- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 25 December 2015 16:35
- Hits: 1105
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
ในเทศกาลวันคริสต์มาส....ขอให้มีกำไรหุ้นกันทุกท่าน...วันนี้ SET ยังบวกต่อจากแรงหนุนหุ้นน้ำมัน หลังสต็อกลดต่ำกว่าคาด หุ้นสื่อสารผ่านจุดเลวร้าย และมาตรการกระตุ้นภาครัฐ หนุนหุ้นโรงแรม/ค้าปลีก เน้นหุ้น Domestic Play เลือก SCC(FV@595) และ ROBINS(FV@B55) เป็น Top picks
ตลาดน่าจะเงียบเหงา...เข้าสู่เฉลิมฉลองวันคริสต์มาส
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ และเป็นวันคริสต์มาส นักลงทุนบางส่วน (ต่างชาติ) น่าจะเตรียมเฉลิมฉลองกัน พร้อมกับเตรียมตัวท่องเที่ยวช่วงหยุดยาว ทำให้คาดว่าตลาดหุ้นโลก รวมถึงหุ้นไทย นับจากนี้น่าจะค่อย ๆ ซึมลง สะท้อนได้จากมูลค่าการซื้อขายน่าลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง โดยวานนี้ลดลงเหลือเฉลี่ยต่ำกว่าวันละ 4 หมื่นล้านบาท (จากที่เคยเฉลี่ยวันละเกือบ 5 หมื่นล้านบาท) ขณะที่คาดว่าแรงขายต่างชาติน่าจะลดน้อยถอยลง ซึ่งน่าจะสวนทางกับนักลงทุนสถาบันในประเทศที่น่าจะยังทยอยซื้อ ตามแรงซื้อของนักลงทุนที่ต้องการใช้กองทุน LTF ลดหย่อยภาษีสำหรับเงินได้ปี 2558
ขณะที่ปัจจัยกดดันอื่น ๆ คาดว่าได้สะท้อนในราคาหุ้นเป็นส่วนใหญ่แล้ว ทั้งราคาน้ำมันดิบที่คาดว่าน่าผ่านจุดต่ำแล้ว หลังจากที่แตะระดับต่ำสุดที่ 31.87 เหรียญฯ ต่อบาร์เรลในรอบนี้ (16 ธ.ค.) หรือลดลง 38.35% จากต้นปี 2558 ขณะที่ราคาหุ้นน้ำมัน ทั้ง PTT, PTTEP ลดลง 16.62%, 41.14% ตามลำดับ
เช่นเดียวกับหุ้นสื่อสาร ผลการประมูล 4G คลื่น 1800MHZ และคลื่น 900MHz ต้นทุนสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ ASPS คาดมาก โดยเฉพาะ TRUE ประมูลได้ใบอนุญาต 2 คลื่น น่าจะประสบปัญหาต้นทุนการดำเนินงานที่สูงมาก นักวิเคราะห์ ASPS อยู่ระหว่างทบทวน เพื่อปรับลดประมาณปี 2559 เป็นต้นไปลง (น่าจะเป็นบริษัทที่ถูกปรับลดลงมากบริษัทหนึ่ง แต่น่าจะน้อยกว่า JAS) แต่หากพิจารณาราคาหุ้นได้รับตัวลดลงมากถึง 31% นับจากวันประมูลคลื่น 1800 ในวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา ถือว่าการปรับลดลงจากนี้น่าจะน้อยลง แต่โอกาสขึ้นก็น้อยเช่นกัน
และ เช่นเดียวกับ JAS ที่ชนะการประมูล 4G คลื่น 900MHz ด้วยต้นทุนที่สูงมาก ขณะที่ประมาณการรายได้ หรือกระแสเงินสดรับมีแนวโน้มทรงตัวกับลง จนกว่าจะได้รับทราบแผนการทำธุรกิจที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์ ASPS มีแนวโน้มปรับลดประมาณแรงที่สุดในกลุ่ม ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันลดลงกว่า 43% เทียบกับ Fair Value ใหม่ภายหลังการปรับปรุงหลังได้รวมคลื่น 900 จะอยู่ที่ 2.6 บาท มี down side 21.6% ยังแนะนำขาย
ส่วน ADVANC และ DTAC คาดว่าโอกาสการปรับประมาณการคงมีไม่มาก เพราะแม้ไม่มีต้นทุนใบอนุญาตคลื่น 900MHz เพิ่มเติม ยกเว้น ADVANC ได้คลื่น 1800 แต่ได้รวมไว้ในประมาณการแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม น่าจะมีต้นทุนดำเนินงานที่เพิ่มจากการทำสัญญาใช้คลื่นอี่น ๆ กับ TOT และ CAT ซึ่งเป็นเจ้าของคลื่น 900MHz แลt 1800MHz ตามลำดับ รวมถึงต้นทุนทางการตลาด ที่เพิ่มจากความพยายามรักษาฐานลูกค้าของตนเองไว้ ขณะที่ราคาตลาดทั้ง 2 บริษัทได้ลดลง 32% และ 49% ขณะที่ Fair Value ใหม่ในปี 2559 ของ ADVANC อยู่ 210 บาท มี upside 36.8% ขณะที่คาดว่ายังจ่ายเงินปันผล 8.16% แนะนำซื้อ ส่วน DTAC Fair Value ใหม่ในปี 2559 อยู่ 32 บาท ใกล้กับราคาตลาด แต่ด้วยเงินปันผลที่คาดว่ายังสูง 10.7% จึงแนะนำถือเพื่อรับเงินปันผล เนื่องจากราคาลงมาลึก และ เชื่อว่า DTAC อาจจะเป้าหมาย ที่จะถูกซื้อกิจการในอนาคตได้ หากแผนการแก้ไขปัญหาเรื่องคลื่นให้บริการไม่เพียงพอ ไม่ประสบความสำเร็จ
LTF น่าจะกลับมาทำงาน ก่อนสิ้นปี 2558
นับตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค. ถึงวานนี้ นักลงทุนสถาบันในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิเพียง 1.2 หมื่นล้านบาท น้อยกว่าเดือน ธ.ค. 2557 ที่มียอดซื้อสุทธิรวมทั้งเดือนกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากภาวะตลาดผันผวน ทำให้นักลงทุนสถาบันฯ ชะลอการซื้อ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกลุ่มนี้กลับเข้ามาซื้อสุทธิติดต่อกัน 3 วันทำการ รวมกว่า 9.4 พันล้านบาท พร้อมกับการฟื้นตัวของ SET Index จึงเป็นที่คาดหมายว่าในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ น่าจะมีเม็ดเงินจากแรงซื้อของกองทุน LTF-RMF เข้ามาหนุนตลาด หลังจากในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้มีเม็ดเงินไหลเข้าในส่วนของ LTF เพียง 2.3 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ขณะที่สถิติในอดีตนับตั้งแต่ปี 2547 บ่งบอกว่ายอดซื้อ LTF เฉพาะเดือน ธ.ค. เดือนเดียวเฉลี่ยสูงกว่า 46% โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี จึงคาดหมายว่าในปีนี้น่าจะมีเม็ดเงินจาก LTF ไหลเข้ามาราว 2-3 หมื่นล้านบาท รวมทั้งการทำ window dressing ในสิ้นปีนี้ ก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน
จึงเกิดคำถามที่ว่า หุ้นใดที่อยู่ในข่ายที่กองทุนฯ จะเข้ามาทยอยเก็บสะสม หากพิจารณาหุ้น Blue Chip ที่มีขนาด Market Cap ใหญ่เป็นลำดับต้นๆ ของตลาด เฉพาะในเดือน ธ.ค. นี้ มีเพียง AOT และ BDMS เท่านั้น ที่ปรับขึ้นได้อย่างมีนัยฯ กว่า 12% และ 8% ตามลำดับ ที่เหลือส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง (คาดว่าจะเป็นผลจากการปรับ port ของนักลงทุนต่างชาติ)จึงมีความเป็นไปได้ที่หุ้น laggard หลายบริษัท ฝ่ายวิจัยแนะนำให้ลงทุนใน SCC (FV@B595),PTT (FV@B310), KBANK (FV@B240) ที่ราคาลดต่ำเกินกว่าปัจจัยพื้นฐาน และมีคะแนน CG ที่อยู่ในระดับสูง จะเป็นเป้าหมายในการเข้าซื้อสะสมของกองทุนฯ ขณะที่ INTUCH (FV@B85) และ ADVANC (FV@B210) ที่ผ่านมาซึมซับประเด็นลบไปมากแล้ว จึงน่าจะมี downside จำกัด บวกกับคาดหวังผลตอบแทนเงินปันผลได้ในระดับสูงกว่า 6-7% จึงทำให้มีความน่าสนใจในการลงทุน
ดอลลาร์อ่อนค่า หลัง Fed ขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก และน่าจะค่อย ๆ ปรับขึ้นในปี 2559
วานนี้มีการรายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐ ยังสะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะตลาดแรงงาน พบว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการครั้งแรกรายสัปดาห์ ณ 19 ธ.ค. อยู่ที่ 2.67 แสนราย ลดลง 5,000 รายเทียบกับครั้งก่อนหน้า (คิดเฉลี่ย 4 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 1,750 ราย อยู่ที่ระดับ 272,500 ราย) ซึ่งจะหนุนให้การบริโภคภาคครัวเรือนยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง
แต่อย่างไรก็ตามภาคการผลิตยังฟื้นตัวล่าช้า สะท้อนจาก ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน หดตัวติด 4เดือน และอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.5%YoY ต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า FED น่าจะค่อย ๆ ขึ้นดอกเบี้ยในปี 2559 สะท้อนได้จาก การประชุม FED รอบล่าสุด คาดว่าในปี 2559 จะขึ้นดอกเบี้ยประมาณ 4 ครั้ง จากการประชุม 8 ครั้ง และได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายสิ้นปี 2559 จะอยู่ที่ 1.375% (หรือขึ้นอีกราว 0.875%) ติดตามการประชุม Fed ในรอบถัดไป 27-28 ม.ค. 2559 คาด Fed จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายตามเดิม และคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมมากนัก ด้วยเหตุนี้จึงกดดันให้ Dollar index อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 97.98 หลังจากที่แข็งค่าแตะ 100 ในช่วงที่ผ่านมา ก่อนการประชุม Fed ครั้งที่ผ่านมาได้ปรับอัตราดอกเบี้ย ช่วยหนุนให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับเพิ่มขึ้นในระยะสั้น
น้ำมันดิบยังฟื้นต่อ ช่วยหนุน SET
ราคาน้ำมันดิบโลกยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยวานนี้ปรับขึ้น 0.8% โดยรวมตลอดสัปดาห์เพิ่มขึ้นกว่า 4.17% นับจากต้นสัปดาห์ (น้ำมันดูไบ) หลังการรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 5.88 ล้านบาร์เรล สวนทางกับตลาดคาดการณ์จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล และนับเป็นการปรับลดสูงสุดตั้งแต่เดือน มิ.ย ผนวกกับจำนวนหลุมขุดเจาะน้ำมันรายงานลงลงอีก 3 หลุมเหลือ 538 หลุมในสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ Dollar Index ที่ปรับตัวอ่อนค่าอีกครั้งดังกล่าวข้างต้น เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน และ น่าจะสร้าง Sentiment เชิงบวกให้กับหุ้นกลุ่มพลังงาน ที่ราคาได้ปรับฐานไปมากในช่วงที่ผ่านมา อาทิ PTT(FV@B310) ซึ่งคาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและคาด 4Q58 จะพลิกเป็นกำไรต่อเนื่องในปี 2559 คาดพลิกกลับมาเติบโต 1 แสนล้าน (เพิ่มขึ้น 2.6 เท่าตัวจากคาดการณ์กำไรปี 2558) เนื่องจากคาดจะไม่มีบันทึกการด้อยค่าสินทรัพย์เพิ่มเติม และคาดบันทึกผลขาดทุนจาก FX และ สินค้าคงเหลือจะลดลงจากงวด 3Q58 ทั้งคาดหวังบันทึกกำไรจากการขาย หุ้น SPRC และ PTTEP(FV@B60) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน งวด 4Q58 จะสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ และแม้มีปรับลดสมมุติฐานราคาน้ำมันปี 2559 เหลือ 45 เหรียญฯต่อบาร์เรล (เดิม 65 เหรียญฯต่อบาร์เรล) พบว่ากำรจากการดำเนินงานปกติอยู่ 1.8 หมื่นล้านบาท เทียบกับขาดทุน 3.2 หมื่นล้านบาทในปี 2558 และราคาหุ้นปัจจุบันถือว่าต่ำสุดแล้ว
ต่างชาติชาติสลับมาซื้อหุ้นในภูมิภาค แต่ยังคงขายหุ้นไทยอยู่
วานนี้ ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียหยุดทำการเนื่องจากเป็นวันหยุด โดยภาพรวมแล้วพบว่า ต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคราว 65 ล้านเหรียญ (หลังจากขายสุทธิต่อเนื่อง 4 วัน) และหากพิจารณาเป็นรายประเทศ พบว่า ไต้หวันซื้อสุทธิราว 87 ล้านเหรียญ (หลังจากขายสุทธิต่อเนื่อง 2 วัน) และเกาหลีใต้ซื้อสุทธิราว 23 ล้านเหรียญ (หลังจากขายสุทธิต่อเนื่อง 3 วัน) ยกเว้นไทย ที่ยังคงขายสุทธิราว 45 ล้านเหรียญ หรือ 1,627 ล้านบาท (ขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 14 โดยมียอดขายสุทธิสะสมรวมสูงถึง 3.4 หมื่นล้านบาท) สวนทางนสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิราว 3,268 ล้านบาท (ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยมียอดซื้อสุทธิสะสมรวมถึง 9.4 พันล้านบาท)
ส่วนทางด้านตราสารหนี้นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 3,444 ล้านบาท สวนทางกับต่างชาติที่สลับมาซื้อสุทธิเล็กน้อยราว 283 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามค่าเงินบาทมีแนวโน้มทรงตัว โดยล่าสุดอยู่ที่ 35.98 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผลจากที่ดอลลาร์เริ่มอ่อนค่า หลังจากที่ได้แข็งค่าตอบรับการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในช่วงที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์ : ภรณี ทองเย็น, CISA เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์ : ภราดร เตียรณปราโมทย์