- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 30 November 2015 18:27
- Hits: 997
บล.เคจีไอ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
แกว่งตัวลง รอปัจจัยภายนอกเพิ่มเติม
KGI คาด SET วันจันทร์แกว่งตัว/ลบแคบๆ รอปัจจัยภายนอกเพิ่มเติม (ศุกร์ที่แล้วยืนได้ แม้หุ้นเอเชียร่วงแรงตามข่าวจับปั่นหุ้นในจีน) คาดนักลงทุนต่างชาติชะลอแรงขายบ้างเพื่อติดตามปัจจัยภายนอก เช่น การตัดสินใจของ IMF ว่าจะรับเงินหยวนเข้าสู่ตะกร้าเงินสำรอง SDR หรือไม่ (รู้ผลวันนี้), ตัวเลข PMI ภาคการผลิตจีน (1 ธ.ค.), ผลประชุม ธ.กลางยุโรป (3 ธ.ค.) และตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐฯ (4 ธ.ค.) ทั้งนี้ KGI คงมุมมอง SET ปรับฐานใกล้จบและน่าฟิ้นตัวได้ใน ธ.ค. นี้ เราคงแนะนำทยอยซื้อหุ้นในสัปดาห์นี้ (เน้นกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มรับเหมา ส่วนหุ้นกลุ่มหลักยังแกว่งเพราะไม่มีปัจจัยบวกในระยะสั้น) คาดหลังประชุมเฟดกลางเดือน SET น่าจะฟิ้นชัดเจนมากขึ้น และคงมุมมอง SET ปิดปี 2558 สูงกว่า 1,400 จุดได้
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร PLAT, ASEFA
PLAT (เป้า Consensus 7.4 บาท) 1) เข้า MSCI (มีผล 1 ธ.ค. เริ่มปรับน้ำหนักวันนี้) ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นจากประเด็นนี้มากนัก 2) ผู้บริหารวางแผนลงทุนโครงการอสังหาฯเชิงพาณิชย์ (เช่น โครงการ The Market by Platinum ที่คาดจะสร้างเสร็จปี 2561) + โรงแรม (Holiday Inn Resort + Holiday Inn Express ที่คาดจะสร้างเสร็จปี 2561) รวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้แนวโน้มกำไรเติบโตก้าวกระโดดหลังปี 2561 (Consensus คาดกำไรต่อหุ้นโต >30% CAGR 2557 - 2561) 3) Valuation ยังมี Upside หากพิจารณาในมุม PEG ที่ยังต่ำกว่า 1 เท่า (PE 2557 = 24.5 เท่า เทียบอัตราการเติบโตของกำไร >30% CAGR) 4) แนวรับ 5.3 บาท (Stop loss 5.2 บาท) แนวต้าน 5.85 บาท … หุ้นที่เข้า MSCI ตัวอื่นได้แก่ GPSC, IMPACT, TIPCO, VNG
ASEFA (เป้าพื้นฐาน 7 บาท) 1) เราประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานของ ASEFA จะเป็นขาขึ้นไปอีกอย่างน้อย 2 – 3 ปี จากการขยายกำลังการผลิตอีก 50% (เสร็จไตรมาส 1/59) รองรับ Mega Trend ของอุตสาหกรรม ตู้สวิตช์บอร์ดและระบบไฟฟ้า i) การขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าอีกเท่าตัวตามแผน PDP2015 ii) การลงทุนภาครัฐฯที่กำลังทยอยเข้ามา เช่น รถไฟฟ้า (ASEFA ได้งานสายสีเขียวและสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย) การขยายสายส่งฯ, การย้ายสายไฟฟ้าลงใต้ดิน เป็นต้น iii) นโยบายเศรษฐกิจดิจิตอล (การขยายโครงข่ายรองรับ 4G + Datacenter) 2) เราประเมินแนวโน้มกำไรจะเติบโตราว 18% CAGR (2558 - 2561) 3) ประเมินราคาเหมาะสมเท่ากับ 7 บาท คิดเป็น PE 17 เท่า ใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตของกำไร 4) รูปแบบราคาแกว่งตัวขึ้นหลัง Breakout กรอบ Sideway คาดมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 6.7 บาท (Uptrend line channel) แนวรับสั้น 5.5 บาท และแนวรับหลัก Uptrend line channel ที่ 5.1 บาท
