- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 14 December 2015 17:39
- Hits: 948
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET ลงลึกก็ลุ้นดีดแรงได้ เน้นถือเพื่อรอขายช่วงบวกดีกว่า...
กลยุทธ์ : เนื่องจาก SET ยังอยู่ในช่วงปรับตัวลงต่อเนื่อง แต่คาดว่าใกล้ที่จะมีลุ้นโอกาสรีบาวด์กลับขึ้นแรงๆ ได้ในช่วงถัดไป ดังนั้นจึงแนะนำให้เน้นถือไว้ก่อน เพื่อรอขายช่วงบวกดีกว่า ส่วนถ้าจะเข้าซื้อช่วงนี้ ก็ยังต้องเน้นที่การเลือกหุ้น และถือลงทุนได้ แต่ถ้าจะเทรดดิ้งสั้นต้องรอติดตามแรงซื้อ-แรงขายก่อน
หุ้นเด่นทางเทคนิค : CENTEL, TPIPL, IVL(buy back)
แนวโน้ม : SET ยังไหลลงแรงและอ่อนแอกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จากแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ที่ยังกดดันตลาด ทั้งหุ้นกลุ่มแบงก์ที่มีข่าวเชิงลบ หุ้นกลุ่ม ICT ที่ยังต้องรอลุ้นผลประมูลคลื่น 900MHz วันที่ 15 ธ.ค.นี้ และหุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ถือว่าเป็นไปตามบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ยังแกว่งตัวด้านลบ จากความกังวลเกี่ยวกับการประชุมเฟดในช่วงกลางสัปดาห์นี้ (15-16 ธ.ค.) ว่าผลกระทบจากการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีจะมีมากน้อยเพียงใด ก่อนที่ในช่วงค่ำของวันศุกร์ประเด็นต่างๆ ดังกล่าวก็กดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดเป็นลบเกือบ 2% พร้อมทั้งการปรับตัวลงของตลาดหุ้นยุโรปโดยเฉลี่ยถึง 2% กว่า และยังส่งผลต่อเนื่องให้กับตลาดหุ้นเอเชียในเช้าวันนี้ต่อด้วย ทำให้ FSS คาดว่า SET จะยังอยู่ในช่วงแกว่งตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่ได้อีก อย่างไรก็ตามการไหลลงต่ำอย่างรวดเร็วและค่อนข้างลึกมากแล้วของ SET ในช่วงที่ผ่านมามีสิทธิที่จะกระตุ้นแรงซื้อกลับ ให้เข้ามาช่วยหนุนตลาดให้พลิกฟื้นได้บ้างในช่วงถัดไป ดังนั้นเรายังแนะนำให้ถือเพื่อรอขายช่วงบวกต่อไปก่อนดีกว่า
แนวรับ 1277-1272 , 1268-1258 จุด
แนวต้าน 1285-1290 , 1294-1298 จุด
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$551 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$275.5 ล้าน และเกาหลีใต้ US$192.4 ล้าน ส่วนกลุ่ม TIP มียอดขายรวม US$81 ล้าน มากที่สุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ นำโดยไทย US$45 ล้าน รวมตลอดสัปดาห์เม็ดเงินไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น US$2,252 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค รอความชัดเจนของผลการประชุม FOMC ในวันที่ 15-16 ธ.ค. นี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) การประชุม Fed สัปดาห์นี้กดดันหุ้นและน้ำมัน เชื่อว่าจะยังไม่มีแรงซื้อกลับจนกว่าการประชุม Fed จะผ่านพ้นไปในวันที่ 16 ธ.ค. โดยเฉพาะจากต่างชาติที่ขายทั้งหุ้น ฟิวเจอร์ส และพันธบัตรต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นกลุ่มใหญ่ยังถูกกดดันจากเรื่องเฉพาะตัว ทั้งกลุ่มพลังงานที่ราคาน้ำมันถูกกระทบถ้า Fed ขึ้นดอกเบี้ย (ดอลลาร์แข็งค่า) กลุ่มธนาคารถูกกดดันจาก BBL ถูกถอดจาก MSCI Large cap มีผลวันนี้ กลุ่มสื่อสารที่ตลาดจับตาการประมูล 4G พรุ่งนี้ อย่างไรก็ตาม PE ของ SET ปี 2016 เหลือเพียง 13.2 เท่า ต่ำมากเมื่อเทียบกับ 5 ปีที่ผ่านมาที่อยู่ที่ 13-20 เท่า สะท้อน downside ของ SET ที่ต่ำแล้ว หุ้นกลุ่มที่ราคาปรับลงแรงจนเริ่มมี Valuations น่าสนใจ ขณะที่แนวโน้มปีหน้าดีมีกลุ่มรับเหมา (CK) วัสดุก่อสร้าง (TPIPL) และสื่อสาร (ADVANC, INTUCH)
(-) IEA เตือนภาวะน้ำมันล้นตลาดรุนแรงมากขึ้นในปีหน้า ราคาน้ำมัน WTI และ Brent ปรับลงไปอีก 3-4% ทำ new low ในรอบเกือบ 7 ปีเท่ากับช่วงวิกฤต Subprime หุ้นกลุ่ม Energy กดดันตลาดหุ้นสหรัฐคืนวันศุกร์และตลาดหุ้นทั่วโลกเช้านี้
(-) ค่าเงินหยวนอ่อนสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง แตะ 6.4564 ต่อดอลลาร์ หลังจากเมื่อวันที่ 30 พ.ย. IMF ประกาศให้เงินหยวนเข้าสู่ตะกร้าเงิน SDR มีผล 1 ต.ค. 2016 ซึ่งทำให้ค่าเงินหยวนมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่องในปี 2016 (ค่าเงินบาทและเงินสกุลเอเชียอื่นๆอ่อนค่าตาม) และมีความเป็นไปได้ที่หุ้น A Shares (หุ้นจีนที่ list ในตลาดเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้น) ของจีนจะถูกนำเข้าไปคำนวณใน MSCI EM เป็นข่าวดีของหุ้นจีน แต่เป็นลบกับตลาดหุ้นไทยที่ถูกแย่งเม็ดเงินในอนาคต
(0) จับตาการประมูลคลื่น 900MHz พรุ่งนี้ โดยจะมีการประมูล 2 ใบอนุญาตๆละ 10MHz อายุใบละ 15 ปี ราคาตั้งต้น 12,864 ล้านบาท เราคาดว่า ADVANC และ DTAC จะชนะการประมูลในราคาใบละ 3-3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งตลาดรับรู้แล้ว การปรับลงของ ADVANC (ราคาเป้าหมายปีหน้า 270 บาท) จึงเป็นโอกาสซื้อสะสม เพราะด้วยราคาประมูลดังกล่าวเชื่อว่ากำไรของ ADVANC ในปีหน้าจะยังเติบโต 9.7% Y-Y และให้ Dividend yield 7.5% สูงสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่ PE ปีหน้าอยู่ที่ 13.3 เท่า ต่ำสุดในรอบ 4 ปี ส่วน INTUCH (เป้าหมายปีหน้า 97 บาท) น่าสนใจที่ Dividend yield ซึ่งเราคาด 8% สำหรับ DTAC ที่หากประมูลได้ในราคาดังกล่าว จะทำให้กำไรปีหน้าลดลง 24% Y-Y หดตัวติดต่อกันเป็นปีที่ 2 เราจึงไม่แนะนำซื้อ ยกเว้นการประมูลจะรุนแรงน้อยกว่าคาด DTAC น่าจะรีบาวนด์แรงเพราะราคาหุ้นทรุดลงแรงสุดในกลุ่ม (-53% YTD)
(+) BDMS แม้ราคาหุ้นปัจจุบันจะมี upside เพียง 6% จากราคาเป้าหมายปีหน้าของเราที่ 22.50 บาท แต่ก็เป็น upside ที่มากที่สุดในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลซึ่งเป็นกลุ่มที่ปลอดภัยแม้ในยามภาวะเศรษฐกิจซบเซา และ BDMS ยังเป็นหุ้นที่ถูกนักวิเคราะห์ปรับประมาณการขึ้นมากกว่าหุ้นตัวอื่นในกลุ่ม เราคาดกำไรปี 2016 ของ BDMS โตสูงสุดในกลุ่มคือ 39% Y-Y จากทั้งร.พ.เดิมและร.พ.ใหม่ 14 แห่งที่ซื้อมาในช่วง 2 ปีก่อนเริ่มออกดอกผล
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดลบกว่า 300 จุดจากราคาน้ำมันที่ยังร่วงลง รวมถึงความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ครั้งแรกในรอบ 9 ปีในการประชุมสัปดาห์นี้
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดลบแรงเช่นกัน โดย Sentiment ของตลาดยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงต่อเนื่อง
(-) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังเปิดในแดนลบแรงต่อเนื่องเช่นกันจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใส
(-) ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 36.07-36.20 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ปิดที่ 35.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.14 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง IEA ระบุว่าสถานการณ์ Oversupply ของน้ำมันในปีหน้ามีโอกาสที่จะแย่กว่าปีนี้
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 1,075.70 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 3.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง แต่การปรับขึ้นของราคาทองคำยังจำกัดเนื่องจากคาดการณ์ที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 9 ปีในการประชุมสัปดาห์นี้
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
15-16 ธ.ค. - ประชุม FOMC ครั้งสุดท้ายของปีนี้
15-ธ.ค. - ไทย: ประมูล 4G คลื่น 900 MHz, กกพ.จับฉลากผู้ได้ใบอนุญาตรับซื้อไฟฟ้า (PPA) ในโครงการโซลาร์ฟาร์มราชการและสหกรณ์ 600MW
16 ธ.ค. - ไทย: กนง.ประชุมครั้งสุดท้ายของปี, AMATAV เทรด (ราคา IPO 7.50 บาท)
18 ธ.ค. - ไทย: K เริ่มเทรด (ราคา IPO 5.80 บาท)
21 ธ.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (พ.ย.)
22-ธ.ค. - สหรัฐ: 3Q15 GDP (ตัวเลขสุดท้าย) , ยอดขายบ้านเก่า (พ.ย.)
23 ธ.ค. - ญี่ปุ่น: ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวัน Emperor’s Birthday
- สหรัฐ: รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล, คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (พ.ย.)
24-ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการ: อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย ฮ่องกง
- ไทย: ดุลการค้า (พ.ย.)
25-ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการเนื่องในวัน Christmas: อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลีใต้ สหรัฐ
- ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม, อัตราการใช้กำลังการผลิต (พ.ย.)
- ญี่ปุ่น: อัตราเงินเฟ้อและตัวเลขการก่อสร้างบ้านใหม่ (พ.ย.)
29-ธ.ค. - สหรัฐ: ดัชนีราคาบ้าน S&P/Case-Shiller Index (ต.ค.)
30-ธ.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ย.
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch