- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 24 December 2015 16:52
- Hits: 1615
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
อารมณ์ตลาดที่ดีในช่วงคริสต์มาส
คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ จากปัจจัยเป็นบวกส่วนใหญ่ทั้งภายและภายนอกประเทศ ในประเทศการยืนยันของรัฐบาลในการเริ่มต้นโครงการโครงสร้างพื้นฐาน การที่ดอนเมืองกลับมาเปิดใช้ได้เต็มที่ และการคงอันดับความเชื่อถือของประเทศไทยโดย S&P เป็นบวกต่อหุ้นในต่างประเทศ ราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นแรง หนุนตลาดทั้งในสหรัฐและยุโรปและภูมิภาคในวันนี้
หุ้นเด่นวันนี้ : KTB (Bt16.60, ราคาเป้าหมายปี 59 ของ AWS 18.00 บาท , Bloomberg 18.96 บาท)
บมจ. ธนาคารกรุงไทย น่าจะเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีการเติบโตของสินเชื่ออย่างแข็งแกร่งในปี 59 โดยได้รับแรงผลักดันอย่างมากทั้งจากการเร่งลงทุนของรัฐบาลในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ การที่ KTB เป็นรัฐวิสาหกิจจึงน่าจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากการลงทุนของภาครัฐดังกล่าว ถึงแม้ว่าคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารจะได้รับผลกระทบจากการปล่อยสินเชื่อแก่ SSI และ SSI UK ประกอบกับความอ่อนแอในกลุ่มธุรกิจ SMEs และรายย่อย แต่เราคาดว่าปัญหาเกี่ยวกับ SSI จะผ่านไปและการปรับตัวที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจน่าจะทำให้สถานการณ์ในกลุ่ม SMEs และรายย่อยดีขึ้นด้วยเช่นกัน ขณะนี้ KTB ซื้อขายกันที่ต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีที่ 0.9 เท่า ทำให้ KTB เป็นหุ้นที่มีราคาที่น่าสนใจและเป็นโอกาสที่จะทยอยเก็บสะสม อีกทั้ง KTB ยังมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่เหมาะสมอยู่ที่ 4.8% ถึงแม้ว่า เราคาดกำไรสุทธิปี 58 จะลดลง 15.7% YoY แต่คาดว่าจะพลิกฟื้นเติบโต 9.5% YoY ได้ในปี 59 และมีแนวโน้มที่นักวิเคราะห์จะปรับประมาณการการเติบโตของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขึ้นเมื่อโครงการของรัฐทยอยออกมาชัดเจนมากยิ่งขึ้น Price Pattern ของ KTB กลับมาเกิดการฟื้นตัวในระยะสั้นจากการกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ แต่ยังคงถูกกดดันจากทั้ง Weekly & Monthly Sell Signal อยู่ ราคาหุ้นในระยะสั้นของรอบนี้น่าจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบเป้าหมายแรกที่ 17.30 บาท และเป้าหมายถัดไปที่ 18.70 บาท โดยมีจุด Stop Loss ของรอบนี้อยู่ที่ 16.10 บาท (แนวต้าน: 16.70, 16.80, 17.10; แนวรับ: 16.50, 16.40, 16.10)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
S&P เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยแต่แบงค์ไทยยังไม่มีประสิทธิภาพ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส (S&P) ออกมาคาดการณ์ว่าจีดีพีที่แท้จริงของไทยจะเติบโตได้ปีละ 3-4% ในช่วงสามปีข้างหน้า และยืนยันอันดับเครดิตประเทศที่ BBB+/A-2 สำหรับสกุลเงินต่างประเทศ และ A-/A-2 สำหรับสกุลเงินท้องถิ่น โดยทั้งสองเรทติ้งมีมุมมองคงที่ รายงานยังกล่าวเพิ่มเติมว่าอัตราส่วนต่างกำไรดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ยังคงสูงอยู่ที่ 2.5% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปีซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดยังไม่มีประสิทธิภาพ (Bangkok Post)
