- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 December 2015 12:36
- Hits: 1887
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ลงมาลึก จึงแนะนำให้เน้นถือเพื่อรอขายช่วงบวกดีกว่า...
กลยุทธ์ : แม้ SET ยังปรับตัวลงได้อีก แต่เนื่องจากรอบนี้ดัชนีไหลลงมาลึกพอควรแล้ว ทำให้คาดว่ามีลุ้นแรงซื้อเก็งกำไรที่จะเข้ามาหนุนตลาดได้ในเร็วๆ นี้ ดังนั้นยังแนะนำให้ถือต่อเพื่อรอขายช่วงรีบาวด์ดีกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BEAUTY, LOXLEY, IVL(short)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET ยังปรับตัวลงรุนแรงต่อเนื่อง หลังจากหยุดทำการไป 1 วัน ซึ่งแม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะยังดูอ่อนแอกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้านไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นการเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นภูมิภาค ที่ยังถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจโลก หลัง ECB ยังไม่มีมาตรการ QE เพิ่มเติม ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศยังดูไม่ดีนัก โดยล่าสุดตัวเลขมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของจีนก็ยังหดตัวลงในเดือน พ.ย. ประกอบกับช่วงนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกกลับมาปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 7 ปีอีก เนื่องจากที่ประชุมโอเปกยังไม่บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการควบคุมการผลิต รวมทั้งนักลงทุนยังรอจับตาดูการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้าว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากน้อยเพียงใดด้วย ซึ่งในสัปดาห์นี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่อาจเป็นเครื่องมือชี้นำผลประชุมเฟดได้ แต่ตลาดหุ้นบ้านเราจะยังติดวันหยุดอีก 1 วันในวันพรุ่งนี้ ทำให้ FSS คาดว่า SET จะยังอยู่ในช่วงแกว่งผันผวนและปรับตัวลงต่อเนื่องได้อีก อย่างไรก็ตามเนื่องจาก SET ไหลลงมาเกือบ 100 จุดแล้วในช่วง 2 สัปดาห์เศษ ทำให้ FSS คาดว่าการไหลลงต่ำอย่างรวดเร็วของ SET มีสิทธิที่จะกระตุ้นแรงซื้อให้กลับเข้ามาหนุนตลาดได้บ้างในเร็วๆ นี้ ดังนั้นยังแนะนำให้ถือเพื่อรอขายช่วงบวกต่อไปก่อนดีกว่า
แนวรับ 1302-1300 , 1292-1288 จุด
แนวต้าน 1310-1315 , 1320-1326 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคทุกประเทศและหนาแน่นรวม US$570 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$355.5 ล้าน และเกาหลีใต้ US$142.9 ล้าน หลังตลาดผิดหวังต่อผลประชุม OPEC ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันดิ่งลงต่ำสุดในรอบ 7 ปี แนวโน้มกระแสเงินทุนยังคงมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ราคาน้ำมันยังทรุดตัวลงต่อเนื่องจากความกังวลต่ออุปทานที่เพิ่มขึ้นอีกทั้งคืนนี้ EIA สหรัฐจะเปิดเผยรายงานสต๊อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งคาดว่าจะพุ่งขึ้นต่อเป็นสัปดาห์ที่ 10
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) ยังไม่มีปัจจัยเอื้อให้น้ำมันปรับขึ้น ราคาน้ำมันเมื่อคืนรีบาวนด์เล็กน้อยแต่ยังถูกกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐที่เพิ่มต่อเนื่องแม้โรงกลั่นจะเริ่มกลับมาผลิตหลังจากปิดซ่อมบำรุงแล้วก็ตาม ขณะที่ Goldman Sachs คาดราคาน้ำมันปีหน้าอาจได้เห็น US$20 สำหรับสัมปทานปิโตรเลียมครั้งที่ 21 ในไทย วานนี้ครม.เห็นชอบในหลักการแต่มีประเด็นที่ให้ไปแก้ไข 26 ประเด็นก่อนนำมาเสนอครม.อีกครั้งซึ่งน่าจะเป็นปีหน้า
(+) CK ชนะงานประมูลรถไฟรางคู่จิระ-ขอนแก่น ในราคา 2.34 หมื่นล้านบาท ทำให้ Backlog เพิ่มเป็น 8.98 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ วานนี้ครม.เห็นชอบการควบรวม BECL-BMCL ซึ่งทำให้หุ้นใหม่ BEM มีความแข็งแกร่งโดยมีทั้งธุรกิจทางด่วนที่เป็น cash cow และรถไฟฟ้าที่เติบโตได้อีกมาก ขณะที่ CK ได้ประโยชน์ทันทีจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ BEM ตามสัดส่วนที่ถือคือ 27% เราปรับกำไรปกติของ CK ปี 2016 ขึ้น 40% เป็นโตถึง 246% Y-Y ทำให้ราคาเป้าหมายปีหน้าปรับขึ้นเป็น 40 บาทจาก 36 บาท ราคาหุ้น CK ในช่วง 4QTD ปรับขึ้นเพียง 1% laggard มากเมื่อเทียบกับ BECL และ BMCL ที่บวก 15-17% เรายังคงแนะนำซื้อ และยังให้ CK เป็น Top pick ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
(0) GCAP แม้ว่า 4Q15 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดโดยน่าจะทำกำไรได้ 18-20 ล้านบาท สูงสุดของปีตามฤดูกาลเก็บเกี่ยวและการคืนเงินกู้ แต่ภาพรวมของกำไรทั้งปี 2015 ชะลอเพราะภาวะภัยแล้งและราคาพืชผลการเกษตรที่ลดลง ทำให้ความต้องการสินเชื่อเช่าซื้อรถเกี่ยวข้าว (80% ของรายได้รวม) ชะลอและคาดว่าสถาการณ์ในปี 2016 ไม่แตกต่างกันมากนักจากแนวโน้มภัยแล้งที่ยืดเยื้อ ปัจจัยบวกในปีหน้ามีเพียงต้นทุนทางการเงินที่ลดลง เราคาด EPS ปี 2015-16 ค่อนข้างทรงตัวที่ 0.30 บาท ราคาเป้าหมายปีหน้าเมื่ออิง PE 10 เท่าเท่ากับกลุ่มจะได้ 3 บาท ราคาหุ้นใกล้เต็มมูลค่า และเมื่อเทียบ Dividend yield ที่คาดว่าจะจ่าย 5% ต่อปี น้อยกว่า ASK และ THANI ยังถือว่า GCAP ไม่น่าสนใจ
(+) กลุ่มอิเล็คทรอนิคส์ มีเพียง SVI ที่ยังมี upside กลุ่มอิเล็คทรอนิคส์เป็นหนึ่งในไม่กี่กลุ่มที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกในปีนี้ +20% YTD แต่มีเพียง SVI ที่ราคาหุ้นยังมี upside จากราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 6.40 บาท และราคายัง laggard กว่าหุ้นตัวอื่นในกลุ่ม ขณะที่เราคาดกำไรปกติปีหน้าของ SVI จะโดเด่นสุดในกลุ่ม +25% Y-Y หลังแก้ปัญหาคอขวดสายการผลิตเสร็จใน 1Q16 และใช้กำลังการผลิตได้เต็มที่ตั้งแต่ 2Q16 เป็นต้นไป SVI มี PE ปีหน้าเพียง 10.6 เท่า ถูกสุดในกลุ่มซึ่งมี PE เฉลี่ย 14 เท่า จึงยังคงแนะนำซื้อ
(+) TU การยกเลิกดีลซื้อ Bumble bee (BB) เพื่อยุติปัญหาการผูกขาดธุรกิจปลาทูน่าในสหรัฐ ควรจะเป็นผลดีต่อราคาหุ้นที่จะหมดความกังวลเรื่องเพิ่มทุนหรือก่อหนี้เพิ่ม ขณะที่การยุติดีล TU จะไม่โดนค่าปรับเพราะเป็นการยินยอมจากทั้ง 2 ฝ่าย แม้ไม่มี BB แต่ด้วยธุรกิจอาหารและศักยภาพของ TU ที่มีอยู่ เราคาดกำไรปกติปี 2016 โตได้ในอัตราที่สูง 28% Y-Y ส่วนกำไรสุทธิโต 13.5% Y-Y ราคาเป้าหมายปี 2016 ของเราที่ 22.50 บาทบาทไม่ได้รวม BB อยู่แล้ว เรายังคงแนะนำซื้อ อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นยังไม่มีข่าวดีเพราะ 4Q15 เป็น low season และจะยังมีค่าใช้จ่ายพิเศษอีกเล็กน้อยจากการทำดีล BB
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมายังปิดในแดนลบต่อเนื่อง โดยยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับต่ำรวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดลบค่อนข้างแรงเช่นกันนำโดยหุ้นในกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ โดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังเปิดค่อนมาในแดนลบจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใส ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ย.ของจีนเช้านี้
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวอ่อนค่าลง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.85-36.00 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ปิดที่ 37.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.14 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายลงไปแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี 2009 โดยยังได้รับแรงกดดันจากอุปทานที่ล้นตลาด
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 1,075.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ขยับขึ้น 0.10 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า แต่อย่างไรก็ตามยังถูกกดดันจากการประชุม FED ในสัปดาห์หน้าซึ่งมีโอกาสสูงที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
10 ธ.ค. - ไทย: EASA ประกาศผลตรวจสอบมาตรฐานการบินของไทย
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม
11 ธ.ค. - ไทย: กกพ.ประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติเข้าประมูลโซลาร์ฟาร์มราชการและสหกรณ์ เฟสแรก 600MW (เปิดรับซอง 1-10 พ.ย.)
15 – 16 ธ.ค. - ประชุม FOMC
15 ธ.ค. - ไทย: ประมูล 4G คลื่น 900 MHz, กกพ.จับฉลากผู้ได้ใบอนุญาตรับซื้อไฟฟ้า (PPA) ในโครงการโซลาร์ฟาร์มราชการและสหกรณ์ 600MW
16 ธ.ค. - ไทย: กนง.ประชุมครั้งสุดท้ายของปี, AMATAV เทรด (ราคา IPO 7.50 บาท)
21 ธ.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (พ.ย.)
22 ธ.ค. - สหรัฐ: 3Q15 GDP (ตัวเลขสุดท้าย) , ยอดขายบ้านเก่า (พ.ย.)
23 ธ.ค. - ญี่ปุ่น: ตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวัน Emperor’s Birthday
- สหรัฐ: รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล, คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (พ.ย.)
24 ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการ: อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย ฮ่องกง
- ไทย: ดุลการค้า (พ.ย.)
25 ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการเนื่องในวัน Christmas: อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลีใต้ สหรัฐ
- ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม, อัตราการใช้กำลังการผลิต (พ.ย.)
- ญี่ปุ่น: อัตราเงินเฟ้อและตัวเลขการก่อสร้างบ้านใหม่ (พ.ย.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch