- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 04 December 2015 16:40
- Hits: 1504
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Commodities Rebound
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ถูกกดดันจากประเด็นลบเรื่อง CG ของหุ้น CPALL ส่งผลให้กลุ่มค้าปลีกปรับตัวลงหนักสุดวานนี้ และฉุด SET INDEX ให้ปรับฐานลง รวมทั้งบรรยากาศรอบเอเชียต่างซึมตัวลง จากแรงกดดันของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม SET INDEX เกิด Technical Rebound ในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขายจากการฟื้นตัวของหุ้นหลัก เช่น SCC, ADVANC, PTT ส่งผลให้ตลาดปิดในแดนบวกได้ที่ 1,340.62 จุด เพิ่มขึ้น 1.17 จุด หรือ +0.09% มูลค่าการซื้อขาย 4.32 หมื่นล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ผลการประชุม ECB มีการขยายมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง ได้แก่ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.05%, ลดดอกเบี้ยเงินฝากลงจาก -0.2% เป็น -0.3% และขยายอายุโครงการ QE ออกไปอีก 6 เดือนจากสิ้นสุด ก.ย.2559 เป็น มี.ค. 2560 อย่างไรก็ตาม ยังคงวงเงิน QE ต่อเดือนที่ 6 หมื่นล้านยูโร ผิดคาดของตลาดที่คาดว่าจะขยายวงเงิน QE เป็น 7.5 -8.0 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน
ติดตามตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ในคืนนี้
งาน Thailand Focus สิ้นสุดวันนี้
การประชุม OPEC ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบ โดยตลาดคาดว่า OPEC จะคงกำลังการผลิตน้ำมัน
ปัจจัยสำคัญ 2 สัปดาห์หน้า
การประชุม ครม.เพื่อพิจารณาแผนการควบรวม BECL และ BMCL รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม
ติดตามการประมูล E-Auction โครงการรถไฟรางคู่ เส้นทาง จิระ - ขอนแก่น
การประชุมกนง. วันที่ 16 ธ.ค. เราคาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.5%
การประชุมเฟด วันที่ 16 ธ.ค. ตลาดคาดเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 0.25% จากปัจจุบัน 0.00%
และช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น "กลาง" วันที่ 14 แม้ว่าตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯจะปรับฐานลงแรงเมื่อคืนนี้ หลัง ECB คงวงเงิน QE ที่เดือนละ 6 หมื่นล้านยูโร ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะเพิ่มวงเงิน QE ขึ้นเป็น 7.5-8 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน แต่ตลาดหุ้นเอเซียที่ Underperform ตลาดหุ้นยุโรป-สหรัฐฯ อย่างมากในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จึงคาดว่าจะได้รับผลกระทบเชิงลบค่อนข้างจำกัด
การแข็งค่าขึ้นของค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับค่าเงินสหรัฐฯ หลังทราบผลการประชุม ECB ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ราคาน้ำมันดิบดีดกลับเมื่อคืนนี้จะเป็นอีกปัจจัยหนุนให้หุ้นกลุ่มพลังงาน - ปิโตรเคมี ฟื้นตัวได้ รวมทั้งติดตามผลการประชุม OPEC
ดังนั้น คาดว่าหาก SET INDEX เปิดย่อตัวลงในช่วงแรกของการซื้อขาย จะมีโอกาสฟื้นตัวได้จากหุ้นกลุ่มหลัก ได้แก่ พลังงาน - ปิโตรเคมี - ธนาคาร - รับเหมาก่อสร้าง ในกรอบ 1330 - 1345 จุด
อย่างไรก็ตาม คาดว่ามูลค่าการซื้อขายจะเบาบาง เนื่องจากจะเข้าสู่ช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาวในสัปดาห์หน้าส่งผลให้ภาพตลาดโดยรวมมีทิศทางชะลอตัว
กลยุทธ์การลงทุน
สำหรับหนักลงทุนระยะสั้น แนะนำให้ซื้อเก็งกำไรรายกลุ่มที่มีปัจจัยบวก เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่มีปัจจัยบวกเด่นในสัปดาห์หน้า ได้แก่ การประมูล E-Auction โครงการรถไฟฟ้ารางคู่ และการอนุมัติแผนลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม
ขณะที่นักลงทุนระยะกลาง - ยาว แนะนำสะสมหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร เช่น KTB, KBANK,SCB เนื่องจากคาดว่าจะเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดหลังทราบผลการประชุมเฟดในวันที่ 15-16 ธ.ค. และเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปี 2559 พร้อมทั้งได้แรงหนุนจากเม็ดเงิน LTF ที่ไหลเข้าในเดือน ธ.ค.
