- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 24 December 2015 16:25
- Hits: 948
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Christmas Eve
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดฟื้นตัวสู่ด่าน 1,275 จุด +/- เช่นเดียวกับวันก่อนหน้า ผลักดันด้วยกลุ่ม ICT / ธนาคาร รวมถึงกลุ่มค้าปลีก / ค้าปลีกด้านไอที เพื่อตอบรับกับมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของรัฐบาล แม้ว่าจะมีแรงขายในกลุ่มท่องเที่ยวและ AOT หนาแน่นขึ้นก็ตาม SET INDEX บวกทั้งสิ้น 12.84 จุด มาอยู่ที่ 1,274.50 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 40,874 ล้านบาท
ทั้งนี้ ต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 13 มากถึง 5,230 ล้านบาท น่าจะยังเป็นการลดน้ำหนักกลุ่ม ICT เป็นวันที่ 3 แต่คงการ Long สุทธิใน SET50 Index futures เป็นวันที่ 4 อีก 3,399 สัญญา และตลาดตราสารหนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 11 อีกเล็กน้อย 387 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
กลุ่ม ICT แนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง
แรงขายจากต่างชาติชะลอตัวชัดเจนตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นปี เพราะเข้าสู่ช่วงเทศกาลวันหยุดยาวของนักลงทุนทั่วโลก
ตลาดหุ้นหลักส่วนใหญ่เปิดทำการเพียงครึ่งวัน รวมถึงตลาดหุ้น / ตลาดตราสารหนี้ / ตลาดอนุพันธ์ ของสหรัฐฯ เปิดทำการครึ่งวัน และหยุดในวันพรุ่งนี้
มุมมองต่อตลาด
เราคงภาพการเคลื่อนไหวของ SET INDEX ลักษณะ Sideways-to-Sideways-Up สู่ด่าน 1,280-1,285 จุด หลังคาดการณ์แรงขายจากต่างชาติจะชะลอตัวหรือเบาบางตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังเร่งปรับลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่ม ICT ตลอด 3 วันทำการที่ผ่านมา กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท หากหุ้นหลักอย่าง ADVANC / INTUCH ยังคงทรงตัวในแดนบวก ย่อมทำให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมทรงตัวดีขึ้น
และเราเชื่อว่าปัจจัยสำคัญในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2558 คือ การทำ Window Dressing เทียบกับ ณ ระดับปิดเฉลี่ย 5 วันทำการช่วงปลายปี 2557 ของ SET INDEX อยู่ที่ 1,507.25 จุด เทียบกับระดับปิดวานนี้ 1,274.50 จุด ยังให้ผลตอบแทนที่ติดลบ 15.4% เม็ดเงิน LTF / RMF รวมถึงการทำ Window dressing ในหุ้นหลักจะเริ่มเห็นชัดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เรายังคงเชื่อว่า SET INDEX จะปิด ณ สิ้นปีบริเวณ 1,300 จุด ภายใต้มูลค่าการซื้อขายที่เบาบางในช่วงที่เหลือของปี
ตลาดหุ้นหลักๆ ทั่วโลก จะเปิดทำการในวันนี้เพียงครึ่งวัน และปิดทำการในวันพรุ่งนี้ คาดว่ากระแสเงินทุนต่างชาติชะลอการลงทุนทั่วโลก
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนที่เข้าเก็งกำไรในหุ้นกลุ่ม Domestic Play อาจพิจารณาขายทำกำไรบางส่วนบริเวณ 1,280 จุด +/- " เพื่อรอจังหวะเข้าเก็งกำไรหุ้นเป้าหมาย หากราคามีการย่อตัวลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
Top Pick in 4Q15: BMCL / ITD/ TMB/ TPIPL
HOLD: ITD / TPIPL/ WHA/ IFEC/ INTUCH/ KTB/ BMCL
Speculative Buy: ERW
Accumulative Buy: ADVANC
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "สะสม" ได้แก่
ADVANC : ราคาปิด 153.00 บาท ราคาเหมาะสม 220.00 บาท
MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อ ADVANC ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ แม้ว่าการเกิดคู่แข่งขันรายใหม่ อาจส่งผลกระทบเชิงลบในแง่ Sentiment ว่าการแข่งขันอาจมีความรุนแรงขึ้น แต่ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงถึง -21% หลังทราบการประมูล 4G คลื่น 900MHz เชื่อว่าได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว
จุดเด่นอยู่ที่ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึงปีละ 7.6% โดยคาดการณ์เงินปันผลปี 2559 หุ้นละ 11.68 บาท
คลื่นความถี่จำนวน 30MHz บนความถี่ 2100 MHz และ 1800 MHz เพียงพอที่จะรองรับความต้องการใช้งานของลูกค้าไปอีกอย่างน้อย 3 ปีข้างหน้า และการบรรลุข้อตกลงกับ TOT เพื่อนำคลื่น 2100 MHz ของ TOT มาให้บริการอีก 15MHz จะช่วยเสริมหากความต้องการใช้ Data ของลูกค้าเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาดการณ์
