- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 08 December 2015 18:17
- Hits: 4313
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ยังต้องระวังผันผวน/อ่อนตัว
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ปัจจัยที่กดดันตลาดในช่วงสั้นคือ ราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลงแรง ล่าสุด WTI และ BRENT ส่งมอบม.ค.2016 ลงมาที่ 37.65 และ 40.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำกว่าระดับปิดของสิ้น 3Q15 ไปแล้วกว่า 7 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -16.5%QTD และ -15.8%QTD ตามลำดับยังผลให้กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีมีโอกาสสูงที่จะมีผลขาดทุนสต็อกจำนวนมากอีกครั้งใน 4Q15 (แต่จะน้อยกว่าผลขาดทุนใน 3Q15 ที่ราคาน้ำมันลดลงราว 14-15 ดอลลาร์/บาร์เรลจากสิ้น 2Q15)
ส่วนกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในตลาด Mixed มากขึ้น หากพิจารณาจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะภาคแรงงานเห็นว่ามีการฟื้นตัวชัดเจน การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.2015 เพิ่มขึ้นถึง 2.11 แสนตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างานก็ต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่งที่ 5.0%และเข้าใกล้เป้าหมายระยะยาวที่ 4.9% มากแล้วก็ดูว่าเฟดน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ตั้งแต่เดือนธ.ค.2015 แต่อีกกระแสหนึ่งมองว่าเฟดไม่จำเป็นต้องเร่งรีบดำเนินนโยบายการเงินที่สวนทางกับประเทศต่างๆเร็วเกินไป เพราะแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะแข็งแกร่งแต่เศรษฐกิจประเทศอื่นๆยังซบเซามาก รวมทั้งภัยก่อการร้าย และธรรมชาติที่แปรปรวนก็ยังกดดันเศรษฐกิจโลกด้วย
สำหรับในประเทศ วันนี้ (8 ธ.ค.) จับตาผลการประมูลโครงการรถไฟรางคู่ เส้นจิระ-ขอนแก่น ซึ่งผู้เข้าประมูลได้แก่ บริษัทร่วมทุน CK, ITD, UNIQ, STECอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้เป็นข่าวใหม่ ดังนั้นในช่วงภาพใหญ่ของตลาดไม่ค่อยดี ราคาหุ้นอาจยังไม่ตอบรับทางบวกมากนัก และวันที่ 10 ธ.ค.จับตาผลการตรวจสอบมาตรฐานการบินของไทยจาก EASA (สหภาพยุโรป) ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งเรามองว่าตลาดได้ประเมินและสะท้อนผลทางด้านลบไปบางส่วนแล้ว แต่อาจจะยังไม่หมด ถ้าลดเกรดราคาหุ้นกลุ่มการบินน่าจะลงได้อีก แต่ถ้าไม่ลดเกรดก็มีลุ้นรีบาวด์สั้น สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัวเป็น VNG
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+/- ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวน โดยวันศุกร์พุ่งขึ้นกว่า 2% ตอบรับตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 ธ.ค.2015 แต่วันจันทร์ร่วง 0.7% หลังราคาน้ำมันดิบร่วงหนักกดดันหุ้นกลุ่มน้ำมันและโลหะ
+สหรัฐ : ภาคแรงงานสหรัฐแข็งแกร่ง ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 211,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าคาดการณ์ที่200,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.0% เป็นไปตามคาดและต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2008
