- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 December 2015 16:01
- Hits: 27795
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
มุมมองตลาด
เรากำลังเข้าสู่ช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2558 สรุปภาวะตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งปีพบว่าปรับตัวลดลงทั้งสิ้น 12% จากจุดสูงสุดที่ 1500 จุด โดยผลตอบแทนต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ตลาดหุ้นญี่ปุ่นให้ผลตอบแทนสูงสุดอยู่ที่ 12% จีนปรับตัวขึ้นได้โดดเด่นเป็นอันดับที่ 2 ขณะที่อินโดนีเซียปรับตัวลดลงมากที่สุด 14%
นับตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย.2558 เราค่อนข้างระมัดระวังต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีภายหลังจากการหลุดแนวรับสำคัญ 1370 จุด นักลงทุนยังคงความสนใจกับประเด็นเรื่องเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกตามที่ตลาดคาดหวังหรือไม่ในการประชุมวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้ ขณะที่ตลาดได้สะท้อนปัจจัยนี้ไปมากแล้วจากราคาตลาดที่ปรับตัวลง 15-20% ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ เรามองว่าความเสี่ยงต่อราคาตลาดที่จะปรับตัวลงไปมากกว่านี้จากปัจจัยปรับอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวนั้นมีจำกัดและปัจจัยอื่นๆได้แก่
1.ตลาดหุ้นไทยตัวลงมากกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเนื่องจากหุ้นพลังงานซึ่งมีสัดส่วนมูลค่าการตลาดสูงสุดปรับตัวลงแรง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ต่ำลงจะกดดันราคาหุ้นกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมี
2.ตัวเลขทางเศรษฐกิจจากจีนที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้ผลตอบแทนตลาดหุ้นเอเชียเกณฑ์เฉลี่ยปรับตัวลดลง -6%
3.เรามองว่าตลาดอาจไม่ได้ปรับตัวลงแรงหลังการปรับอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้จากการที่ตลาดได้สะท้อนปัจจัยนี้ไปมากแล้วในขณะที่การแถลงการณ์ที่ชัดเจนของเฟดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะไม่เกิดขึ้นเร็วในการประชุมครั้งต่อๆไป
4.ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันเพื่อส่งออก (OPEC) ตัดสินใจคงโควต้าการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มฯเท่าเดิมทั้งหมดที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยกลุ่มสมาชิกโอเปค ต้องการให้ตลาดน้ำมันดิบโลกหาจุดสมดุลโดยกลไกตลาด
5.สำหรับมูลค่าที่เหมาะสมตลาดหุ้นไทยบริเวณ 1300 จุด เรามองว่าน่าสนใจเมื่อเทียบกับ PE ที่ 13 เท่าในปี 2016 ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคการฟอร์มตัวรูปแบบ Double Top โดยปกติจะปรับตัวลงเข้าหาเส้น Neckline ที่ 1300 จุด
แนวทางการลงทุน: กลยุทธ์การเทรดคาดว่า หุ้นที่ส่งสัญญาณอ่อนกว่าตลาดจะเป็นกลุ่มที่ถูกขายแรง สวนทางกับหุ้นที่ปรับตัวลงน้อยกว่าตลาดน่าจะฟื้นตัวได้ดีกว่า
หากดัชนีปรับตัวลงเข้าหาแนวรับ 1300 จุด เรากลับมองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ
BLS report 9 ธ.ค. 2558
TSE (BUY/TP 8.1) เราประเมินว่าบริษัทเป็นผู้ประกอบการธุรกิจโซล่าร์ที่มีมูลค่าที่ถูกที่สุดในตลาดและยังมีแนวโน้มอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่ง ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงในปัจจุบันส่งผลให้ค่า EV/MW ต่ำกว่าบริษัทในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ทั้งนี้ TSE ยังมีแผนที่จะดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะทางภาคใต้และโครงการร่วมกับบริษัทญี่ปุ่น เป็นอัพไซด์เต่อราคาหุ้นในอนาคต
BKD (BUY/TP 4.1) เรามองประเด็นบวกจากฐาน backlog ที่แข็งแกร่ง จะเป็นตัวหนุนผลประกอบการ คาดกำไรจะโตเฉลี่ย 22%/ปี ในช่วง 2015-17 (CAGR) และคาดปัจจัยหนุนราคาหุ้นระยะสั้นจะมาจากข้อสรุปเรื่องการลงทุนโครงการ service apartment ซึ่งเรายังไม่รวมในคาดการณ์กำไร และมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นหลังจากโครงการมีความชัดเจน นอกจากนี้การขายที่ดินบริเวณกรุงเทพกรีฑา คาดบริษัทจะสามารถบันทึกกำไรพิเศษไรราว 250 ล้านบาท และอาจนำมาจ่ายเป็นเงินปันผลพิเศษได้
News: สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กปิดลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าภาวะอุปทานน้ำมันทั่วโลกอาจปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน ส่งสัญญาณว่าจะเดินหน้าผลิตน้ำมันในระดับปัจจุบันต่อไป ขณะที่อิหร่านยืนยันว่าจะไม่พิจารณาปรับลดการผลิตน้ำมัน จนกว่าจะสามารถผลิตน้ำมันชดเชยช่วงที่ขาดหายไปขณะที่ถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตร นักลงทุนจับตาดูสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ในวันนี้ หลังจากที่สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 27 พ.ย. พุ่งขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 489.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน (ที่มา aspen)
News: ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากมีรายงานว่ามูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนหดตัวลงในเดือนพ.ย. มูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนในเดือนพ.ย.ปรับตัวลง 4.5% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 2.16 ล้านล้านหยวน (3.37 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งลดลงเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน (ที่มา aspen)
นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ เพื่อดูว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้ออกมาส่งสัญญาณดังกล่าว โดยล่าสุดนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้ากล่าวว่า เศรษฐกิจและตลาดการเงินในปัจจันอยู่ในภาวะที่เอื้ออำนวยต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
News: CK ชนะประมูลรถไฟรางคู่จิระ-ขอนแก่นมูค่า 2.34หมื่นลบ. ขณะที่อีก 3 เส้นทางที่เหลือ ได้แก่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท, ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท และ ช่วงมาบกะเบา-จิระ วงเงิน 2.98 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างขั้นตอนจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ซึ่งจะมีการเร่งรัดโดยจะมีการประชุมภายในสัปดาห์นี้
Comment : เราคาดว่าบริษัทที่มีโอกาสสูงในการชนะการประมูลโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้น ทั้งนี้หากมูลค่างานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้เริ่มปรับตัวสูงขึ้น เราเชื่อว่าจะมี CK จะขึ้นไปซื้อขายในระดับ PBV ที่สูงมากขึ้น
ธนรัตน์ อิศรกุล Tel. (662) 618-1334
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค