- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 17 December 2015 17:45
- Hits: 1264
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ 4G Auction!
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX แกว่งแคบ 1,300 จุด +/- หุ้นเกี่ยวข้องกับการประมูลคลื่น 4G อ่อนแอลงมากขึ้น เมื่อเวลาการประมูลยืดเยื้อมากยิ่งขึ้น และจนปิดตลาดหุ้นวานนี้ การประมูลยังคงดำเนินต่อไป กลายเป็นปัจจัยกดดันต้นทุนของผู้ให้บริการมากยิ่งขึ้น ขณะที่กลุ่มธนาคารกลับฟื้นตัวเด่น ช่วยให้ภาพ SET INDEX วานนี้ปิดลบเพียง 1.39 จุด มาอยู่ที่ 1,299.12 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,662 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติขายสุทธิชะลอตัว แม้ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 8 เพียง 551 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures แค่ 926 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 6 เพียง 863 ล้านบาท ขณะที่ค่าเงินบาททรงตัว 36.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
ปัจจัยสำคัญวันนี้
กนง.ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันเท่ากับ 1.50% ตามคาด
การประมูลคลื่น 4G ย่านความถี่ 900MHz ดำเนินต่อมาเป็นวันที่ 3
ผลการประชุมเฟด ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามคาดเป็น 0.25%
มุมมองต่อตลาด
เราประเมินภาพ SET INDEX วันนี้ จะยังเป็นการแกว่งแคบระหว่าง 1,290-1,300 จุด หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการประมูลคลื่น 4G ย่านความถี่ 900MHz คาดว่าจะปรับตัวลงต่อเนื่องจากวานนี้ หลังการประมูลยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 3 โดยไม่มีใครยอมใคร ณ เวลานี้ ส่งผลให้ต้นทุนของใบอนุญาตสูงขึ้น ไม่เป็นผลดีต่อผู้ให้บริการรายใด แต่ในทางตรงกันข้าม กลับเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มธนาคารผู้สนับสนุนทางการเงิน หุ้น BBL ผู้สนับสนุนทางการเงินของ ADVANC ส่วน SCB ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ TRUE
ด้านผลกระทบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในความเห็นของเรามีดังนี้
เงินทุนต่างชาติจะกลับมาชะลอการขายสุทธิตลาดหุ้นเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะกลับมาอ่อนค่าเทียบกับเงินสกุลหลักในช่วงสั้น เพราะจะมีแรงขายเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสะท้อนผลการประชุม
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีโอกาสฟื้นตัวกลับ NYMEX อาจกลับไปทดสอบ US$40/barrel ได้ในระยะถัดไป
ตลาดหุ้นในประเทศพัฒนาแล้ว (DM) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัว เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่นของเฟดต่อทิศทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ
ดังนั้นภาพรวมของ SET INDEX จะยังแกว่งในกรอบแคบ แรงขายจากต่างชาติชะลอตัวลงมากขึ้น และคาดว่าจะไม่มีนัยยะสำคัญตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป กับการเข้าสู่ช่วงเทศกาลวันหยุดยาวของชาวตะวันตก ขณะที่เม็ดเงินภายในประเทศจะเกิดแรงเก็งกำไรหุ้นรายตัวมากยิ่งขึ้น หุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งจะกลับมามีสีสันในระยะถัดไป
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนที่ขายทำกำไรรอบสั้นไปวานนี้ เราแนะนำให้หาจังหวะกลับเข้าสะสมเล่นรอบอีกครั้ง เมื่อราคาหุ้นปรับฐาน / ย่อตัวลง ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย"
Top Pick in 4Q15: BMCL / ITD/ TMB/ TPIPL
HOLD: ITD / TPIPL/ WHA/ IFEC/ INTUCH/ KTB/ BMCL
Accumulative Buy: SCB / ITD
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
SCB : ราคาปิด 125.50 บาท ราคาเหมาะสม 160.00 บาท
MBKET ประเมินว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะได้ Sentiment บวก เนื่องจากเป็นผู้ปล่อยกู้ให้กับบริษัทมือถือในการประมูล 4G คลื่น 900 MHz ซึ่งล่าสุด ณ เวลา 6.00 น. มีราคาประมูลรวมสูงถึง 96,890 ล้านบาท แบ่งเป็นใบอนุญาตที่ 1 ที่ 47,640 ล้านบาท และใบอนุญาตที่ 2 ที่ 49,250 ล้านบาท โดยการประมูลยังไม่เสร็จสิ้น และจะประมูลต่อตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าเป็นต้นไป
