- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 28 December 2015 16:07
- Hits: 893
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET จะผันผวนและย้อนลบอีก แต่คาดยังลุ้นรีบาวด์ต่อได้...
กลยุทธ์ : FSS คาดว่า SET ยังมีลุ้นโอกาสแกว่งบวกต่อเนื่องได้อีก โดยเฉพาะช่วงนี้จะติดวันหยุดยาวของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้คาดว่าแรงขายหนักๆ น่าจะไม่ค่อยมีออกมากดดัน รวมทั้งยังพอลุ้นแรงซื้อจากสถาบันในประเทศ และแรงซื้อเก็งกำไรหลังการปรับตัวลงแรงในรอบก่อนได้บ้าง ดังนั้นเรายังแนะนำถือต่อเพื่อรอลุ้นขายในจังหวะบวกแรงเช่นเดิม แต่ไม่แนะนำให้ซื้อในลักษณะไล่ราคาช่วงบวก เพราะตลาดยังเสี่ยงต่อการผันผวนอยู่
หุ้นเด่นทางเทคนิค : EPG, TRC, SAWAD(short)
แนวโน้ม : SET ปรับตัวย้อนลบลงบ้างในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา คาดว่ามาจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น หลังตลาดหุ้นบ้านเรารีบาวด์กลับขึ้นได้ดีพอควรในช่วงกลางสัปดาห์ ขณะที่ท้ายสัปดาห์ก่อนตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในเทศกาลคริสต์มาส ทำให้ตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยชี้นำด้วย อย่างไรก็ตามตั้งแต่ช่วงสายจนถึงปิดทำการ SET เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยหนุนได้ดีอีกครั้ง ส่งผลให้ปิดสิ้นวันเป็นลบเพียงเล็กน้อย ขณะที่ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงหยุดยาวของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้แรงขายหนักๆ ในบ้านเราน่าจะมีน้อยลงไปพอควร โดยดูได้จากมูลค่าซื้อขายในตลาดที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ยังคาดหวังแรงซื้อจากกองทุน LTF/RMF ส่วนที่เหลือในช่วงโค้งสุดท้ายของปีได้บ้าง รวมทั้งการขยับบวกของตลาดหุ้นเอเชียในระยะนี้ ก็น่าที่จะช่วยกระตุ้นแรงซื้อในบ้านเราได้ต่อ ดังนั้น FSS จึงยังคาดหมายโอกาสแกว่งตัวขยับบวกขึ้นของ SET ต่อเนื่องได้อีก เราจึงยังแนะนำให้เน้นถือต่อเพื่อรอขายสูงเช่นเดิม
แนวรับ 1280-1278 , 1276-1270 จุด
แนวต้าน 1285-1290 , 1296-1300 จุด
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$70 ล้าน เหลือเปิดทำการเพียง 3 ตลาดจาก 6 ตลาดเนื่องจากวันคริสต์มาส เงินทุนส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$77.3 ล้าน ขณะที่ยังไหลออกจากไทย US$9 ล้าน ทั้งนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินทุนไหลออกจากภูมิภาครวม US$381 ล้าน ชะลอลงมากจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ไหลออกหนาแน่น US$1 พันล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคแต่ปริมาณน่าจะเบาบางลงเนื่องจากอยู่ในช่วงหยุดเทศกาลวันขึ้นปีใหม่
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ธปท.ปรับ GDP ปีนี้ขึ้น เป็นขยายตัว 2.8% สูงกว่าเดิมที่คาดไว้ที่ 2.7% จากการใช้จ่ายของภาครัฐ การจับจ่ายใช้สอยของประชาชน และการท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวดีกว่าคาด ส่วนที่ปรับลงคือการลงทุนภาคเอกชนและส่งออก สำหรับปี 2016 ธปท.คาดเศรษฐกิจโต 3.5% ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่คาดที่ 3.7% เพราะฐานปีนี้สูงขึ้นกว่าเดิม เครื่องยนต์ที่ธปท.ปรับขึ้นมากสุดคือการลงทุนภาครัฐจากเดิม +4.2% เป็น +8.8% ไม่ต่างจากมุมมองของเราที่เชื่อว่าการลงทุนภาครัฐจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีหน้า กลุ่มที่เราชอบในปีนี้จึงเป็นกลุ่มรับเหมา วัสดุก่อสร้าง แบงก์ ท่องเที่ยว โรงพยาบาล
(+) มาตรการลดหย่อนภาษี 15,000 บาทได้ผล เห็นได้จากห้างสรรพสินค้าในวันศุกร์ที่มาตรการเริ่มมีผลแน่นขนัดไปด้วยนักช้อปมากกว่าปกติ อันที่จริงแล้วคนที่ได้ประโยชน์จากการหักลดหย่อนฯ คือคนที่มีฐานรายได้สุทธิสูงกว่าปีละ 1.5 แสนบาท ซึ่งมีไม่ถึง 3 ล้านคน เท่ากับรัฐเสียประโยชน์เพียง 3.75 พันล้านบาท และคนที่ยิ่งมีฐานภาษีสูงยิ่งได้ประโยชน์จากมาตรการนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีฐานะแต่ไม่ใช้จ่าย (อยู่แล้ว) เราเชื่อว่ามาตรการนี้จะดึงคนกลุ่มนี้ออกมาใช้จ่ายและยังสร้างบรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอย และผลพลอยที่รัฐบาลจะได้คือดึงผู้ประกอบการที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี VAT เข้ามาอยู่ในระบบ หุ้นที่เกี่ยวข้องกับค้าปลีกที่ได้ประโยชน์เช่น BIG, COM7, HMPRO, KAMART, ROBINS, MAKRO, KTC
(0) กลุ่มมีเดีย เราปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนเป็น Neutral จากเดิม Underweight จากคาดการณ์กำไรปกติที่จะฟื้นตัว 17% Y-Y ในปีหน้าตามภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีแนวโน้มดีขึ้น จากกำไรปีนี้ที่คาดว่าจะลดลงถึง 26% Y-Y ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลจะเริ่มฟื้นตัวในปีหน้าโดยเฉพาะรายที่มี Content แข็งแกร่งและมี Rating ดีอย่าง WORK และ RS จะมีโอกาสสูงที่จะปรับขึ้นค่าโฆษณาได้ ส่วน BEC การฟื้นตัวของกำไรยังเป็นไปอย่างช้าๆ เพราะต้นทุนของดิจิตอลทีวีถึง 3 ช่องและการถูกแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด เราเลือก RS (ราคาเป้าหมายปีหน้า 13 บาท) เป็น Top pick จากการฟื้นตัวของกำไรที่โดดเด่น +381% Y-Y นอกจากนี้ เราชอบ MAJOR (เป้าหมายปีหน้า 35 บาท) แต่แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว เพราะราคาขึ้นมาร้อนแรงรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งไปมากแล้ว
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ เนื่องในวันคริสต์มาส
(0) ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการ เนื่องในวันคริสต์มาส
(0) ตลาดหุ้นเอเชียหลายแห่งปิดทำการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเช่นกัน ขณะที่เช้านี้บางแห่งเริ่มกลับมาเปิดทำการซื้อขายอีกครั้ง โดยส่วนใหญ่ยังคงเคลื่อนไหวค่อนข้างไร้ทิศทาง
(-) ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนตัวลงอีกครั้ง แต่ก็ยังมีกรอบแกว่งไม่กว้างนัก โดยอยู่ระหว่าง 35.98-36.10 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดทำการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเช่นกัน ส่วนเช้านี้ราคาน้ำมันปรับตัวลงมาอยู่ที่ 37.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดทำการเมื่อวันศุกร์ ส่วนเช้านี้ปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวแถว 1,073.4 ดอลลาร์/ออนซ์ ปรับตัวลง 2.5 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
28 ธ.ค. - ไทย: ดุลการค้า (พ.ย.)
29 ธ.ค. - สหรัฐ: ดัชนีราคาบ้าน S&P/Case-Shiller Index (ต.ค.)
30 ธ.ค. - ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดทำการ
- ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ย.
- สหรัฐ: Pending home sales (พ.ย.)
31 ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการวันนี้: ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และไทย
1 ม.ค. - ไทย: ตลาดหุ้นปิดทำการ
- จีน: Manufacturing and Non-Manufacturing PMI (ธ.ค.)
4 ม.ค. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.)
- จีน: Caixin China PMI Mfg (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ธ.ค.), อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.)
6 ม.ค. - จีน: Caixin China PMI Composite (ธ.ค.)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ธ.ค.), คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (พ.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ธ.ค.)
7 ม.ค. - สหรัฐ: รายงานการประชุม FOMC ของวันที่ 15-16 ธ.ค.
8 ม.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch