- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 30 November 2015 18:35
- Hits: 1685
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -14.90, NASDAQ +11.38, S&P +1.24, FTSE -17.98, CAC -15.88 และ DAX -27.01 ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างบางเบา หลังตลาดทำการซื้อขายเพียงครึ่งวันในช่วงเทศกาลวันหยุดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ขณะที่ได้รับปัจจัยกดดันจากหุ้นในกลุ่มค้าปลีก และกลุ่มพลังงานที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบ จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานที่สูงเกินไป
.....ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนที่ส่งสัญญาณชะลอตัว หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีน - ต.ค. ลดลง 4.6%yoy ซึ่งมากกว่าเดือนกย. ที่ลดลงเพียง 0.1% ขณะที่ 10M/58 บริษัทอุตสาหกรรมของจีนมีกำไรร่วงลง 2%yoy อยู่ที่ 4.87 ล้านล้านหยวน อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างรอการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 3/12/58 นี้ ซึ่งคาดการณ์ว่า ECB จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม หลังจากที่ ECB ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนเมื่อเดือนที่แล้ว
....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ม.ค. -US$1.33 อยู่ที่ US$41.71 ต่อบาร์เรล หลังจีนเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการข้างต้น ทำให้เกิดความกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะทำให้ความต้องการพลังงานซบเซาลงด้วย และยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานที่สูงเกินไป
....ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$13.5 อยู่ที่ US$1,056.2 ต่อออนซ์ จากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่า และประเด็นที่จีนนำเข้าทองคำลดลงในเดือนต.ค. ขณะที่ปริมาณการซื้อขายไม่มากนัก เนื่องจากตลาดเปิดทำการเพียงครึ่งวันในช่วงเทศกาลวันหยุด - วันขอบคุณพระเจ้า
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -418 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -119,246 ล้านบาท (ปี’57 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
(-) สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) - ต.ค. ลดลง 4.17%yoy เทียบกับที่ลดลง 0.38% เมื่อก.ย. และ มากกว่าที่คาดว่าจะลดลง 3.75%
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : คาดผันผวน? แต่คาดยังอยู่ในกรอบแคบ โดยที่ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ ขณะที่อยู่ระหว่างติดตามการประชุม ECB ในวันที่ 3/12/58 ซึ่งคาดเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมตลาดได้ จากความชัดเจนในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลัง ECB ส่งสัญญาณชัดเจนเมื่อเดือนที่ผ่านมา คาดมีความเป็นไปได้ที่ ECB อาจพิจารณาเพิ่มวงเงินซื้อคืนพันธบัตร / ขยายระยะเวลาออกไป (จากวงเงินเดิม 60,000 ล้านยูโร/เดือน ถึงกย.’59 คิดเป็นวงเงินรวม 1.1 ล้านยูโร)
.....ขณะที่คาดภาพรวมตลาดหลังจากนี้ไปน่าจะยังมีความผันผวนไปจนถึงกลางเดือนหน้า ซึ่งจะมีการประชุมเฟด (15 – 16/12/58) ที่คาดจะมีการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี ขณะที่คาดปัจจัยกดดันดังกล่าวอาจถูกชดเชยได้บ้างด้วยมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่คาดเติบโตเพียงพอและสามารถรับต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
.....ทางด้านปัจจัยภายในประเทศ ยังแนะจับตา (1) กลุ่มพลังงาน + / - ตามราคาน้ำมัน ซึ่งคาดในวันนี้ได้รับผลกระทบตามราคาน้ำมันที่ลดลง และ (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างโดยเฉพาะ ITD, CK, STEC และ UNIQ จากโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทาง ถ.จิระ – ขอนแก่น วงเงินประมาณ 26,000 ล้านบาท หลังผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น (PQ) ทั้ง 4 ราย และ รฟท. กำหนดเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ในวันที่ 8/12/58
.....และคาดยังได้รับปัจจัยลบจาก Fund Flow จากแรงขายสุทธิของต่างชาติต่อเนื่อง และทำให้ YTD ขายสุทธิสะสมเพิ่มขึ้นสูงเกือบ 120,000 ล้านบาท ซึ่งแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ที่คาดภาพรวมยังมีทิศทางอ่อนค่า ตามสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในรอบการประชุมเดือนหน้า คาดยังมีผลต่อทิศทางของ Fund Flow โดยเฉพาะจากตลาด Emerging Markets รวมถึงการส่งสัญญาณของ ธปท. ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ที่คาดมีโอกาสปรับลดตัวเลข GDP ปี’58 และ 59 ลง ทำให้คาดการปรับขึ้นของดัชนีอาจเป็นไปอย่างจำกัด อย่างไรก็ตามแนะติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล
รวมถึงติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, STEC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท เช้านี้เคลื่อนไหวบริเวณ 35.92 – 35.94 อ่อนค่าลงจากต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา และคาดระยะกลางมีโอกาสอ่อนค่าอีกครั้ง ส่วนหนึ่งตามสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TASCO เป็นต้น (5) กลุ่มโรงแรม (MINT, CENTEL) และหุ้นกลุ่มขนส่ง (เช่น AAV, AOT) หลังสถานการณ์การท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้นโดยเฉพาะช่วง High season ใน 4Q/58
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 2.22% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.07 อยู่ที่ 15.12
หุ้นแนะนำ : STOCK FOCUS (งานสัมนาเมื่อวันที่ 28/11/58) ได้แก่ ANAN, CPF, MAJOR, SUTHA, TOP และ UNIQ
ประเด็นที่ต้องติดตาม (30 พ.ย. – 4 ธ.ค.’58)
30/11/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโก - พ.ย. (2) ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) - ต.ค.
1/12/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้าย - พ.ย. (2) ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง - ต.ค.
(3) ดัชนี PMI ภาคการผลิต - พ.ย.
2/12/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน - พ.ย. (2) ประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงาน ต่อหน่วยประจำ – 3Q/58 (3) ดัชนีภาวะธุรกิจของรัฐนิวยอร์ค - พ.ย. (4) สต็อกน้ำมัน
3/12/58 : ประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (2) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้าย - พ.ย. (3) ยอดสั่งซื้อของโรงงาน - ต.ค. (4) ดัชนี PMI ภาคบริการ - พ.ย.
4/12/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร - พ.ย. (2) ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ - ต.ค
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788