- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 24 December 2015 16:58
- Hits: 3583
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
ทิศทางตลาด
ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับขึ้นภายใต้ปัจจัยบวกจากทั้งปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่สดใส ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศภายใต้ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นคาดมีแรงซื้อกลับเข้าไปในหุ้นกลุ่มพลังงานต่อเนื่องและคาดยังได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐล่าสุดเน้นการบริโภคโดยสามารถนำไปใช้หักลดหย่อนภาษีเงินได้(สินค้าและบริการไม่เกิน15,000 บาทช่วงวันที่25 – 31/12/58) โดยคาดหลังจากนี้มีโอกาสที่มีมาตรการกระตุ้นฯเพิ่มเติม
ทางด้านFund Flow ต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเนื่องและทำให้YTD ยอดขายสุทธิสะสมสูงเกือบ150,000 ล้านบาทแต่คาดได้รับการชดเชยบ้างจากยอดซื้อสุทธิของสถาบันในประเทศขณะที่เริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวปลายปี
ขณะที่ประเด็นการประมูลใบอนุญาตคลื่น900MHz (2 ใบ) คาดราคาหุ้นของกลุ่มสื่อสาร(ADVANC, DTAC, TRUE และJAS) สะท้อนประเด็นความกังวลไปในระดับหนึ่งแล้วทั้งมูลค่าที่สูงและภาวะการแข่งขันที่คาดสูงขึ้น หลังมีผู้เล่นรายที่ 4 เข้ามาในตลาด คาดโอกาสที่ราคาลดลงคาดไม่มากนัก
ขณะที่ยังแนะจับตา(1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม –มีนบุรีวงเงิน110,116 ล้านบาทที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง1Q/59 และ.ในวันนี้จะมีการลงนามสัญญาก่อสร้างรถไฟทางคู่2 เส้นทางได้แก่เส้นทางคลอง19 – แก่งคอยและเส้นทางถ.จิระ–ขอนแก่น ซึ่ง STEC และCK (ร่วมกับช.ทวีก่อสร้าง) เป็นผู้ชนะการประมูลตามลำดับ และ (2) กลุ่มการบิน ที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกตินอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ลดลงและเริ่มเข้าสู่ช่วงHigh Season
....รวมถึง(1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่นเช่นIRPC, PTTGC, TOP และBCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง– ยาว(2) ค่าเงินบาทเช้านี้เคลื่อนไหวบริเวณ36.11 – 36.14 อ่อนตัวจากวันก่อนหน้าที่36.06
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศDJIA +185.34, NASDAQ +44.82, S&P +25.32, FTSE +157.88, CAC +106.93 และDAX +238.89 ภายใต้ปัจจัยหนุนจากกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นและตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐฯ(1) ดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายของผู้บริโภค- ธ.ค. อยู่ที่92.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ5 เดือนและปรับขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่3 และ(2) ยอดขายบ้านใหม่–พ.ย. เพิ่มขึ้น4.3%MoM อยู่ที่490,000 ยูนิต ขณะที่ 11M/58 เพิ่มขึ้น14.5%
ราคาน้ำมันดิบ(NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. +US$1.36 อยู่ที่US$37.50 ต่อบาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบล่าสุดลดลง5.9 ล้านบาร์เรล(สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น0.6 ล้านบาร์เรล) อยู่ที่484.8 ล้านบาร์เรลซึ่งลดความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานที่สูงเกินไป ได้ในระดับหนึ่ง
ราคาทองคำ(COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. -US$5.8 อยู่ที่US$ 1,068.3 ต่อออนซ์ ภายใต้ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ข้างต้น ทำให้มีการขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ-5,230 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -154,791 ล้านบาท(ปี’57 ยอดขายสุทธิสะสม36,584 ล้านบาท)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.3 1.72 3.4
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 40,874.32
สถาบัน 2,541.09
บัญชีหลักทรัพย์ 2,089.23
ต่างประเทศ -5,230.30
ในประเทศ 599.98
ประเด็นที่ต้องติดตาม24-25 ธ.ค. 2558
24/12/58 : สหรัฐฯเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
25/12/58 : -ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากหน่วยงานราชการและตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการในวันคริสต์มาส -(3) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐเช่นSCC, SCCC และTASCO เป็นต้น และ(4) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเช่นโรงแรม(MINT, CENTEL) สายการบิน(เช่นAAV) และAOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นและเข้าสู่ช่วงHigh season ใน4Q/58 – 1Q/59
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ10 ปี+0.03 อยู่ที่2.26% (ระดับสูงสุด3.77% เมื่อกพ.’54) ดัชนีความเสี่ยง(VIX) -1.03 อยู่ที่15.57
หุ้นแนะนำ: CK
นักวิเคราะห์: จิตรลดาเลขาพันธ์โทร.02-684-8788