- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 December 2015 13:17
- Hits: 2551
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -162.51, NASDAQ -3.57, S&P -13.48, FTSE -88.30, CAC -74.55 และ DAX -212.49 ภายใต้ปัจจัยกดดันจาก (1) มูลค่าการค้าต่างประเทศของจีน – พย. หดตัวลง 4.5%yoy และลดลงเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน ทำให้เกิดความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ซึ่งจีนเป็นตลาดนำเข้าและส่งออกรายใหญ่ของโลก และ (2) ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง กดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขณะที่อยู่ระหว่างรอการประชุมเฟด (15 – 16/12/58) โดยเฉพาะประเด็นการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ม.ค. -US$0.14 อยู่ที่ US$37.51 ต่อบาร์เรล จากความกังวลภาวะอุปทานน้ำมันทั่วโลกอาจปรับตัวสูงขึ้น หลังที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ส่งสัญญาณว่าจะเดินหน้าผลิตน้ำมันในระดับปัจจุบันต่อไป ซึ่งเกินเพดานถึงวันละกว่า 1 ล้านบาร์เรล จากเพดานปัจจุบันที่ 30 ล้านบาร์เรล/วัน
....ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. +US$0.1 อยู่ที่ US$1,075.3 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังญี่ปุ่นปรับเพิ่มการประเมินตัวเลข GDP อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด และการซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวังโดยอยู่ระหว่างรอการประชุมเฟด ในสัปดาห์หน้า
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -353 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -123,522 ล้านบาท (ปี’57 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : คาดยังมีโอกาสลดลง? แต่เป็นไปอย่างจำกัด หลังดัชนีลดลงแรงวานนี้ ภายใต้ปัจจัยกดดันจากประเด็นเดิม ที่คาดตลาดฯ รับรู้ไปบ้างแล้วในช่วงที่ผ่านมา ทั้ง (1) ความเป็นไปได้ที่เฟดจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ (15 – 16/12/58) หลังการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีทิศทางที่ดี และเงินเฟ้อเข้าสู่เป้าหมายในระยะกลางที่ 2.0% รวมถึงตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง และ (2) ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีนที่คาดอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังประเทศคู่ค้าต่างๆ
.....ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ คาดราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ยังส่งผลกระทบต่อกลุ่มพลังงาน รวมถึงภาพรวม Fund Flow ที่ยังผันผวน แรงซื้อขายสุทธิต่างชาติ สลับกันไป แต่มูลค่าไม่สูงมากนัก ขณะที่ YTD ยอดขายสุทธิสะสมเพิ่มต่อเนื่อง อยู่ในระดับที่สูงกว่า 123,000 ล้านบาท และเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในช่วงปลายปี คาดมูลค่าซื้อขายอาจเบาบางลง โดยเฉพาะจากต่างชาติ อย่างไรก็ตามแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ที่คาดภาพรวมยังมีทิศทางอ่อนค่า ตามสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด คาดมีผลต่อทิศทางของ Fund Flow โดยเฉพาะจากตลาด Emerging Markets นอกจากนี้คาดยังถูกกดดันจากประเด็นความไม่แน่นอนต่อทิศทางเศรษฐกิจไทย ซึ่ง ธปท. มีโอกาสปรับลดคาดการณ์ตัวเลข GDP ในปี’58 และ 59 ลง แต่คาดอาจถูกชดเชยได้บ้างจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาลที่คาดออกมาต่อเนื่อง
....ยังแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หลังวานนี้ CK (ประมูลร่วมกับ ช.ทวีก่อสร้าง) เป็นผู้ประมูลราคาต่ำสุด (23,444 ล้านบาท) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทาง ถ.จิระ – ขอนแก่น ซึ่งคาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง 1Q/59 และ (2) กลุ่มการบิน ที่คาดภาพรวมยังได้รับผลกระทบจากการที่ FAA (Federal Aviation Administration) ซึ่งเป็นสำนักงานบริหารองค์กรการบินแห่งสหรัฐฯ ปรับลดอันดับไทยจาก Category 1 (CAT1) เป็น Category 2 (CAT2) หลัง FAA ระบุมาตรฐานปัจจุบันของไทยยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ขณะที่แนะติดตามผลการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) ที่จะประกาศผลในวันที่ 10/12/58 อย่างไรก็ตามคาดได้รับการชดเชยเข้ามาบ้างจากราคาน้ำมันที่ลดลง และเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season
..รวมถึง (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, STEC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท เช้านี้เคลื่อนไหวบริเวณ 35.88 – 35.90 แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากวันก่อนหน้า และคาดระยะกลางมีโอกาสอ่อนค่าอีกครั้ง ส่วนหนึ่งตามสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TASCO เป็นต้น (5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) สายการบิน (เช่น AAV) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.01 อยู่ที่ 2.24% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +1.76 อยู่ที่ 17.60
หุ้นแนะนำ : ANAN
ประเด็นที่ต้องติดตาม (9 - 16 ธ.ค.’58)
9/12/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) สต็อกสินค้าและยอดค้าส่ง - ต.ค. (2) สต็อกน้ำมัน
10/12/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ราคานำเข้าและส่งออก - พ.ย. (2) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (3) งบประมาณของรัฐบาลกลาง -
พ.ย.
11/12/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) - พ.ย. (2) ยอดค้าปลีก - พ.ย. (3) สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ - ต.ค.
(4) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้น - ธ.ค.
15/12/58 : กสทช. กำหนดเปิดประมูลใบอนุญาตคลื่น 900MHz
16/12/58 : ประชุม กนง. (อัตราดอกเบี้ยนโยบายล่าสุด อยู่ที่ 1.50%)
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788