- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 14 December 2015 17:37
- Hits: 1167
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Thailand Grand Sale
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง แรงกดดันจากกลุ่มน้ำมัน หลังราคาน้ำมันดิบปรับฐานลงหลุดแนว US$40/barrel สำหรับ NYMEX อีกทั้ง BBL ที่ถูก MSCI ปรับลดน้ำหนักระหว่างกาล ทำให้กองทุนทั้งในและต่างประเทศต้องลดน้ำหนักตามการประกาศดังกล่าว กดดันให้ SET INDEX ปิดลดลง 16.90 จุด มาอยู่ที่ 1,280.92 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 48,073 ล้านบาท
ทั้งนี้ ต่างชาติ ยังคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีก 1,627 ล้านบาท แต่ Long สุทธิใน SET50 Index Futures 1,926 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้ไทย 1,937 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
MSCI ปรับ BBL ออกจาก MSCI EM เนื่องจากไม่สามารถลงทุนใน NVDR มีผล ณ ราคาปิดวันนี้ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงทุกๆ 1 บาทของ BBL กระทบต่อ SET INDEX ราว 0.20 จุด
Valuation ของตลาดหุ้นไทยอยู่ในโซนน่าลงทุนสำหรับระยะกลางถึงยาว
ราคาน้ำมันดิบที่ยังคงอ่อนแอ ยังกดดันกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะ PTT / PTTEP
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น "กลาง" พร้อมให้น้ำหนักกับการเกิด Technical Rebound สู่ด่าน 1,290-1,295 จุด แม้ว่า DJIA / NYMEX ยังคงอ่อนแอ ปัจจัยการลงทุนทั้งในและต่างประเทศยังไม่เห็นสัญญาณเชิงบวก นักลงทุนต่างรอดูผลการประมูลคลื่น 4G ย่านความถี่ 900MHz วันที่ 15 ธ.ค.นี้ ซึ่งน่าจะจำกัดการฟื้นตัวกลุ่ม ICT และการประชุมเฟดวันที่ 15-16 ธ.ค. ต่อทิศทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเราและตลาดเชื่อว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ 0.25% จากปัจจุบัน 0.00% หากเป็นไปตามคาด ตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว หลังกังวลและปรับพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา
ภายใต้บรรยากาศการลงทุนที่ไร้ประเด็นบวก แต่หากเรากลับมาพิจารณาถึง MTD ของ SET INDEX ที่ปรับตัวลง 5.79% กดดันโดยกลุ่มหลักอย่าง พลังงาน -9.89% MTD กลุ่มธนาคาร -8.13% MTD และกลุ่มปิโตรเคมี -6.29% MTD
ขณะที่การประเมินจาก Valuation อย่าง Forward PER16 ณ ระดับปิด 1,280.92 จุด เท่ากับ 12.38x เทียบกับ ค่าเฉลี่ย 1 ปีของ -1SD ของ 2Yr Forward SET INDEX เท่ากับ 12.80x หรือหากพิจารณาจาก P/BV16 เท่ากับ 1.57x เทียบกับค่าเฉลี่ย 1 ปี ของ -1SD ของ 2Yr Forward เท่ากับ 1.70x ขณะที่กำไรสุทธิเติบโต 12% ในปี 2559 ตัวเลขดังกล่าว ถือว่าอยู่ในโซนถูกที่น่าสนใจลงทุนระยะกลาง 6 เดือนขึ้นไป
และหากพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อมั่นภาคเอกชน หรือความเชื่อมั่นผู้บริโภค การเร่งการใช้จ่ายของภาครัฐ ผ่านงานลงทุนโครงการต่างๆ และที่สำคัญ เครื่องจักรสำคัญต่อวัฎจักรเศรษฐกิจไทยยุคนี้คือ "การท่องเที่ยว" ที่นักท่องเที่ยวเข้ามาอยู่ในระดับสูง เท่ากับว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปใน 2Q58 และแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การปรับฐานลงของตลาดหุ้นระลอกนี้ ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเพียง "Sentiment" เท่านั้น กลายเป็นโอกาสของการเลือกลงทุน บน valuation ที่ถูก หรืออาจกล่าวได้ว่า "Thailand Grand Sale"
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนเข้าเก็งกำไรซื้อหุ้นเป้าหมาย มุ่งเน้น Domestic Play" เป็นสำคัญ
Top Pick in 4Q15: BMCL / ITD/ TMB/ TPIPL
HOLD: ITD / TPIPL/ WHA/ IFEC/ INTUCH/ KTB/ BMCL
Accumulative Buy: BECL
Speculative Buy: AAV
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. BECL : ราคาปิด 41.25 บาท ราคาเหมาะสม 56.25 บาท
ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ เนื่องจากวันนี้จะมีพิธีเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางใหญ่ - เตาปูน และจะให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือน ส.ค.2559
ครม.มีมติอนุมัติการควบรวมกิจการระหว่าง BMCL - BECL แล้วในวันอังคารที่ผ่านมา โดยคาดว่าหุ้น BMCL - BECL จะหยุดการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. - 30 ธ.ค. และหุ้นใหม่จากการควบรวมคือ BEM จะเข้าซื้อขายในตลท.ในวันที่ 5 ม.ค. 2559
สัดส่วนการแปลงหุ้นเป็น BEM ได้แก่ 1 หุ้น BMCL = 0.42 หุ้น BEM และ 1 หุ้น BECL = 8.65 หุ้น BEM
หากอิงราคาปิดหุ้นทั้ง 2 ตัววานนี้จะเทียบเท่าต้นทุนหลังแปลงเป็นหุ้น BEM ได้แก่
I. BECL ที่ 41.25 บาท เทียบเท่าต้นทุนหุ้น BEM ที่ 4.76 บาท
II. BMCL ที่ 2.06 บาท เทียบเท่าต้นทุนหุ้น BEM ที่ 4.90 บาท
สะท้อนให้เห็นว่าการซื้อหุ้น BECL เพื่อนำไปเปลี่ยนเป็นบริษัทใหม่จะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการซื้อหุ้น BMCL ราว 3%
คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น BEM เนื่องจากเป็นทั้งหุ้น Growth Stock, ธุรกิจ Defensive และให้ Dividend Yield ราว 1.5% ในปี 2559 รวมทั้งมีปัจจัยบวกที่ชัดเจนรออยู่ในปี 2559 ได้แก่ 1.การเปิดให้บริการทางด่วนสายศรีรัช - วงแหวนตะวันตก และ 2.การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณผู้ใช้บริการได้อย่างมีนัยสำคัญฯ
ประเมินเป้าหมายหุ้น BEM ที่ 6.50 บาทมี Upside 37%
และ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
2. AAV : ราคาปิด 4.66 บาท ราคาเหมาะสม 6.50 บาท
MBKET แนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มสายการบิน เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX และ BRENT ที่ปรับตัวลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี และจะส่งผลให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินปรับตัวลงในทิศทางเดียวกัน
คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติ 4Q58 จะเติบโต qoq เนื่องจากเป็น High Season ของธุรกิจท่องเที่ยว และจะได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินที่ลดลงถึง 29% yoy เหลือ US$73/barrel
แนวโน้มผลประกอบการปี 2559 เติบโตเด่นจากอานิสงค์ของต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเป็นบวกต่อรายได้การให้บริการเส้นทางบินในประเทศ และส่งผลให้ Passenger Yield ปรับตัวขึ้น ดังนั้น คาดว่ากำไรปกติปี 2559 จะเติบโต +29.7% yoy เป็น 2,244.6 ล้านบาทในปี 2559
Valuation ไม่แพง ซื้อขายระดับ PBV2559 ที่ 1.1 เท่า และ EV/EBITDA ที่ 3.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มสายการบินในภูมิภาคที่ PBV 1.3 เท่า และ EV/EBITDA 7.1 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชีย ขายสุทธิอีก US$358 ล้าน จากวันก่อนหน้า US$714 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงเป็นกลาง ทั้งด้านซื้อ และ ขายสุทธิ
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 อีก 1,626 ล้านบาท รวม 5 วันทำการขายสุทธิ 4,225 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิแตะระดับ 1.2 แสนล้านบาท เป็น 126,567 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิอีกครั้งเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,926 สัญญา จาก 2 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 4,865 สัญญา คาดเป็นการกลับมาทยอยเปิดสถานะ Long เมื่อ SET50 Index ปรับฐานลงมาใกล้ระดับ 800 จุด อีกครั้ง ส่งผลให้ S50Z15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index Futures เพียง 0.19 จุด ทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิขยับเป็น 22,525 สัญญา
ทั้งนี้ต่างชาติขายสุทธิตลาดตราสารหนี้อีกเป็นวันที่ 3 อีก 1,937 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ขายสุทธิ 17,980 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยทรงตัว ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเพียง 0.17bps ปิดที่ 2.669%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling แตะระดับ 1,228 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ขายสุทธิอ โดยเน้น BBL หลัง MSCI ประกาศตัดออกจาก MSCI EM
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิ 557 ล้านบาท เป็นผลจากการขาย BBL เป็นหลัก เพราะ MSCI ประกาศนำหุ้นดังกล่าวออกไปจากการคำนวณ MSCI EM เนื่องจากไม่สามารถลงทุนผ่าน NVDR สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคาร ขายสุทธิสูงสุด 732 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ขายสุทธิ 132 ล้านบาท กลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิ 129 ล้านบาท และกลุ่มอสังหาฯ ขายสุทธิ 122 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มขนส่ง ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 230 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 196 ล้านบาท กลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 139 ล้านบาท และกลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 114 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 0.2% mom ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 0.3% mom ทั้งนี้ยอดขายรถยนต์เป็นตัวฉุดยอดค้าปลีก
ระดับสต็อกธุรกิจ เดือนต.ค. ทรงตัว ขณะที่ Bloomberg consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% mom เท่ากับเดือนก่อนหน้า +0.1% mom
ดัชนี Consumer sentiment เบื้องต้นเดือนธ.ค. เท่ากับ 91.8 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดเล็กน้อยี่ 92.0 จุด แต่ดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 91.3 จุด
ยุโรป
IMF ประเมินเศรษฐกิจอังกฤษเติบโตแข็งแกร่ง: แต่ความเสี่ยงที่ควรติดตามคือ ระดับหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง, การขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง และหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูง ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจอังกฤษ ขณะที่ความไม่แน่นอนของการคงเป็นสมาชิกภาพ "อียู" จะกลายเป็นอีกปัจจัยที่สร้างความไม่แน่นอน
จีน
ยอดค้าปลีกเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด: เท่ากับ 11.0% yoy ใกล้เคียงกับเดือนก.ย.ที่ขยายตัว 10.9% yoy และทำให้ 10M58 ยอดค้าลีกเติบโต 10.6% yoy เป็น 24.4 ล้านล้านหยวน โดยยอดขายโทรศัพท์เคลื่อนที่, วัสดุก่อสร้าง และผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ภายในบ้าน มีการเติบโตที่แข็งแกร่ง
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมดีกว่าคาดเช่นกัน: เพิ่มขึ้น 6.2% yoy ในเดือน พ.ย. เร่งตัวจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 5.6% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาดเพิ่มขึ้น 5.7% yoy
เอเชียแปซิฟิก
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอินเดียขยายตัวมากสุดในรอบเกือบ 5 ปี: เพิ่มขึ้น 9.8% yoy ในเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2553 จากเดือนก่อนหน้าที่ 3.8% yoy และดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด +7.6% yoy นำโดยภาคการผลิตที่ขยายตัว 10.6% yoy รวมไปถึงการผลิตไฟฟ้า, เหมืองแร่และสินค้าทุนที่ขยายตัวเด่น 9.0%, 4.7% และ 16.1% yoy
ดัชนี Tankan Large ในภาคการผลิตของญี่ปุ่นคงที่: อยู่ที่ระดับ 12 จุดสำหรับใน 4Q58 เท่ากับไตรมาสก่อนหน้าและใกล้เคียงกับที่ Bloomberg Consensus คาดที่ 11 จุด อย่างไรก็ตามทิศทางสำหรับดัชนีดังกล่าวในไตรมาสหน้ามีแนวโน้มลดลงอยู่ที่ 7 จุด
ไทย
ไม่มี
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530