559 ซึ่งปีนี้คาดว่าการใช้จ่ายในโค้งสุดท้ายของปีน่าจะคึกคักมากเป็นพิเศษ โดยให้นำค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ระหว่าง 25-31 ธ.ค. นี้ ซึ่งจากการสังเกตในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา พบว่าห้างสรรพสินค้า (ย่านชิดลม) ร้านสะดวกซื้อตามแหล่งที่อยู่อาศัย (Lotus/Max Value) มีผู้ไปจับจ่ายกันเนืองแน่น โดยเชื่อว่าเป็นผู้ที่จะได้รับประโยชน์ตรงจากมาตรการนี้ เป็นผู้มีรายได้ระดับกลาง-บน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้เสียภาษีส่วนใหญ่ของประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการค้าปลีก-ส่ง ที่ออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ ได้รับอานิสงส์ด้านยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย อาทิ COM7, ROBINS, MAKRO, HMPRO, BIGC เป็นต้น
       ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวแม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 7 วันดังกล่าว แต่ก็น่าจะกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินมากขึ้น และน่าจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้อีกราว 0.1-0.2% และทำให้การบริโภคภาคครัวเรือน (C) เข้ามาหนุน GDP ไทยในช่วงปลายปีนี้ เสริมแทนการใช้จ่ายภาครัฐ (G) ที่ชะลอตัวลงไป ส่วนปี 2559 คาดว่าการบริโภคภาคครัวเรือน จะยังคงหนุนนำเศรษฐกิจจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ทยอยฟื้นตัว ควบคู่กับการใช้จ่ายภาครัฐตามโครงการภาครัฐที่เดินหน้าต่อเนื่อง


     และสำหรับข่าวลดเพดานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากเดิม 35% เหลือ 30% นั้นจะนำไปใช้ในปีภาษี 2559 (ยื่นภาษีต้นปี 2560) นั้น ซึ่งถือว่าเป็นการกระตุ้นกำลังซื้ออีกส่วนหนึ่ง ทำให้การบริโภคภาคครัวเรือน จะเป็นแรงขับเคลื่อนไทยอีกด้านหนึ่ง นอกเหนือจากการลงทุนภาครัฐ ในปี 2560
ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดแรงขายจากต่างชาติน่าจะเบาบางลง


      วันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์,อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้หยุดทำการเนื่องจากเป็นวันคริสต์มาส ส่วนตลาดหุ้นอื่นๆยังคงเปิดทำการป็นปกติ พบว่าต่างชาติยังคงซื้อ-สลับขายบางประเทศ กล่าวคือ ตลาดไต้หวันต่างชาติซื้อสุทธิราว 78 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 2) ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังขายสุทธิ แต่เริ่มลดน้อยลงเหลือเพียง 9 ล้านเหรียญ หรือ 328 ล้านบาท (ขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 15) สวนทางกับนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิราว 1,115 ล้านบาท (ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 โดยมียอดซื้อสุทธิสะสมรวมถึง 1 หมื่นล้านบาท)


      ทั้งนี้ หากพิจารณาจากตั้งแต่ต้น ธ.ค. จนถึงปัจจุบัน พบว่าต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยเพียงวันเดียวเท่านั้น (2 ธ.ค.58) โดยมียอดขายสะสมสูทธิสูงถึง 3.5 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ยังเป็นเดือนที่มียอดขายสุทธิสะสมสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของปี (เดือน ส.ค. มียอดขายสุทธิสะสมสูงเป็นอันดับที่ 1 ราว 4.4 หมื่นล้านบาท) อย่างไรก็ตามในช่วงที่เหลือของปี แรงขายจากต่างชาติน่าจะเบาบางลง ขณะเดียวกันคาดว่าน่าจะมีแรงซื้อ LTF และการทำ Window Dressing ของนักลงทุนสถาบันฯ เข้ามาช่วยหนุนตลาดให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
ส่วนทางด้านตราสารหนี้นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,801 ล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิราว 887 ล้านบาท แต่พบว่าค่าเงินบาทยังคงประคองตัวในระดับใกล้เคียง 36.07 บาท/ดอลลาร์

ภรณี ทองเย็น, CISA เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!