- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 04 December 2015 17:33
- Hits: 4110
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
มุมมองตลาด
SET รีบาวด์ขึ้นมาปิดที่ 1340.62 จุด (ก่อนหน้านี้ปรับตัวลง 8 วันทำการ) ตลาดหุ้นไทยตกลงมาที่ PER 23.4 เท่า (Trailing P/E) สูงสุดที่ PER 24.5 เท่าเนื่องจากตัวเลขการส่งออกในเดือน ต.ค.ที่ ซึ่งลดลง 8% ขณะที่หุ้นในกลุ่มประเทศอาเซียนปรับตัวลดลงจากการปรับลดลงของดัชนีตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง อย่างไรก็ตามมุมมองของ Morgan Stanly คาดว่า ดัชนี MSCI China มีโอกาสปรับตัวขึ้น 3% ในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะเป็นหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้โดดเด่น ขณะที่หุ้นกลุ่มสถาบันการเงินคาดว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นจากกองทุน Global survey China Equity คาดว่าตลาดหุ้นจีนมีแนวโน้มของการปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกัน
สัปดาห์นี้กลุ่มโอเปกจะมีการประชุมร่วมกันเพื่อตัดสินใจว่าจะปรับลดกาลังการผลิตหรือไม่ โดยตลาดคาดว่าโอเปคจะคงโควต้าการผลิตน้ามันดิบเท่าเดิมที่ 30 ล้านบาร์เรล/วัน สะท้อนราคาน้ามันดิบเบรนท์อ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 43 เหรียญ/บาร์เรล และเคยลงไปทาจุดต่าสุดใหม่ที่ 42เหรียญ/บาร์เรล เมื่อเดือนส.ค. 2558
ข่าว: ก.ล.ต.สั่งปรับผู้บริหาร CPALL-เครือซีพีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น MAKRO ผลกระทบเราคาดว่ากองทุนในประเทศและต่างประเทศทีมีนโยบายลงทุนในบริษัทธรรมาภิบาล อาจจะมีการขายหุ้นออกมา แต่ในเรื่องผลกระทบตามปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลง ส่วนราคาที่ปรับตัวลงมา หากปรับตัวลงแรงเรามองเป็นโอกาสในการซื้อ มองแนวรับบริเวณ 43-44 บาท
แนวรับหลักของดัชนีอยู่บริเวณใด? จุดที่น่าสนใจคือหากปรับตัวลงแรงแถวบริเวณ 1300 จุด (Neckline) จะส่งผลให้เครื่องมือทางเทคนิคอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ และแนวรับตามตัวเลข Fibonacci 23.6% = 1320 ปัจจุบันดัชนีปรับตัวลงมาแล้วทั้งสิ้น 6.5% จากจุดยอด 1430 จุด ซึ่งน่าจะทำให้เครื่องมือทางเทคนิคอยู่ในระดับ Oversold และมองเป็นจุดที่น่าสนใจในการเข้าซื้อ เราจึงรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะกลับเข้าไปซื้อขายอีกครั้งสัญญาณทางเทคนิคชี้ว่า ตลาดจะมีความผันผวนสูงสุดในเร็วๆนี้และจะส่งผลให้ดัชนีหลักลดลงอย่างมาก ซึ่งถือว่าเป็นจุดการปรับตัวไปสู่ระดับ Oversold และมองเป็นจุดที่น่าสนใจในการเข้าซื้อ BLS report 4 ธ.ค. 2558
Thai Market Strategy
เราคาดว่าตลาดได้สะท้อนเรื่องเฟดจะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้ไปพอสมควร หาก FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเราคาดว่าตลาดหุ้นจะไม่ปรับตัวลงแรง เราศึกษาเหตุการณ์ในอดีตปี 1994,1999 และ 2004 มีความแตกต่างกันปี 1994 ตลาดหุ้นปรับตัวลงแรงเนื่องจากตลาดไม่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนล่วงหน้า แต่เหตุการณ์ปี 2004 ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนและฟื้นตัวได้ก่อนการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งเราคาดว่าเหตุการณ์น่าจะคล้ายกับปี 2004 สิ่งที่เราจะตามต่อไปคือเรื่องของการส่งสัญญาณว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยแบบใดและเมื่อไหร่ Morgan Stanley คาดว่าน่าจะขึ้นครั้งต่อไปในเดือนมี.ค.ปีหน้า
สำหรับมูลค่าที่เหมาะสมตลาดหุ้นไทยบริเวณ 1300 จุด เรามองว่าน่าสนใจเมื่อเทียบกับ PE ที่ 13 เท่าในปี 2016 กลุ่มที่เราน่าสนใจได้แก่ 1.กลุ่มไอซีทีที่ปรับตัวลดลงแรงอาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าซื้อหนึ่งสำหรับการรับผลตอบแทนจากเงินปันผลซึ่งค้ำอยู่ (yield support) แต่เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนรอจนกว่าการประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ซจะสิ้นสุดลง หุ้นที่เรายังคงชื่นชอบมากที่สุดในกลุ่มยังคงเป็น ADVANC และ INTUCH 2..กลุ่มพลังงาน ภายหลังจากเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลงซึ่งน่าจะทำให้ราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวขึ้นได้
BR (BUY/TP 11)
เราคาดผลประกอบการปี 2559 จะฟื้นตัว หนุนจากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและการส่งออกทั้งในญี่ปุ่นและยุโรป, การฟื้นตัวของราคาขายในเนเธอร์แลนด์และไทยและการจัดการกับต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีดีลการเข้าซื้อกิจการและการร่วมลงทุนทั้งในจีน เวียดนามและอินโดนีเซียในครึ่งแรกของปี 2559 ซึ่งน่าจะกลายเป็นอัพไซด์ต่อผลประกอบการ อีกทั้งถ้าพิจารณาในเรื่องของการจ่ายปันผลปี 2016 ที่ 5.8% ถือว่าสูงกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
ธนรัตน์ อิศรกุล Tel. (662) 618-1334
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์/ปัจจัยทางเทคนิค