(+ กลุ่มพลังงานทดแทน IFEC, GUNKUL*, UWC) วันศุกร์ที่ผ่านมาฝ่ายวิจัยฯจัดสัมนา “Thailand Renewable Energy Outlook” (ผู้บริหาร IFEC, GUNKUL* และ UWC เข้าร่วม) ประเด็นสำคัญดังนี้ 1) การเปิดประมูล FiT โครงการพลังงานทดแทนคาดจะเริ่มต้นหลังโครงการโซลาร์ส่วนราชการฯที่จะรู้ผลภายในเดือน ธ.ค.นี้ (ผู้บริหารส่วนใหญ่คาดหวังจากโครงการนี้ไม่มาก และเราประเมินผลตอบแทนจากการลงทุนไม่สูง) โดยจะเริ่มจากโรงไฟฟ้าชีวมวล (VSPP), โรงไฟฟ้าขยะ, และโครงการพลังงานลม (ส่วนใหญ่คาดเป็นช่วง 2H59) 2) ผู้บริหารส่วนใหญ่วางแผนรับมือความล่าช้าของภาครัฐฯไว้ โดย IFEC เข้าลงทุนในต่างประเทศ (เกาหลีใต้ >200MW, เวียดนาม 210MW, ออสเตรเลียเข้าประมูล 106.5MW เป็นต้น) GUNKUL* ลงทุนโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น และ UWC ลงทุนซื้อโรงไฟฟ้าชีวมวลในไทยที่ COD ไปแล้ว 3) การขยายสายส่งไฟฟ้าในช่วง 3 ปีหลังจากนี้ (นับเฉพาะโครงเหล็ก 500KV มูลค่ารวม >1 หมื่นล้านบาท) จะปลดล๊อกปัญหาเรื่องสายส่งฯ (UWC มีส่วนแบ่งตลาดงานโครงเหล็กสายส่งขนาด 500KV 1 ใน 4)
… TSR (เป้าพื้นฐาน 9.5 บาท) 1) ยังไม่สามารถ Breakout ผ่านกรอบ Sideway ได้ คาดราคาหุ้นยังเป็นรูปแบบการ Sideway ในกรอบขาขึ้น แนะนำ “ซื้อที่แนวรับ” 8.3 บาท และ 8.0 บาท 2) ในเชิงพื้นฐานคาดกำไรไตรมาส 4/58 โตต่อเนื่อง QoQ จากไตรมาส 3/58 จากการขายผลิตภัณฑ์ใหม่เครื่องทำน้ำอุ่น 3) แจก Warrant TSR-W1 ฟรี 2:1 (2 หุ้น ต่อ 1 Warrant) กำหนด XW วันที่ 8 ธ.ค.58 (คาดเตรียมขยาย โกดังสินค้ารองรับผลิตภัณฑ์ใหม่และสาขาในต่างจังหวัด)
… ASK (เป้าพื้นฐาน 28 บาท) 1) รูปแบบราคามีโอกาส Sideway up ขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ ±21.3 บาท (แนวรับ ±19.7 บาท กำหนด Stop loss 19.5 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรปีหน้าโต >20% YoY จาก i) การรีไฟแนนซ์เงินกู้ ดอกเบี้ยจ่ายลดลง ±50 ล้านบาท/ปี ii) สินเชื่อรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ (รถบรรทุก โตตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน / รถตู้ โตตามเศรษฐกิจในต่างจังหวัดและการค้าชายแดน 3) ปันผลสูงเฉลี่ย ±7% ต่อปี
(+) กลุ่มรับเหมาฯ (CK*, STEC*, ITD*, UNIQ*) แนะนำ “สะสม” คาด E-Auction รถไฟทางคู่ (จิระ-ขอนแก่น มูลค่า ±2 หมื่นล้านบาท) วันที่ 8 ธ.ค. ในเชิงพื้นฐานเลือก CK* เป็นหุ้นเด่น (มีประเด็นบวกเรื่องการควบรวม BMCL* + BECL* ด้วย)
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