เปิดอาคารผู้โดยสารหลัง 2 ที่ดอนเมืองอีกครั้ง ท่าอากาศยานดอนเมืองได้เปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารหลังที่สองใหม่อีกครั้งในวันนี้ หลังปิดใช้ในช่วงเก้าปีที่ผ่านมา การเปิดใช้ครั้งนี้จะช่วยบรรเทาปัญหาผู้โดยสารหนาแน่นซึ่งคาดว่าจะเติบโต 30% YoY ในช่วงคริสต์มาสถึงปีใหม่ ยังมีงานก่อสร้างเพิ่มเติมที่ต้องเก็บอีกสองเดือนแรกหลังเปิดให้บริการก่อนจะเสร็จอย่างสมบูรณ์ (Bangkok Post)
รมว. คมนาคมกล่าวการประมูลสายสีแดงจะเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้อย่างแน่นอน รมว. กระทรวงคมนาคมกล่าวว่ากระบวนการประมูลเพื่อจัดซื้อขบวนรถไฟและระบบรางสำหรับรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) ซึ่งเริ่มตามแผนไปเมื่อปี 2553 จะดำเนินให้แล้วเสร็จในรัฐบาลปัจจุบัน ขณะที่การขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิน่าจะเสร็จภายในปี 2562 (The Nation)
คาดสัดส่วนผู้ใช้สมาร์ทโฟนและ 4จี อีริคสัน (ประเทศไทย) คาดว่าจำนวนผู้ใช้บริการ 4จีจะเพิ่มเป็นสัดส่วน 30% ของผู้ใช้บริการมือถือทั้งหมดในปี 61 เพิ่มจากปัจจุบันที่เท่ากับ 10% และคาดว่าสัดส่วนผู้ใช้สมาร์ทโฟนจะเพิ่มเป็น 90% ในปี 61 จากปัจจุบัน 60%. การรับชมสื่อแบบสตรีมมิ่งจะคิดเป็น 70% ของการใช้การข้อมูลทั้งหมดภายในปี 64 เพิ่มจากปีนี้ที่ 50% (Bangkok Post) ความเห็น: น่าจะเป็นการยืนยันได้ว่าเทรนด์การใช้บริการมือถือนั้นพึ่งเริ่มต้นและน่าจะให้ประโยชน์แก่ค่ายมือถือทุกรายท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง
ADVANC (ปิด 153 บาท, ราคาเป้าหมาย 245 บาท) ส่อซิมลูกค้า 2จีดับ หลัง กสทช.ระบุว่าอาจยุติช่วงมาตรการเยียวยาคลื่น 900 เมกะเฮิร์ตซ์ทันทีที่ออกใบอนุญาตใหม่ ด้าน ADVANC ระบุว่าตามเกณฑ์แล้ว กสทช. ควรต่อเวลาให้อีก 1 ปีแต่หาก กสทช.จะยกเลิกทันทีก็เป็นสิทธิของท่าน (Post Today) ความเห็น: ยิ่งผู้ชนะรายใหม่จ่ายเงินพร้อมหนังสือค้ำประกันให้เร็วเท่าไหร่ จะยิ่งมีผลลบต่อรายได้เสียงของ ADVANC มากเท่าไหร่ สมมติเบื้องต้นว่าไม่สามารถย้าย 7 ล้านเลขหมายที่มีรายได้เฉลี่ย 80 บาทต่อเดือนได้ทัน มูลค่ายุติธรรมของ ADVANC น่าจะลดลง 17 บาทเหลือ 218 บาท
BCP (34.25 บ.) เปิดเผยว่าบริษัทฯ กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาเข้าซื้อสินทรัพย์โครงการปิโตรเลียม โดยมองว่าเป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลดลงอย่างมากส่งผลให้บริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมต่างเผชิญกับปัญหาสภาพคล่อง โดยโครงการที่อยู่ในความสนใจจะเป็นโครงการขนาดกลางที่มีปริมาณสำรองน้ำมันดิบไม่เกิน 10 ล้านบาร์เรล ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งคาดจะได้ข้อสรุปในช่วง 1Q59 ขณะที่ BCP ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจดทะเบียน BPCG ในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดใกล้เคียงกับ BCP ในปัจจุบัน ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอน Filing ที่น่าจะเรียบร้อยภายในเดือน ก.พ. ก่อนที่จะมีการขยาย IPO ในเดือนถัดมา (Bangkok Post/ The Nation) ความเห็น: เรามีมุมมองสอดคล้องกับ BCP ที่จะสามารถเข้าซื้อสินทรัพย์โครงการปิโตรเลียมได้ในราคาที่น่าสนใจ แต่ด้วยสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำจึงเชื่อว่าจะยังไม่สามารถสร้างกำไรและผลตอบแทนโครงการที่มีนัยฯ ได้ โดยเฉพาะหากเทียบกับฐานกำไรธุรกิจหลักในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามเรามองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของ BCP ในการก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมสำรวจและผลิต ขณะที่เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อความคืบหน้าของ BPCG ยังคงแนะนำ ซื้อ สำหรับ BCP โดยประเมินราคาหุ้นเหมาะสมปี 59 ที่ 45.50 บาท