+ ญี่ปุ่น : ดัชนีพ้องเศรษฐกิจเพิ่ม 2.0 จุดในต.ค.เป็น 114.3 ส่วนดัชนีนำเศรษฐกิจ (index of leading indicators) ซึ่งคาดการณ์สถานการณ์ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้น 1.3 จุด อยู่ที่ 102.9 ขณะที่ขณะที่ดัชนีตามเศรษฐกิจ (index of lagging indicators) ซึ่งเป็นมาตรวัดการปรับตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ลดลง 0.3 จุด แตะ 114.4
+ ญี่ปุ่น : หลุดพ้นภาวะถดถอยทางเทคนิค รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP Growth 3Q15 เป็น +1% จากเดิม -0.8% เมื่อ 16 พ.ย.2015 ที่ผ่านมา ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็จะหลุดพ้นภาวะ Technical Recessionเพราะเดิมถ้า GDP 3Q15 ติดลบจะอยู่ในข่ายถดถอยทางเทคนิค
- น้ำมัน : ที่ประชุมกลุ่มโอเปก 4 ธ.ค.2015 ไม่มีข้อสรุปเรื่องปริมาณการผลิตใน 6 เดือนข้างหน้า...บ่งชี้ว่าจะผลิตเกินแผนราว 1 ล้านบาร์เรล/วันต่อไป (เพดานปัจจุบันอยู่ที่ 30 ล้านบาร์เรล/วัน)
- ราคาน้ำมันดิบร่วงแรง...กดดันหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี โดยวันศุกร์สัญญาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT ส่งมอบม.ค.2016 ปิด -1. 11และ -0.84 ดอลลาร์ ส่วนวันจันทร์ -2.32 และ -2.27 ดอลลาร์ ปิดที่ 37.65และ 40.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ตามลำดับราคาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT
ที่มา : Aspen, DBSV Retail Research
+/- ราคาทองคำพุ่งขึ้นแรงวันศุกร์แล้วอ่อนลงในวันจันทร์ คืนวันศุกร์สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบก.พ. พุ่ง 22.9 ดอลลาร์ หรือ
+2.16% ปิดที่ 1,084.10 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมาจากแรงซื้อ Cover Shortและมีกระแสคาดการณ์ใหม่ว่าเฟดอาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ยเป็นปี 2016ทั้งนี้แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวและเติบโตได้แข็งแกร่ง แต่เศรษฐกิจต่างประเทศยังคงซบเซา ดังนั้นสหรัฐยังไม่ควรดำเนินนโยบายทางการเงินในแนวทางที่ต่างกับประเทศอื่นๆ เร็วเกินไป แต่ในวันจันทร์ สัญญาลดลง8.9 ดอลลาร์ หรือ -0.82% มาปิดที่ 1,075.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
•/+ ธ.ออมสินเตรียมเพิ่มวงเงินซอฟท์โลนอีก 1 แสนล้านบาทเพื่อช่วยเหลือ SME หลังจากออกไปแล้ว 1 แสนล้านบาท (อัตราดอกเบี้ย 4%)และเต็มวงเงินไปแล้วเมื่อ 26 พ.ย.2015 เพราะขณะนี้มี SME ที่ขอสินเชื่อคงค้างอยู่อีกหลายหมื่นล้านบาท