คาดว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด 0.25% และเป็นไปตามคาดการณ์ของตลาดจะส่งผลให้เกิดความชัดเจน และมีโอกาสที่เงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นเอเซียเกิดใหม่ หลังได้ขายปรับพอร์ตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
กลุ่มธนาคารได้ประโยชน์โดยตรงจากการไหลเข้าของเม็ดเงิน LTF ในช่วงที่เหลือของปี เนื่องจาก Underperform ตลาดมาก โดย SET BANK -27.9% YTD เทียบกับ SET-13.3%
และเชื่อว่ากลุ่มธนาคารจะกลับมา Outperform ตลาดในปีหน้า จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและส่งผลให้สินเชื่อกลับมาขยายตัวสูงอีกครั้ง
Valuation ถูก ซื้อขายระดับ PER2559 เพียง 7.7 เท่า และ PBV2559 ที่ 1.2 เท่า รวมทั้งให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึงปีละ 4.8%
ITD : ราคาปิด 7.30 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างปี 2559 เนื่องจากมีปัจจัยบวกรออยู่ที่ชัดเจนใน 1H59 คือการประมูลรถไฟฟ้ารางคู่ 5 เส้นทาง และรถสายสีสม มูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านบาท
แผนการจัดตั้ง Thailand Future Fund มูลค่า 1 แสนล้านบาทของรัฐฯ จะเป็นปัจจัยหนุนให้การประมูลงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่มีความต่อเนื่อง นอกจากนั้น การประมูล 4G ทั้งคลื่น 1800MHz และ 900Mhz ที่คาดว่ารัฐบาลจะได้เงินรวมกันสูงกว่า 1.8 แสนล้านบาทเป็นอีกปัจจัยบวกต่องบประมาณการลงทุนของภาครัฐฯ
ITD มีจุดเด่นที่โครงการเหมืองแร่โปรแตซที่คาดว่าจะมีความคืบหน้าใน 1Q59 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการกำหนดวันทำประชาพิจารณ์ระดับจังหวัดครั้งสุดท้ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน ม.ค. หลังจากนั้นจะส่งเรื่องกลับมาให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาประมาณ 6 สัปดาห์
คาดผลประกอบการปี 2559 พลิกเป็นกำไรสุทธิ 964 ล้านบาท และมี Backlog ในมือสูงถึง 2.7 แสนล้านบาทจะช่วยรอบรับการเติบโตของรายได้ไปอีกอย่างน้อย 3 ปีข้างหน้า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชีย ขายสุทธิเหลือ US$55 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$509 ล้าน
ทั้งนี้เริ่มเห็นการซื้อสุทธิใน TAIEX / JSE
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติขายสุทธิชะลอตัว
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 8 แต่ลดลงเหลือเพียง 551 ล้านบาท รวม 8 วันทำการ ขายสุทธิ 11,249 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิแตะระดับ 1.3 แสนล้านบาท เป็น 133,592 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short เล็กน้อย 926 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long เมื่อ SET50 Index เริ่มแกว่งแคบ 830 จุด +/- ส่งผลให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิลดลงเป็น 18,693 สัญญา ส่งผลให้ S50Z15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 0.69 จุด จากวันก่อนหน้า Premium เพียง 0.01 จุด
และต่างชาติขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 6 ชะลอตัวเหลือ 863 ล้านบาท รวม 6 วันทำการ ขายสุทธิ 23,675 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเป็นวันที่ 3 อีก 2.44bps จากวันก่อนหน้าลดลง 2.39bps ปิดที่ 2.612%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ยังคงหนาแน่นระดับ 1,712 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,435 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ยังคงขายสุทธิ แต่ชะลอตัวและเป็นการเลือกขายเป็นรายตัว
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิลดลงเหลือ 224 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิมากถึง 1,729 ล้านบาท โดยเป็นการเลือกขายเป็นรายหลักทรัพย์มากกว่ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1. กลุ่มพลังงาน ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 215 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 314 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 58 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มอาหารถูกขายสุทธิสูงสุด 297 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มค้าปลีก ขายสุทธิ 131 ล้านบาท และกลุ่ม ICT ขายสุทธิ 106 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
เฟดตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามคาด: อัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate เป็น 0.25-0.50% จาก 0.00-0.25% ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายคาดการณ์ในปี 2559 จะแตะระดับ 1.375% เท่ากับการประมาณการเดือนก.ย.ที่ผ่านมา สะท้อนโอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยราว 0.25% / ครั้ง จำนวน 4 ครั้ง ในปีหน้า ทั้งนี้เหตุผลที่สนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้คือ ตลาดแรงงานที่ปรับตัวดีขึ้น และอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2.0% ในระยะกลาง
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
ยอดก่อสร้างบ้าน เดือนพ.ย. เท่ากัย 1.173 ล้านหลัง ดีกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 1.141 ล้านหลัง และเดือนก่อนหน้าที่ 1.062 ล้านหลัง โดยยอดก่อสร้างบ้าน Multi-Family เพิ่มขึ้นถึง 27% mom และบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น 1.1% mom
ผลผลิตภาคอุตฯ เดือนพ.ย. หดตัว 0.6% mom แย่กว่า Bloomberg consensus คาด -0.2% mom และเดือนก่อนหน้าที่ -0.4% mom เนื่องจากสภาพอากาศที่อุ่นขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ Utility ชะลอตัวลง และถือเป็นการหดตัวลงแรงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง
ดัชนี PMI ภาคการผลิต เบื้องต้น เดือนธ.ค. เท่ากับ 51.3 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 52.8 จุด คำสั่งซื้อใหม่ชะลอตัวลงมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำสั่งซื้อด้านการส่งออก
ยุโรป
ไม่มี
จีน
ธนาคารกลางจีนคาดเศรษฐกิจปีหน้าโต 6.8%: พร้อมปรับประมาณการ GDP ปีนี้ลงเป็น 6.9% จากเดิม 7.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.7% yoy ในปีหน้า จากปีนี้ 1.5% สอดคล้องกับเป้าหมายของสถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ประเมินเศรษฐกิจปีหน้าของจีนจะขยายตัว 6.6-6.8% ภายใต้สมมติฐานตลาดอสังหาฯ ที่จะฟื้นตัว, นโยบายด้านเศรษฐกิจ และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเริ่มเห็นผล รวมถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์ในต่างประเทศ
เอเชียแปซิฟิก
ดุลการค้าของญี่ปุ่นพลิกกลับมาขาดดุลอีกครั้ง: ขาดดุลการค้าอยู่ที่ระดับ 3.797 แสนล้านเยนในเดือน พ.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่เกินดุล 1.083 แสนล้าน ทั้งนี้เป็นผลจากยอดส่งออกที่หดตัว 3.3% yoy แย่กว่าที่ Bloomberg Consensus คาดหดตัว 1.6% yoy เป็นผลจากการส่งออกไปยังคู่ค้าสำคัญอย่างจีนหดตัวมากถึง 8.1% ด้านการนำเข้ายังหดตัวต่อเป็นเดือนที่ 11 อีก 10.2% yoy
ยอดส่งออกสิงคโปร์หดตัวสวนทางคาด: ลดลง 3.3% yoy ในเดือน พ.ย. จากเดือนก่อนที่ทรงตัว 0% yoy ขณะที่ Bloomberg Consensus คาดเติบโต 1.5% yoy ทั้งนี้การส่งออกอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นเพียง 0.7% yoy ต่ำกว่าที่ Bloomberg ประเมินว่าจะขยายตัวมากถึง 5.2% yoy
ไทย
การประชุม กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 5: ด้วยมติ 7 ต่อ 0 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% โดยมองว่าอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ ยังเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และนโยบายการเงิน จะยังผ่อนคลายต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังคาดว่า GDP ปี 2558 จะดีกว่าเล็กน้อยจากคาดการณ์เดิมที่โต 2.7% หลังได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัว ขณะที่มองปี 2559 จะใกล้เคียงคาดการณ์เดิมที่เติบโต 3.7% ส่วนทิศทางอัตราเงินเฟ้อนั้น กนง.คาดว่าจะกลับมาเป็นบวกได้ใน 1H59
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong