- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 15 December 2015 17:13
- Hits: 1257
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
เริ่มลุ้น SET ดีดกลับขึ้นอีกครั้ง แต่ยังต้องระวังแกว่งผันผวนอยู่
กลยุทธ์ : หลังจาก SET ไหลลงมาลึกอย่างรวดเร็วในรอบที่ผ่านมา และเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยหนุนได้อีกครั้ง ทำให้คาดว่ามีลุ้นโอกาสรีบาวด์ขึ้นไปแกว่งตัวด้านบวกได้บ้างในเร็วๆ นี้ ดังนั้นจึงยังแนะนำให้เน้นถือไว้ก่อน เพื่อรอหาจังหวะขายช่วงบวกเท่านั้น แต่ต้องระวังการแกว่งตัวผันผวนและย้อนลบที่ยังอาจเกิดขึ้นได้อยู่ จึงไม่แนะนำให้ซื้อไล่ราคาช่วงบวก
หุ้นเด่นทางเทคนิค : KCE, TSE, BH(short)
แนวโน้ม : หลังจาก SET ไหลลงแรงมากว่า 3 สัปดาห์โดยปรับตัวลงมาแล้วประมาณ 150 จุด เมื่อวานนี้ช่วงบ่ายจึงเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนตลาดอีกครั้ง ทำให้ดัชนีกลับขึ้นมาปิดเป็นลบน้อยลงในระหว่างวัน ขณะที่เช้านี้น่าจะพอได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มกลับมามีจังหวะปิดบวกกว่า 100 จุด จากการฟื้นตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ดีดกลับจากจุดต่ำกว่า 5% โดยปิดบวกเกือบ 2% จากระดับปิดวันก่อน เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังการร่วงลงแรงในรอบที่ผ่านมา โดยนักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์จาก EIA ที่จะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้อยู่ (16 ธ.ค.) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้หลายแห่งเริ่มมีจังหวะบวกกลับได้อีกครั้ง ซึ่งน่าจะกระตุ้นแรงซื้อในตลาดหุ้นไทยได้ด้วย ทำให้ FSS คาดว่า SET ก็มีลุ้นโอกาสรีบาวด์ขึ้นไปแกว่งบวกได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามยังต้องระวังการแกว่งตัวผันผวนของ SET ด้วย โดยคาดว่านักลงทุนบางส่วนยังคงรอติดตามผลการประมูลคลื่น 900MHz ที่จะเริ่มตั้งแต่ 9 โมงเช้าวันนี้ว่าจะมีการแข่งขันสูงมากเพียงใด รวมทั้งรอลุ้นผลประชุมเฟด (15-16 ธ.ค.) ว่าจะออกมารูปแบบใดด้วย
แนวรับ 1265-1262 , 1260-1256 จุด
แนวต้าน 1270-1274 , 1278-1282 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น US$534 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$254.8 ล้าน ไต้หวัน US$136.7 ล้าน และไทย US$89.5 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ตลาดรอดูผลการประชุม FOMC ที่จะสิ้นสุดในคืนพรุ่งนี้โดยประเมินว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2008 ขณะที่ตลาดหุ้นโลกเมื่อคืนนี้ยังร่วงลงต่อจากความกังวลเรื่องค่าเงินหยวนที่ดิ่งลงต่ำสุดในรอบ 4 ปีครึ่งและราคาน้ำมันที่ตกต่ำ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) ถ้า Fed ขึ้นดอกเบี้ย ย่อมส่งผลให้ค่าเงินบาทผันผวนไปในทิศทางอ่อนค่า ราคาหุ้น ทองคำ และน้ำมันปรับลง แต่เชื่อว่าผลกระทบในระยะสั้นมีจำกัด เพราะตลาดปรับตัวไปบ้างแล้วทั้งเงินบาทที่อ่อนค่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสูงขึ้น และต่างชาติขายอย่างหนักทั้ง 3 ตลาดตั้งแต่ พ.ย. ส่วนผลระยะยาวจะเป็นลบ (ในวงกว้าง) หาก Fed ขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงและรวดเร็ว แต่เชื่อว่าไม่เป็นเช่นนั้นเพราะดอลลาร์จะแข็งค่ามากเกินไปเพราะประเทศอื่นส่วนใหญ่ยังดำเนินนโยบายผ่อนคลาย ขณะที่เงินเฟ้อไม่เป็นประเด็นกดดันให้ Fed ต้องขึ้นดอกเบี้ยแรงเพราะเชื่อว่าน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำ
(+) ทยอยซื้อ SET Index ที่ระดับปัจจุบันคิดเป็น Forward PE ปี 2016 เพียง 12.2 เท่า discount ค่าเฉลี่ยของตลาดอินโดฯและฟิลิปปินส์ 20% มากกว่าปกติที่ตลาดหุ้นไทยมัก discount 14% และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดเอเชียที่ 13 เท่า และ PE ของตลาดหุ้นไทยที่ 12.2 เท่า ต่ำสุดในรอบ 7 ปีจนเกือบใกล้ปี 2008 ที่ถูกกระทบจาก Subprime จน PE เหลือ 11.5 เท่าเพราะกำไรของบจ.หดตัวถึง 18% ขณะที่กำไรของตลาดฯในปีนี้คาดหดตัว 1.6% และเติบโต 29% ในปีหน้า เราแนะนำทยอยซื้อกลุ่มธนาคาร รับเหมา วัสดุก่อสร้าง และสื่อสาร
(+) ตลาดกังวลการประมูล 4G มากเกินไป วันนี้จะมีการประมูลคลื่น 900MHz 2 ใบอนุญาตๆละ 10MHz อายุใบละ 15 ปี ราคาตั้งต้น 12,864 ล้านบาท เราคาด ADVANC และ DTAC จะชนะการประมูลในราคาใบละ 3-3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งตลาดรับรู้แล้ว หากการประมูลรุนแรงกว่าวันที่ประมูล 1800MHz อาจกดดันราคาหุ้นของผู้เข้าประมูลทั้ง 4 รายคือ ADVANC, DTAC, TRUE, JAS แต่ยิ่งเป็นโอกาสในการซื้อ ADVANC (ราคาเป้าหมายปีหน้า 270 บาท) เพราะบริษัทได้เปรียบคู่แข่งอย่างมากในด้านการเงิน เราประเมินว่าราคาประมูลต้องสูงเกิน 7 หมื่นล้านบาทถึงจะทำให้กำไรในปีหน้าของ ADVANC หดตัวและจ่ายปันผลน้อยลงได้ ไม่เช่นนั้นเราคาด Dividend yield 7.4% สูงสุดในรอบ 4 ปี
(+) TISCO สินเชื่อเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยเพิ่ม 0.14% M-M การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อส่วนใหญ่มาจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่ม Utility ส่วนสินเชื่อที่ให้กับผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ยังหดตัวและฉุดการเติบโตของสินเชื่อรวม เราคาดว่ากำไรสุทธิ 4Q15 น่าจะทรงตัว Q-Q ที่ 800 ล้านบาท เพราะน่าจะยังตั้งสำรองฯมากกว่าระดับปกติต่อ แต่เชื่อว่าไม่กระทบการจ่ายปันผลซึ่งคาด 2 บาทต่อหุ้น (จ่ายปีละครั้ง) คิดเป็น Yield 5% คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้า 42.70 บาท
(0) กกพ.เลื่อนจับสลากโซลาร์ฟาร์มราชการจากวันนี้เป็น 22 ธ.ค. หลังมีผู้ร้องเรียนจำนวนมากเพราะติดกม.ผังเมืองที่ไม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้าได้ ซึ่งในช่วงที่ยื่นเอกสาร กม.ผังเมืองยังไม่ได้ลงในราชกิจจินุเบกษา อย่างไรก็ตาม ไม่มีผลต่อการเลือก GUNKUL (เป้าหมายปีหน้า 26 บาท) เป็น Top pick เพราะยังมีโอกาสสูงได้รับงานก่อสร้าง (EPC) เพราะมีคู่แข่งน้อยมาก นอกเหนือจากโอกาสที่จะได้ PPA (ผ่านคุณสมบัติ 50MW)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้ราว 100 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่เริ่มรีบาวด์ขึ้นมาได้บ้าง อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังจับตาดูผลการประชุม Fed ในคืนวันพุธอย่างใกล้ชิด
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมายังปิดลบค่อนข้างแรงและลบติดต่อกันเป็นวันที่ 5 โดยยังคงได้รับ Sentiment เชิงลบจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงจับตาผลการประชุม FED
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมหลังราคาน้ำมันดิบเริ่มฟื้น แต่ยังจับตาดูผลการประชุม FED ในช่วง 2 วันนี้อย่างใกล้ชิด
(0) ค่าเงินบาทเริ่มแกว่งทรงตัวหลังอ่อนค่าลงในวันก่อนหน้า ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 36.03-36.14 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ปิดที่ 36.31 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.69 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยระหว่างวันร่วงหลุดระดับ 35 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 11 ปี ก่อนที่จะเริ่มมีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามา
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 1,063.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 12.30 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า รวมถึงการประชุม FED ในวันที่ 15-16 ธ.ค. นี้ที่เป็นไปได้สูงที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
15-16 ธ.ค. - ประชุม FOMC ครั้งสุดท้ายของปีนี้
15-ธ.ค. - ไทย: ประมูล 4G คลื่น 900 MHz
16 ธ.ค. - ไทย: กนง.ประชุมครั้งสุดท้ายของปี, AMATAV เทรด (ราคา IPO 7.50 บาท)
18 ธ.ค. - ไทย: K เริ่มเทรด (ราคา IPO 5.80 บาท)
21 ธ.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (พ.ย.)
22-ธ.ค. - ไทย: กกพ.จับฉลากผู้ได้ใบอนุญาตรับซื้อไฟฟ้า (PPA) ในโครงการโซลาร์ฟาร์มราชการและสหกรณ์ 600MW
- สหรัฐ: 3Q15 GDP (ตัวเลขสุดท้าย) , ยอดขายบ้านเก่า (พ.ย.)
23 ธ.ค. - ญี่ปุ่น: ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวัน Emperor’s Birthday
- สหรัฐ: รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล, คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (พ.ย.)
24-ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการ: อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย ฮ่องกง
- ไทย: ดุลการค้า (พ.ย.)
25-ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการเนื่องในวัน Christmas: อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลีใต้ สหรัฐ
- ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม, อัตราการใช้กำลังการผลิต (พ.ย.)
- ญี่ปุ่น: อัตราเงินเฟ้อและตัวเลขการก่อสร้างบ้านใหม่ (พ.ย.)
29-ธ.ค. - สหรัฐ: ดัชนีราคาบ้าน S&P/Case-Shiller Index (ต.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch