- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 02 December 2015 17:23
- Hits: 1067
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +168.43, NASDAQ +47.64, S&P +22.22, FTSE +39.56, CAC -43.07 และ DAX -120.99 ภายใต้ปัจจัยหนุนจากจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน และอาจจะปรับอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (3/12/58) ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจ (+) ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐฯ - ต.ค. เพิ่มขึ้น 1.0% อยู่ที่ 1.11 ล้านล้านUSD ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือนธ.ค.’50 และดีกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% แต่ (-) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของ ISM – พ.ย. อยู่ที่ 48.6 ลดลงจาก 50.1% เมื่อต.ค. ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และการแข็งค่าของเงินสหรัฐฯ และพบว่าภาคการผลิตของสหรัฐฯ หดตัวลงในเดือนพ.ย. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายปี’55
…..อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างรอ (1) ถ้อยแถลงของนาง เจเน็ต เยลเลน เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรสในวันพฤหัสนี้ และ (2) ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ ซึ่งหากตัวเลขออกมาแข็งแกร่ง คาดจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 ธ.ค.
....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ม.ค. +US$0.20 อยู่ที่ US$41.85 ต่อบาร์เรล ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างซบเซา โดยอยู่ระหว่างรอผลการประชุมโอเปกในวันศุกร์นี้ (4/12/58) ซึ่งคาดกลุ่มโอเปกคงเพดานการผลิตไว้ที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตามคาดอิหร่านอาจจะเพิ่มกำลังการผลิตในปีหน้า เมื่อการยกเลิกมาตรการอิหร่านเริ่มมีผลบังคับใช้
....ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. -US$1.8 อยู่ที่ US$1,063.5 ต่อออนซ์ โดยอยู่ระหว่างรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ เนื่องจากเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 15 – 16/12/58 นี้หรือไม่?
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -371 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -122,188 ล้านบาท (ปี’57 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : Sideway? ภายใต้การเคลื่อนไหวที่คาดยังมีความผันผวน แม้ไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ แต่ให้น้ำหนักไปที่ประเด็นต่างประเทศทั้ง (+)การประชุม ECB ในวันที่ 3/12/58 ที่คาดการณ์ว่า ECB จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังส่งสัญญาณชัดเจนเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยคาด
มีความเป็นไปได้ที่ ECB อาจพิจารณาเพิ่มวงเงินซื้อคืนพันธบัตร / ขยายระยะเวลาออกไป (จากวงเงินเดิม 60,000 ล้านยูโร/เดือน ถึงกย.’59 คิดเป็นวงเงินรวม 1.1 ล้านยูโร) รวมถึงโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากของ ECB จากเดิมที่ -0.2% เป็น -0.3%
.....ขณะที่ (-) จากความเป็นไปได้ที่เฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุมวันที่ 15 – 16/12/58 นี้ โดยอยู่ระหว่างรอ (1) ถ้อยแถลงของนาง เจเน็ต เยลเลน เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรสในวันพฤหัสนี้ และ (2) ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ ซึ่งหากตัวเลขออกมาแข็งแกร่ง คาดจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ทำให้คาดภาพรวมตลาดหลังจากนี้ไปน่าจะยังมีความผันผวนไปจนถึงกลางเดือน อย่างไรก็ตามอาจถูกชดเชยได้บ้างด้วยมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่คาดเติบโตเพียงพอและสามารถรับต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
.....ทางด้านปัจจัยภายในประเทศ คาดยังได้รับปัจจัยลบจาก Fund Flow จากแรงขายสุทธิของต่างชาติต่อเนื่อง และทำให้ YTD ขายสุทธิสะสมเพิ่มขึ้นสูงกว่า 122,000 ล้านบาท ซึ่งแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ที่คาดภาพรวมยังมีทิศทางอ่อนค่า ตามสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในรอบการประชุมเดือนหน้า คาดยังมีผลต่อทิศทางของ Fund Flow โดยเฉพาะจากตลาด Emerging Markets ขณะที่เริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว คาดมูลค่าซื้อขายอาจเบาบางลง โดยเฉพาะต่างชาติ
.....รวมถึงการส่งสัญญาณของ ธปท. ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ที่คาดมีโอกาสปรับลดตัวเลข GDP ปี’58 และ 59 ลง ทำให้คาดการปรับขึ้นของดัชนีอาจเป็นไปอย่างจำกัด อย่างไรก็ตามแนะติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล
.....ยังแนะจับตา (1) กลุ่มพลังงาน + / - ตามราคาน้ำมัน (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างโดยเฉพาะ ITD, CK, STEC และ UNIQ จากโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทาง ถ.จิระ – ขอนแก่น วงเงินประมาณ 26,000 ล้านบาท หลังผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น (PQ) ทั้ง 4 ราย และ รฟท. กำหนดเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ในวันที่ 8/12/58 และ (3) กลุ่มการบิน ที่คาดภาพรวมได้รับผลกระทบจากการที่ FAA (Federal Aviation Administration) ซึ่งเป็นสำนักงานบริหารองค์กรการบินแห่งสหรัฐฯ ปรับลดอันดับไทยจาก Category 1 (CAT1) เป็น Category 2 (CAT2) หลัง FAA ระบุมาตรฐานปัจจุบันของไทยยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)
....รวมถึงติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, STEC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท เช้านี้เคลื่อนไหวบริเวณ 35.75 – 35.77 ทรงตัวจากวานนี้ และคาดระยะกลางมีโอกาสอ่อนค่าอีกครั้ง ส่วนหนึ่งตามสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TASCO เป็นต้น (5) กลุ่มโรงแรม (MINT, CENTEL) และหุ้นกลุ่มขนส่ง (เช่น AAV, AOT) หลังสถานการณ์การท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้นโดยเฉพาะช่วง High season ใน 4Q/58
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.06 อยู่ที่ 2.15% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.46 อยู่ที่ 14.67
หุ้นแนะนำ : CK
ประเด็นที่ต้องติดตาม (2 – 4 ธ.ค.’58)
2/12/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน - พ.ย. (2) ประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงาน ต่อหน่วยประจำ – 3Q/58 (3) ดัชนีภาวะธุรกิจของรัฐนิวยอร์ค - พ.ย. (4) สต็อกน้ำมัน
3/12/58 : ประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (2) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้าย - พ.ย. (3) ยอดสั่งซื้อของโรงงาน - ต.ค. (4) ดัชนี PMI ภาคบริการ - พ.ย.
4/12/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร - พ.ย. (2) ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ - ต.ค
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788