Top Pick in 4Q15: BMCL / ITD/ TMB/ TPIPL
HOLD: ITD / TPIPL/ WHA/ IFEC/ INTUCH/ KTB/ BMCL
Accumulative Buy: CK
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
CK : ราคาปิด 27.75 บาท ราคาเหมาะสม 34.00 บาท
MBKET ประเมินหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะปรับตัว Outperform ตลาดในวันนี้ จากแรงเก็งกำไรการประมูล E-Auction โครงการรถไฟฟ้ารางคู่เส้นทางจิระ - ขอนแก่น มูลค่า 2.4 หมื่นล้านบาท ในวันที่ 8 ธ.ค. โดยมีผู้เข้าประมูล ได้แก่ CK, ITD, STEC และ UNI
คาดว่า CK มีโอกาสสูงที่จะชนะงานประมูลดังกล่าว และกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะมีปัจจัยบวกต่อเนื่อง จากแผนลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ โดยคาดว่า ครม.อาจมีการพิจารณาแผนลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มในวันที่ 8 ธ.ค.นี้เช่นกัน
จุดเด่นของ CK คือมีบริษัทลูกที่แข็งแกร่ง และอยู่ในธุรกิจสาธารณูปโภคซึ่งสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง ได้แก่ BMCL, BECL, CKP และ TTW
การควบรวมกิจการระหว่าง BMCL-BECL เป็นปัจจัยบวกต่อ CK เนื่องจากบริษัทใหม่จากการควบรวมคือ BEM จะมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งและสามารถลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ได้ด้วยตนเองจึงเป็นการลดภาระของบริษัทแม่เมื่อเทียบกับในอดีตที่ต้องคอยสนับสนุนด้านการเงินให้กับ BMCL
NAV จากการถือหุ้นในบริษัทลูกทั้ง 4 บริษัทสูงถึงหุ้นละ 19.80 บาท จะช่วยจำกัด Downside Risk ของราคาหุ้น
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชีย ขายสุทธิ US$297 ล้าน จากวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิ US$307 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติปิดสถานะ Long หลัง SET50 Index ปรับฐานลงผิดปกติ
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 441 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นการลดน้ำหนักการลงทุนใน CPALL หลังมีกรณีผู้บริหารระดับสูงใช้ข้อมูลภายในในการซื้อขายหลักทรัพย์ ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงขายสุทธิสูงกว่า 1.2 แสนล้านบาท เป็น 122,610 ล้านบาท
แต่ SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติกลับมา Long สุทธิอีก 1,407 สัญญา คาดเป็นการเปิดสถานะ Long เมื่อ SET50 Index กลับมายืนเหนือ 850 จุด ส่งผลให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิเพิ่มเป็น 23,701 สัญญา และ S50Z15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 22 กว้างขึ้นอีกเล็กน้อยเป็น 3.12 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 2.55 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเป็นวันที่ 17 เป็น 37,025 สัญญา
และเงินทุนต่างชาติพักในตลาดตราสารหนี้ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ซื้อสุทธิอีก 1,351 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ซื้อสุทธิ 13,829 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยขยับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเป็นวันที่ 3 อีก 1.55bps จากวันก่อนหน้าลดลง 2.68bps ปิดที่ 2.670%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 787 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ 961 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 10 ติดต่อกัน
