- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 23 December 2015 18:16
- Hits: 4393
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'มีลุ้นเด้ง แต่ยังต้องระวังผันผวน'
Stock Picks-Dec 2015 : Fundamental : CPN, INTUCH, KBANK, MTLS, TCAP และ Dark Horse เป็น ANAN, TASCO
Fundamental Pick -Today: BA (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, DTAC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, QTC, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : GFPT 53%, AMATA & TTA 31%, THAI 27%, GLOBAL 26%, PTG 19%, PS & IVL 16%, SOLAR 15%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ แต่มีลุ้นรีบาวด์หลังร่วงแรงได้
Support Resistance Stop Loss
SET 1250-40 1270-1280 ค่าลบ
SET50 780,760 810-820 ค่าลบ
Technical Picks- Today : TMB, SAWAD, THCOM, TOP, BLA, BCH, TKN, MINT
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยยังถูกขายจากนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ขายสุทธิอีกเกือบ 6 พันล้านบาท ขณะที่สถาบันในประเทศและรายย่อยซื้อสุทธิ โดยในส่วนของสถาบันในประเทศได้อานิสงค์จากการซื้อ LTF & RMF เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีในโค้งสุดท้ายของปีนี้ด้วย
ภาพรวมและ Sentiment ของตลาดในวันนี้คาดว่าจะดีขึ้น จากการปรับขึ้นดีของตลาดต่างประเทศและเอเชีย เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวแกร่งเกินคาดใน 3Q15 ซึ่งช่วยหนุนให้เศรษฐกิจโลกมีโอกาสเติบโตดีขึ้นด้วย
แรงขายหุ้นในกลุ่มสื่อสารของไทยน่าจะน้อยลงมาก หลังขายปรับพอร์ตกันไปมากในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา โดยการวิเคราะห์ความอ่อนไหวกรณีแย่ของ ADVANC พบว่าราคาเป้าหมายจะอยู่ที่ 149-159 บาท/หุ้น และ INTUCH เท่ากับ 60-63 บาท/หุ้น และคาดการณ์ว่ายังให้ Dividend Yield ที่ประมาณ 7% ได้ในปี 2016-2017 สำหรับมาตรการใหม่ของรัฐบาล (ลดอัตราภาษีรายได้บุคคคลธรรมดา) ที่จะออกมาในเร็วๆ นี้ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นบรรยากาศการลงทุนในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ เช่น พาณิชย์, สื่อสาร, สื่อ & บันเทิง, ท่องเที่ยว หุ้นเทคนิคเด่น คือ MAJOR, BA โดยรวมในระยะสั้นมากตลาดมีโอกาสเด้งทางเทคนิค แต่ยังต้องระวังความผันผวนที่ยังคงมีอยู่
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเปลี่ยนเป็นลบ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดีควรลดพอร์ตตามถ้ามีเงินสดในพอร์ตเหลืออยู่น้อย แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1270-1280, 1290 จุด
ส่วนการ SCAN หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสปรับขึ้นในระยะสั้น เราพบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น SAWAD, BCH, MINT, TMB และหุ้นที่ยังอยู่ใน List และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาปรับขึ้นต่อ คือ MTLS, TNH
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นต่อเกือบ 1% ขานรับตัวเลข GDP Growth 3Q15 ที่เติบโตดีเกินคาด ปิดตลาดดัชนี DJIA +165.65 จุด หรือ +0.96% การซื้อขายคึกคักหลังมีรายงานการเติบโตเศรษฐกิจไตรมาส 3 ของปีนี้ที่ +2.0% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ +1.9% และการใช้จ่ายผุ้บริโภค (2 ใน 3 ของ GDP) +3.0% ใน 3Q15 หนุนโดยตลาดแรงงานและราคาบ้านที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นการรีบาวด์ของราคาน้ำมันดิบก็ช่วยหนุนด้วย
สหรัฐ : GDP Growth (QoQ)
ราคาน้ำมันดิบ WTI รีบาวด์เล็กน้อย โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. +0.33 ดอลลาร์ ปิดที่ 36.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT -0.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 36.11 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐใน 3Q15 ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด แต่การปรับขึ้นยังจำกัดเพราะอุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกอยู่ในระดับสูงมาก ขณะที่สหรัฐและกลุ่มโอเปกยังผลิตในปริมาณสูงแม้ราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับต่ำแล้วก็ตาม
- ราคาทองคำอ่อนลง โดยสัญญาตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. -6.5 ดอลลาร์ หรือ -0.60% ปิดที่ระดับ 1,074.1 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ หนุนให้เฟดมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อในปี 2016 ซึ่งจะหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่ในทิศทางแข็งค่า ประกอบกับใกล้วันหยุดในเทศกาลคริสต์มาส (ศุกร์ 25 ธ.ค.นี้) นักลงทุนจึงชะลอการลงทุนลงก่อน