เชื่อว่าการปรับพอร์ตของต่างชาติจะเริ่มเบาบางลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์เนื่องจากจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาส์ และปีใหม่ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสในการเข้าสะสม
Valuation เข้าสู่ระดับที่น่าสนใจ ที่ระดับ PER2559 ที่ 12.9 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่สูงกว่าระดับ 15 เท่า
และ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
ERW : ราคาปิด 4.44 บาท ราคาเหมาะสม 4.80 บาท
ราคาหุ้น Laggard มาก โดย YTD -4.3% เทียบกับ SET TOURISM +19.2% และหุ้นธุรกิจโรงแรม เช่น CENTEL +43.5%, MINT +8.5%
ทิศทางผลประกอบการ 4Q58 แข็งแกร่ง เติบโตเด่น ทั้ง yoy และ qoq เนื่องจากเป็น High Season ของธุรกิจ ดังนั้น เบื้องต้นเราคาดการณ์กำไร 4Q58 ที่ 112 ล้านบาท เติบโตถึง +129% yoy และพลิกกลับจากขาดทุนใน 3Q58
คาดกำไรจาการดำเนินงานปกติปี 2559 จะเติบโต +88.9% yoy เป็น 393 ล้านบาท จากการเติบโตของธุรกิจโรงแรมราคาประหยัด คือ โรงแรม Hop Inn ที่จะสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง ผลักดันให้ EBITDA Margin ในปี 2559 เพิ่มขึ้นเป็น 26.4% จากปี 2558 ที่ 25.4%
Valuation ต่ำกว่าหุ้นในกลุ่ม โดยซื้อขายระดับ EV/EBITDA2559 ที่ 11.3 เท่า ต่ำกว่า CENTEL ที่ 14.1 เท่าและ MINT 15.5 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชีย ขายสุทธิเป็นวันที่ 4 เหลือ US$18 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$155 ล้าน
เน้นขายตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงลดน้ำหนักกลุ่ม ICT เป็นวันที่ 3
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 13 ยังคงหนาแน่นถึง 5,230 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 5,931 ล้านบาท รวม 13 วันทำการ ขายสุทธิ 32,447 ล้านบาท คาดว่าจะยังเป็นการลดน้ำหนักกลุ่ม ICT หลังนักวิเคราะห์ต่างออกมาลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นหลักของกลุ่มนี้ และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิทะลุ 1.5 แสนล้านบาท เป็น 154,791 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 4 เร่งขึ้นเป็น 3,399 สัญญา รวม 4 วันทำการ Long สุทธิ 10,317 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 4,180 สัญญา คาดทยอยปิดสถานะ Short และกลับมา Long สุทธิต่อเนื่อง ทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิขยับเป็น 25,756 สัญญา อีกทั้ง S50H16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index ค่อนข้างกว้างถึง 11.78 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 11.73 จุด
และต่างชาติขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 11 อีกเล็กน้อย 387 ล้านบาท รวม 11 วันทำการ ขายสุทธิ 26,571 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเป็นวันที่ 8 อีก 0.20bps จากวันก่อนหน้าลดลง 2.89bps ปิดที่ 2.562%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เหลือ 613 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,315 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ขายสุทธิเป็นวันที่ 4 เลือกขายกลุ่ม ICT - ธนาคาร
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิเร่งขึ้นเป็น 1,439 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 701 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ขายสุทธิ 3,496 ล้านบาท โดยกลับมาขายกลุ่มธนาคารอีกครั้ง รวมกับกลุ่ม ICT สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1. กลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 3 อีก 762 ล้านบาท ชะลอตัวจากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 878 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ขายสุทธิ 448 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 61 ล้านบาท กลุ่มอสังหาฯ ขายสุทธิ 162 ล้านบาท และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ขายสุทธิ 67 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มไฟแนนซ์ถูกซื้อสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 64 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาเป็นกลาง