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิลดลงเหลือ 229 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ 959 ล้านบาท รวม 10 วันทำการ ซื้อสุทธิ 8,178 ล้านบาท สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1. กลุ่มค้าปลีกซื้อสุทธิสูงสุด 609 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง 254 ล้านบาท และกลุ่มพลังงาน 248 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มขนส่งถูกขายสุทธิสูงสุด 261 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร 227 ล้านบาท และกลุ่มอาหาร 150 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาเชิงลบ:
ยอดขอสวัสดิการว่างงาน เพิ่มขึ้น 2.69 แสนตำแหน่ง เท่ากับที่ Bloomberg consensus คาด 2.69 แสนตำแหน่ง และสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.60 แสนตำแหน่ง
ดัชนี ISM ภาคบริการต่ำสุดในรอบ 6 เดือนเท่ากับ 55.9 จุดในเดือน พ.ย. ลดลงจากเดือนก่อนที่ 59.1 จุด Bloomberg Consensus คาด 58.0 จุด
คำสั่งซื้อโรงงานเดือน ต.ค. 1.5% mom จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 1.0% mom ใกล้เคียงกับที่ Bloomberg Consensus คาด 1.4% mom
คำสั่งซื้อสินค้าคงทน เดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.9% mom ต่ำกว่าที่การประเมินครั้งก่อนที่ +3.0% mom และฟื้นตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ -0.8% mom หากไม่รวมรายการขนส่ง คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 0.5% mom เท่ากับตัวเลขการประเมินครั้งก่อน
ยุโรป
ดัชนี PMI Composite ของอียูต่ำกว่าคาด: อยู่ที่ระดับ 54.2 จุด สำหรับเดือน พ.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าการประเมินครั้งแรกที่ 54.4 จุด แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 53.9 จุด และอยู่ในระดับที่สูงกว่า 50 จุดสะท้อนการขยายตัว ทั้งนี้การขยายตัวของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานอยู่ในระดับที่สูงสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง
ดัชนี PMI ภาคบริการของอังกฤษเร่งตัวขึ้นดีสุดในรอบ 4 เดือน: อยู่ที่ระดับ 55.9 จุดในเดือน พ.ย. จากเดือนก่อนที่ 54.9 จุดและดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดที่ 55.0 จุด นำโดยอุปสงค์ในประเทศเป็นปัจจัยผลักดันสำคัญ รวมถึงธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 4 เดือน
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
ซาอุฯ เตรียมเสนอที่ประชุมโอเปคลดกำลังการผลิต: รายงานจาก Energy Intelligence คาดการณ์ว่า ซาอุดิอาราเบีย อาจเสนอต่อที่ประชุมโอเปคในวันที่ 4 ธ.ค. ลดกำลังการผลิต 1.0 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งอาจมีผลในปี 2559 ส่วนกำลังการผลิตของอิรัก อาจคงที่ที่ปัจจุบัน หรือเห็นชอบที่จะลดกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับผลการประชุมของโอเปค
ไทย
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวเป็นเดือนที่ 2: ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนพ.ย.2558 ว่า ดัชนีได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกรายการ โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ 74.6 เพิ่มจาก 73.4 เป็นการปรับตัวดีขึ้นติดต่อกัน 2 เดือน และดีสุดในรอบ 11 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 54.5 เพิ่มจาก 53.6 เป็นการปรับตัวดีขึ้นติดต่อกัน 2 เดือน และดีสุดในรอบ 11 เดือนเช่นเดียวกัน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 82.6 เพิ่มจาก 81.3 ปรับตัวดีขึ้นในรอบ 3 เดือน ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 63.4 เพิ่มจาก 62.2 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำอยู่ที่ 69.6 เพิ่มจาก 68.6 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 90.8 เพิ่มจาก 89.4
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530