สหรัฐ : การออกกฎเกณฑ์ใหม่กดดันยอดขายบ้านมือสองในช่วงปลายปี โดยในเดือนพ.ย.2015 ยอดขาย -10.5%YoY อย่างไรก็ตาม ยอดขายบ้านมือสองในปี 2015 จะอยู่ในระดับสูงและเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดได้ สำหรับราคากลางของบ้านมือสองเดือนพ.ย. +6.3%YoY เป็น 220,300 ดอลลาร์ โดยเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องมาแล้ว 45 เดือน ซึ่งส่วนนี้เป็นเหตุดผลหนึ่งที่เฟดต้องทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยและออกกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาฟองสบู่ในภาคที่อยู่อาศัย
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นด้านภาษีในเร็วๆนี้ โดยคาดว่าจะเป็นการลดภาษีรายได้บุคคลธรรมดาและขยายวงเงินลดหย่อนภาษีเพื่อให้ประชาชนมีเงินใช้จ่ายได้มากขึ้น ทั้งนี้อัตราภาษีรายได้บุคคลฯสูงสุดที่ 35% ยังเขย่งกับอัตราภาษีรายได้นิติบุคคลที่ 20% อยู่มาก
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : นับเป็นบวกกับกลุ่มที่เกี่ยวกับการอุปโภคบริโภค เช่น พาณิชย์ สื่อสาร สื่อ&บันเทิง ท่องเที่ยว เพราะรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการจ่ายภาษีของบุคคลที่น้อยลงก็จะนำมาจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น หุ้นที่อยู่ในข่ายที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ ได้แก่ CPALL, MAJOR, ADVANC, DTAC, TRUE, RS, WORK, AOT, AAV, BA เป็นต้น โดยหุ้นเทคนิคเด่นเป็น MAJOR, BA
กลุ่มสื่อสาร : ราคาหุ้นร่วงรับการแข่งขันและต้นทุนค่าใบอนุญาต 4G ที่สูงเกินคาดไปพอควรแล้ว ขณะที่ ADVANC ได้บรรลุข้อตกลงกับ TOT แล้วทำให้จะมีคลื่นความถี่ย่าน 2100 MHz (อายุ 10 ปี) ที่จะให้บริการได้อีก 15 MHz รวมเป็น 45 MHz ซึ่งเพียงพอกับการให้บริการ แต่ต้นทุนค่าเช่าโครงข่ายจะสูงขึ้น
การวิเคราะห์ความอ่อนไหวของ ADVANC และ INTUCH
สำหรับ ADVANC ทางฝ่ายวิจัยฯ DBSV ได้ทำการวิเคราะห์ความอ่อนไหวในกรณีแย่ที่สุด โดยมีสมมติฐานว่าลูกค้าบริษัททยอยย้ายค่ายออกไปในปี 2016-2017 ปีละ 2.5 ล้านราย ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดบริษัทลดลงจาก 46% ในปัจจุบันเป็น 40% ในสิ้นปี 2017 และรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย ARPU ทรงตัวเท่ากับปัจจุบัน (ซึ่งสะท้อนการแข่งขันตัดราคาไปแล้ว เนื่องจากลูกค้าที่ย้ายออกไปคาดว่าจะเป็นลูกค้าที่มี ARPU ต่ำ ถ้าไม่มีสงครามราคา ARPU ควรจะขยับขึ้น) พบว่าราคาเป้าหมายของ ADVANC จะเท่ากับ 149 บาท แต่หากให้ลูกค้าทยอยย้ายค่าย โดย ARPU เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5% -10% ราคาเป้าหมายก็จะเท่ากับ 154 บาท และ 159 บาท ตามลำดับ ซึ่งราคาหุ้นระดับปิดเมื่อวานนี้ที่ 151.50 บาท ได้สะท้อนผลกระทบจากการย้ายค่ายและการแข่งขันด้านราคาไปพอควรแล้ว
ด้าน INTUCH ราคาเป้าหมายที่ประเมินจาก Target NAV บนราคาเป้าหมายของ ADVANC ที่ 149, 154, 159 บาท จะอยู่ที่ 60, 61.50, 63 บาท ตามลำดับ ซึ่งมี Upside จากราคาปิดเมื่อวานนี้ที่ 50.50 บาทอยู่ 18%, 22% และ 25% ตามลำดับ
ส่วน Dividend Yield ของ ADVANC และ INTUCH คาดว่าจะยังคงสูงที่ประมาณ 7% ต่อปีได้ในปี 2016-2017
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Update อุตสาหกรรม & หุ้นในเชิงกลยุทธ์
# BA (ราคาปิด 23.10 บาท) : กำไร 4Q58 แข็งแกร่ง
ผลการดำเนินงาน 3Q58 ออกมาดีมาก และแนวโน้มธุรกิจยังแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จนกำลังไปทดสอบระดับราคาจอง (IPO) ที่ 25.00 บาท ซึ่งตั้งแต่เริ่มเข้ามาซื้อขาย พ.ย.ปี 57 ไม่เคยซื้อขายสูงกว่าราคาจองเลย แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เราคาดว่ามีโอกาสสูงที่ราคาหุ้นจะซื้อขายได้สูงกว่าราคาจอง
กำไรฟื้นตัวดีตามภาวะธุรกิจและมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้นกำไรสุทธิ 3Q58 เป็น 579 ล้านบาท เทียบกับ y-o-y ที่ ขาดทุนสุทธิ 52 ล้านบาท และ q-o-q ที่มีกำไรสุทธิ 92 ล้านบาท
Load Factor และอัตราผลตอบแทนการขนส่ง (passenger yield) ยังคงฟื้นตัวดี ซึ่งเป็นไปตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางประเทศไทยจำนวนมากขี้น ในรอบ 1H58 เพิ่มขึ้นถึง 27% และครึ่งปีหลังจะยิ่งดีขึ้นโดยเฉพาะ 4Q58 ที่เป็น High Season และมีความเป็นไปได้ที่ BA จะทำกำไรปีนี้ได้ดีกว่าที่เราประมาณการไว้อีก
แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานเป็น 26.90 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี SOTP ราคาปิดที่ 23.00 บาท ยังมีส่วนเพิ่มได้อีก 17% จุดเด่นคือ BA เป็นสายการบินหลักที่ไปยังเกาะสมุย รายได้มากกว่า 50% มาจากปลายทางแห่งนี้ ซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการเพิ่มขึ้นมาก อีกทั้งได้รับอนุมัติให้เพิ่มเที่ยวบินไปยังเกาะสมุยได้
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค [email protected]