คำสั่งซื้อสินค้าคงทน เดือนพ.ย. ขยายตัว 0.0% mom ดีกว่า Bloomberg consensus คาด -0.5% mom แต่แย่กว่าเดือนก่อนหน้าที่ +2.9% mom แต่หากไม่นับรวมสินค้าด้านขนส่ง คำสั่งซื้อหดตัว 0.1% mom ขณะที่ตลาดคาดว่าจะทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
รายได้ส่วนบุคคล เดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 0.3% mom ดีกว่า Bloomberg consensus คาด +0.2% mom แต่ต่ำกว่าเดือนก่อนหน้า +0.4% mom โดยรายได้จากค่าจ้างและเงินเดือนเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
การใช้จ่ายส่วนบุคคล เดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 0.3% mom เท่ากับที่ Bloomberg consensus คาด และฟื้นตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.0% mom
ยอดขายบ้านใหม่ เดือนพ.ย. เท่ากับ 4.90 แสนหลัง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 5.03 แสนหลัง แต่ดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 4.70 แสนหลัง หรือ เพิ่มขึ้น 6.3% mom
ดัชนี Consumer sentiment เดือนธ.ค. เท่ากับ 92.6 จุด ดีกว่า Bloomberg consensus คาดเล็กน้อยที่ 92.0 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 91.8 จุด เป็นการเพิ่มขึ้นเดือนที่ 8
ยุโรป
OPEC คาดความต้องการใช้น้ำมันจะชะลอตัวลงตลอด 5 ปีข้างหน้า: ทั้งนี้โอเปคคาดว่าจะผลิตน้ำมันดิบ 30.7 ล้านบาร์เรล/วัน ณ สิ้นปี 2563 เป็นการปรับประมาณการขึ้นจากปีที่แล้ว ถึงกำลังการผลิตดังกล่าวราว 1.7 ล้านบาร์เรล/วัน แต่ต่ำกว่าการผลิตจริงในเดือนพ.ย.ที่ผลิต 31.7 ล้านบาร์เรล/วัน ด้านอุปสงค์ โอเปคคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล ในปี 2563 เป็น 97.4 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่ราคาน้ำมันเฉลี่ยจะกลับสู่ US$80/barrel ภายในปี 2563 แต่ในรูปของราคาที่แท้จริงจะอยู่ที่ US$70.70/barrel ปรับลดประมาณการจากปีก่อนหน้าที่ US$110/barrel ในรูปราคาปกติ และราคาที่แท้จริง US$95.40/barrel
เศรษฐกิจอังกฤษใน 3Q58 มีการปรับตัวเลขลง: จากตัวเลขเบื้องต้นขยายตัว 0.5% qoq เป็น 0.4% qoq ส่วน 2Q58 เศรษฐกิจเติบโต 0.5% qoq ปรับตัวลงจากตัวเลขก่อนหน้าเช่นกันที่ 0.7% qoq ทั้งนี้เป็นการปรับตัวเลขด้านการบริโภค และอุปสงค์ภายในประเทศ และถือว่าเป็นการขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2555
จีน
จีนเตรียมขยายช่วงเวลาการซื้อขายเงินหยวนในปีหน้า: เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.เป็นต้นไป การซื้อขายเงินหยวนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเซี่ยงไฮ้ เพื่อให้เชื่อมต่อชั่วโมงการซื้อขายของตลาดในยุโรป โดยเวลาเปิดทำการยังเหมือนเดิมที่ 9.30 น. แต่เวลาปิดจะยืดจากปัจจุบันที่ 16.30 น. เป็น 23.30 น. ตามเวลาประเทศจีน
เอเชียแปซิฟิก
อัตราเงินเฟ้อสิงคโปร์ปรับตัวลงต่อเนื่อง: เดือนพ.ย.หดตัว 0.8% yoy เป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 ถือว่าลดลงยาวนานที่สุดในรอบ 30 ปีของสิงคโปร์ ส่วนอัตราเงินเฟ้อที่แท้จริงเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% yoy ทั้งนี้แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่แท้จริงจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีหน้า จากฐานที่ต่ำในปีนี้
BoJ ยังมีโอกาสที่จะคงนโยบายการเงินผ่อนคลาย: เลขาฯ รัฐบาลญี่ปุ่น ให้ความเห็นต่อทิศทางนโยบายการเงินของ BoJ ยังสามารถคงการผ่อนคลายได้ เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2.0% และไม่ต้องการให้มีการแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้รัฐบาลเข้าไปควบคุม BoJ ตามที่นักการเมืองบางท่านเสนอ
อัตราเงินเฟ้อมาเลเซียขยายตัวสูงกว่าคาด: เพิ่มขึ้น 2.6% yoy ในเดือน พ.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 2.5% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาดเพิ่มขึ้น 2.3% yoy นำโดยราคาอาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้น 4.1% yoy รวมถึงราคาสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น 2.5% yoy ขณะที่ราคาขนส่งลดลง 5.2% yoy
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมไต้หวันหดตัวน้อยกว่าคาด: ลดลง 4.94% yoy สำหรับเดือน พ.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ลดลง 6.33% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาดหดตัว 5.55% yoy
ไทย
ไม่มี
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530