JAS (ปิด 3.22 บาท) ได้บรรลุข้อตกลงกับ กสท.โทรคมเพื่อเช่าเสาโทรคมจำนวน 1 พันเสาเพื่อให้บริการ 4จีภายใต้คลื่น 900 เมกะเฮิร์ตซ์ที่ได้มาใหม่ นอกจากนี้ JAS ยังได้ไปเจรจากับทีโอทีและกองทุน DIF เพื่อเช่าเสาด้วย อย่างไรก็ดียังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องเสากับทีโอทีเพราะทีโอทียังมีข้อพิพาทเรื่องความเป็นเจ้าของเสากับเอไอเอสอยู่ (The Nation)
ต่างประเทศ
ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนมากจะปิดทำการหรือปิดทำการเร็วขึ้นในวันนี้ และปิดต่อในวันศุกร์เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส ปริมาณการซื้อขายคาดว่าจะเบาบางมากตลอดช่วงเทศกาลวันหยุดนี้ (Reuters)
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงนิ่งอยู่ ที่ 98.335 จุด ต่ำกว่าระดับสูงสุดในช่วง 2 สัปดาห์ที่ 99.294 จุดเมื่อวันพฤหัสที่แล้วหลังการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ดอลลาร์สหรัฐทรงตัวเทียบกับเงินเยนที่ 120.92 เยน ต่ำกว่าระดับสูงสุดของวันศุกร์ที่แล้วที่ 123.49 เยน แต่ยืนเหนือระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อวันอังคารที่ 120.72 เยน ส่วนเงินยูโรแทบไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 1.0913 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อวันพุธ ได้รับแรงผลักดันจากการขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานเนื่องจากการดีดกลับของราคาน้ำมันซึ่งกระตุ้นอารมณ์ตลาดที่กำลังเข้าสู่ช่วงวันหยุดคริสต์มาส ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐล่าสุดออกมาเป็นบวกและลบเนื่องจากยอดการสั่งซื้อสินค้าทุนนอกภาคกลาโหมซึ่งไม่รวมอากาศยานลดลงส่วนเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้นและความเชื่อมั่นของนักลงทุนแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนในเดือนธ.ค. (Reuters)
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนในเดือนธ.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จัดทำโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนล่าสุดอยู่ที่ 92.6 จุดในเดือนธ.ค. ดีกว่าประมาณการเฉลี่ยที่ 92.0 จุด ตัวเลขประมาณการเบื้องต้นในเดือนธ.ค. อยู่ที่ 91.8 จุดและตัวเลขในเดือนพ.ย. เท่ากับ 91.3 จุด
(Reuters)
เงินได้บุคคลธรรมดาในสหรัฐในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 จากการขึ้นค่าจ้างที่แข็งแกร่งซึ่งกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีหน้า เงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก่อนหลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. (ตัวเลขยังไม่ได้ปรับปรุง) นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าเงินได้ดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก่อน (Reuters)
ยอดการสั่งซื้อสินค้าทุนนอกภาคกลาโหมซึ่งไม่รวมอากาศยานลดลง 0.4% ในเดือนพ.ย. หรือที่เรียกกันว่ายอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นโดยตัวเลขในเดือนต.ค. ถูกปรับลดเท่ากับ 0.6% ตัวเลขดังกล่าวซึ่งเป็นตัวชี้วัดแผนการลงทุนในธุรกิจของสหรัฐลดลงเนื่องจากการชะลอตัวของภาคการผลิตเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่งและการตัดงบใช้จ่ายในกลุ่มพลังงานแสดงถึงสัญญาณเศรษฐกิจลดความร้อนแรงเล็กน้อย (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นในวันพุธ นำตลาดโดยหุ้นเหมืองแร่ที่ถูกเทขายอย่างหนักตลอด ทั้งนี้หนุนโดยราคาแร่ทองแดงที่พุ่งขึ้นจากการที่นักลงทุนมองว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน จะเริ่มมีผลสัมฤทธิ์ และจะทำให้อุปสงค์ในจีนต่อแร่ทั้งหลายเพิ่มขึ้น (Reuters)
เอเชีย :
BOJ ยังกังวลแต่มีมุมมองเป็นบวก รายงานการประชุมของ BOJ ล่าสุดในเดือน พ.ย. ที่เพิ่งแพร่ออกมาเช้านี้ ระบุว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ BOJ แสดงความกังวลต่อการเพิ่มขึ้นช้าของค่าจ้างแรงงาน และการลงทุนของเอกชน แต่มีมุมมองเป็นบวกว่า บริษัทเอกชนจะเริ่มลงทุนหลังจากเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ดีขึ้น (Reuters)
ประธานาธิบดีจีน สี จิ้น ผิง เน้นย้ำว่าจีนยังคงนโยบาย หนึ่งประเทศสองระบบสำหรับการบริหารฮ่องกง เมื่อปีที่แล้วธุรกิจในฮ่องกงต้องปิดไป 79 วัน จากการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยเต็มไปในฮ่องกง อย่างไรก็ตามการเรียกร้องไม่ประสบผลสำเร็จ ชาวฮ่องกงยังคงต้องเลือกผู้นำในการเลือกตั้งปี 2017 จากรายชื่อผู้ลงเลือกตั้งที่ได้รับอนุมัติจากจีน (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นหลังจากคลังน้ำมันดิบสหรัฐฯร่วงอาทิตย์ที่แล้ว หน่วยงานด้านพลังงาน (EIA) กล่าว ตัวเลขคลังน้ำมันดิบสหรัฐฯลดลง 5.88 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับ 484.78 ล้านบาร์เรลเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เทียบกับตัวเลขที่คาดการณ์ว่าจะขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 3.6% อยู่ที่ 37.41 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ระหว่างที่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯขึ้น 3.8% อยู่ที่ 37.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ถึงแม้ว่าการซื้อขายจะบางเบาก็ตาม (Reuters)
โลหะพื้นฐานปรับขึ้นวันพุธ จากแง่บวกเพราะอุปสงค์จากผู้บริโภคโลหะระดับต้นๆ คือจีนลดกำลังการผลิตและเพิ่มการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโลหะ อลูมิเนียมแตะจุดสูงสุดรอบ 2 เดือนและโลหะอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ทองแดงและสังกะสีก็ปรับตัวขึ้นด้วย นโยบายการคลังเกี่ยวกับการพัฒนาสังคมและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในระบบรางและทางด่วนน่าจะเพิ่มขึ้นปีหน้า ผู้ผลิตทองแดง อลูมิเนียม นิกเกิลและสังกะสีในจีนได้ประกาศลดการผลิตแล้ว การใช้จ่ายของจีนที่เกี่ยวข้องกับโลหะได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งการใช้จ่ายของจีนที่เกี่ยวกับทองแดงนี้นับเป็น 45% ของอุปสงค์ทั้งโลก (Reuters)
ราคาทองร่วงลงเป็นครั้งที่สองติดต่อกันเมื่อวันพุธ เนื่องจากตลาดหุ้นแสดงกำไรที่แข็งแกร่ง ราคาทองคำตลาดจรสหรัฐร่วงลง 0.3% สู่ระดับ 1,069.15 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าตลาดสหรัฐฯ ลดลง 0.5% อยู่ที่ 1,068.30 ดอลลาร์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331