•/- 10 ธ.ค.2015 จับตาผลการตรวจสอบมาตรฐานการบินของไทยจาก EASA (สำนักงานบริหารการบินของสหภาพยุโรป) ซึ่งหากมีการลดเกรดลงเหมือนกับ FAA (สหรัฐ) คาดจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจการบินของไทยมากกว่า เนื่องจาก EASA จะไม่เพียงแต่ห้ามเพิ่มเส้นทางและเที่ยวบินแต่จะมีประกาศเตือนด้านความปลอดภัยกับผู้ใช้บริการสายการบินของไทยด้วย โดย THAI จะได้รับผลกระทบมากกว่าสายการบินอื่นที่จดทะเบียนในSET เพราะมีเที่ยวบินเส้นยุโรปมาก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าธุรกิจสนามบิน(AOT) จะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะผู้โดยสารใช้สายการบินอื่นเพื่อเข้ามาไทยได้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯคาดว่าปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในไทยในปี 2016 จะสูงเกิน 30 ล้านคน (หลังมีโอกาสแตะ 30 ล้านคนในสิ้นปี 2015) ขณะเดียวกันการเปิด AEC ก็หนุนการเดินทางเข้า-ออกมากขึ้นด้วย เรายังคงแนะนำซื้อ AOT ให้ราคาพื้นฐาน 366 บาท
•/+ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง : วันนี้ (8 ธ.ค.) จับตาผลประมูลโครงการรถไฟรางคู่ สายจิระ-ขอนแก่น ผู้มีคุณสมบัติเข้าประมูลคือบริษัทร่วมทุนCK, ITD, UNIQ และ STEC สำหรับราคากลางอยู่ที่ 2.36 หมื่นล้านบาท
+ VNG (ราคาปิด 14.70 บาท) : ราคาน้ำมันต่ำเป็นบวกกับบริษัทเนื่องจากมีสัดส่วนต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันที่แฝงอยู่ในต้นทุนวัตถุดิบ (ค่าขนส่งเศษไม้) และค่าพลังงานในกระบวนการผลิต รวมทั้งมีการใช้เคมีภัณฑ์ในการผลิตซึ่งราคาเคมีภัณฑ์ก็อิงกับราคาน้ำมันด้วย สำหรับค่าเงินบาทในระดับ 35+/- บาท/ดอลลาร์สหรัฐอยู่ในเกณฑ์ที่หนุนผลประกอบการได้ดีคาดกำไรสุทธิปี 2016 เติบโตได้จากการใช้กำลังการผลิต LaminateFlooring ได้เพิ่มขึ้น หลังขยายกำลังการผลิตจาก 6 เป็น 10 ล้านตรม./ปีใน3Q15 และมาร์จิ้นดีจากการ Switch สายการผลิต Particle เป็น MDF ซึ่งมีอัตรากำไรดีกว่า 3 แสนลบม./ปี ซึ่งจะเริ่มผลิตได้ต้น 2Q16 ส่วนปี 2017 มีการขยายกำลังการผลิตคอขวดทั้งใน Particle และ MDF รวมทั้งจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ (แผ่นพื้นปิดผิวด้วยไม้จริง) ด้วย เราคาดว่ากำไรปี 2015 จะเติบโตก้าวกระโดด 100% แล้วขยายตัวประมาณปีละ 10% ในช่วงปี 2016-2017 แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 15.80 บาท อิงกับ P/E ปี 2016 ที่ 15 เท่า
• SCB : ซื้อหุ้นเพิ่มทุน PP บริษัท GUNKUL 41.5 ล้านหุ้น เบื้องต้นกำหนดราคาซื้อไว้ที่ 24 บาท แต่หากราคาตลาดถัวเฉลี่ยน้ำหนักหุ้นในช่วง10 วันก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้น (จัดวันที่ 21 ม.ค.2016) มีราคาต่ำกว่า 23.50บาท คณะกรรมการฯจะนำเสนอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาราคาเสนอขายเท่ากับราคาตลาดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักในช่วง 10 วันทำการก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้นที่มีส่วนลด 2% แต่ราคาขายดังกล่าวจะต้องไม่ต่ำกว่า 22 บาท/หุ้น ...หากดีลนี้จบทาง SCB จะเข้าไปถือหุ้น GUNKUL 3.13% และทำให้ผู้ถือหุ้นใหญ่คือ กลุ่มตระกูลดำรงปิยวุฒิ์ ถือหุ้นเหลือ 53.93% จากเดิมที่ 55.67%...ราคาหุ้น GUNKUL อ่อนตัวลงมาใกล้ราคาเพิ่มทุน PP ที่อยู่ในช่วง 22-24บาทแล้ว (วันศุกร์ปิด 23.40 บาท) ดังนั้นประเด็นนี้ไม่น่ากดดันมาก แต่ภาพใหญ่ของตลาดที่ซบเซาอาจทำให้หุ้นเป็น Sideways down ได้อยู่
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค –
[email protected]