ถือต่อได้แนวโน้มยังดี: SCC*, KTB*, BANPU*, IFEC, TSR
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
BDMS* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 23.6 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ ฝ่ายวิจัยฯ คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 จะทรงตัว (ปัจจัยฤดูกาล) แต่ยังคงประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2559 จะเติบราว 14% YoY
ข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ
(+) DTAC ปลดล็อก (ข่าวหุ้น) ศาลปกครองเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กรณี กสท. ร้องขอไม่อนุญาตให้บริษัทอื่นนอกจาก DTAC ใช้เสาโทรคมนาคมบนสัมปทาน เป็นผลให้ DTAC TriNet ซึ่งเป็นบริษัทย่อยจะสามารถขยายโครงข่ายบนเสากว่าหมื่นต้นภายใต้สัมปทานของกสท.ได้หลังจากนี้ ซึ่งน่าจะช่วยทำให้สัญญาณโทรศัพท์มือถือดีขึ้น ข่าวนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับ DTAC โดยเราอยู่ระหว่างการทำบทวิเคราะห์ และ Bloomberg Consensus : ซื้อ/ถือ/ขาย: 10/15/4 ค่าเฉลี่ยราคาเป้าหมาย 70 บาท
(+) BECL* - BMCL* เตรียมรับข่าวดี ลุ้นครม.ไฟเขียวควบรวมกิจการพรุ่งนี้ (ข่าวหุ้น) “BECL-BMCL” เตรียมเฮ! กระทรวงคมนาคมชงเรื่องอนุมัติควบรวมกิจการจ่อคิวเข้าครม.แล้ว วงในมั่นใจได้บรรจุเป็นวาระประชุมวันพรุ่งนี้ หรืออย่างช้าไม่เกินวันที่ 8 ธ.ค. 2558
(+) PTG เล็งซื้อ 'อาม่า มารีน' เข็นหุ้นกู้ 4 พันล.-อัพฐาน (ทันหุ้น) PTG บอร์ดไฟเขียวอนุมัติให้บริษัทลูก PTGLG ซื้อหุ้น "บริษัท พีทีจี โลจิสติกส์ จำกัด" สัดส่วน 32.01% เพื่อเพิ่มศักยภาพโลจิสติกส์ และช่องทางในการขนส่ง พร้อมเตรียมออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท สำหรับการดำเนินงานตามแผนธุรกิจบริษัท ย้ำปี 2558 รายได้ยังคงเป็นไปตามเป้า คาดช่วงไตรมาส 4/2558 ไฮซีซันหนุนปริมาณการใช้น้ำมันพุ่ง
(+) FPI ผนึกกำลังพันธมิตร ชิงโรงไฟฟ้าชีวมวล 36 MW (ทันหุ้น) บมจ.ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ ควงพันธมิตรประกาศความพร้อมก่อนใคร ร่วมชิงเค้กโรงไฟฟ้าชีวมวล เฟสแรกขนาดกำลังการผลิต 36 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา "สมพล ธนาดำรงศักดิ์" มั่นใจพร้อมทุกด้าน ไม่มีปัญหาการจัดวัตถุดิบ-แหล่งเงินทุน
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ‘นัยสั้น 1366 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือต้าน 1366 จุดได้นั้น อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1366 - 1386 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่าต้าน 1366 จุดนั้น อาจรักษาแรงกดทางลงในกรอบ 1366 - 1351 จุด
แนวรับวันนี้: 1358/1351 แนวต้านวันนี้: 1366/1378
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]