- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 27 November 2015 17:23
- Hits: 791
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ปรับลงลึกกว่าคาด แต่ยังลุ้นรอบรีบาวด์ได้ น่าถือรอบวก!!
กลยุทธ์ : ถึงแม้ว่า SET ยังเคลื่อนไหวอ่อนแอกว่าที่เราคาดไว้มาก แต่โอกาสที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุน จากการเก็งกำไรข่าวของ ECB และลุ้นแรงซื้อจากเม็ดเงิน LTF/RMF ช่วงท้ายปียังมีอยู่ ดังนั้น FSS ยังแนะนำให้รอขายในจังหวะบวกต่อไปได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : WICE, SPALI, BA(short)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยอ่อนแอเกินคาด โดย SET ขยับบวกขึ้นได้เพียงเล็กน้อยในช่วงเช้า ก่อนที่จะมีแรงขายออกมากดดันมากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม ICT ที่ยังมีแรงขายต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นกลุ่มอื่นๆ ก็มีแรงขายกดดันด้วยเช่นกัน SET จึงไหลลงมาแกว่งตัวด้านลบอีกครั้ง และค่อยๆ ซึมลงเกือบตลอดทั้งวัน จนทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่าจุดต่ำรอบล่าสุดที่บริเวณ 1368 จุดและปิดต่ำกว่าด้วย ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่อ่อนแอกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้านค่อนข้างมาก ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้นในเอเชียส่วนใหญ่ยังสามารถขยับเปิดบวกได้แม้ไม่มีสัญญาณชี้นำจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ แต่ยังได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ที่ปิดเป็นบวกได้ดี จากคาดการณ์ที่ว่า ECB อาจจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามกรอบบวกของตลาดเอเชียไม่ได้กว้างมากนัก และยังมีจังหวะอ่อนแอลงมาแกว่งลบให้เห็นด้วย ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีแนวโน้มแกว่งตัวด้านลบได้อีก แต่น่าจะทรงตัวได้ดีขึ้นอีกครั้ง หลังวานนี้ลงแรงกว่าเพื่อนบ้านไปพอควรแล้ว จากแรงซื้อเก็งกำไรผลประชุม ECB สัปดาห์หน้า และความคาดหวังเชิงบวกเกี่ยวกับแรงซื้อจากกองทุน LTF/RMF ในช่วงท้ายปี
แนวรับ 1363-1360 , 1358-1353 จุด
แนวต้าน 1370-1374 , 1377-1380 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนกลับมาไหลเข้าภูมิภาค US$388 ล้าน ไหลเข้าทุกประเทศยกเว้นไทยซึ่งมีเม็ดเงินไหลออกราว US$11.1 ล้าน ขณะที่เม็ดเงินไหลเข้าส่วนใหญ่เข้าไต้หวัน US$303.3ล้าน และเกาหลีใต้ US$71.2ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกแต่น่าจะชะลอลง ตลาดได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า ECB จะดำเนินการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมอีกในการประชุมในวันที่ 3 ธ.ค. นี้ แต่ความกดดันจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed ยังคงกดดันอยู่
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) INTUCH ปันผลเริ่มน่าสนใจ ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น Dividend yield 7% แม้ในกรณีที่ ADVANC ประมูลได้ทั้ง 2 คลื่น เราคาดว่ากำไรปีหน้ายังโตได้เกือบ 10% ไม่กระทบความสามารถในการจ่ายเงินปันผล เราคาดว่า ADVANC น่าจะจ่ายปันผลได้ประมาณ 14 บาท/หุ้น ซึ่งทำให้ INTUCH สามารถจ่ายปันผลได้ประมาณ 4.9 บาท/หุ้นในปี 2016 ยังคงแนะนำซื้อ INTUCH ราคาเป้าหมายปีหน้า 97 บาท
(-) CPF สถานการณ์ในรัสเซียและตุรกีอาจฉุดผลประกอบการของธุรกิจในต่างประเทศต่อไป การขาดทุนของธุรกิจในตุรกีที่ดำเนินการมาหลายปีแล้วแต่ยังขาดทุนต่อเนื่องจากปัญหา Oversupply อาจต้องขาดทุนยืดเยื้อออกไป ส่วนการควมรวมธุรกิจไก่ 2 แห่งในรัสเซีย (Woyskovitsy และ Severnaya) ที่คาดแล้วเสร็จปลายเดือน พ.ย. นี้ซึ่งเลื่อนมาจากเดิมคือ ต.ค. อาจต้องเลื่อนออกไปอีก ในระยะสั้นจึงไม่มีตัวช่วยผลประกอบการใน 4Q15 ที่เป็น low season อยู่แล้ว เราแนะนำซื้อลงทุนระยะยาวเพราะคาดกำไรปกติปีหน้าจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งจากการฟื้นตัวของราคาเนื้อสัตว์ ราคาเป้าหมายปีหน้า 28 บาท
(+) BEM เกิดจากการรวมกิจการของ BECL และ BMCL ที่ขั้นตอนเหลือเพียงรออนุมัติจากครม. ซึ่งบริษัทคาดว่าจะไม่เกิน 8 ธ.ค. และ BEM จะเริ่มซื้อขาย 4 ม.ค. 2016 เราประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2016 ได้ 6 บาท (DCF) การรวมกิจการเป็นการปิดจุดอ่อนและเสริมจุดแข็งของทั้งสองบริษัท เพราะ BECL ขาดโอกาสในการเติบโตแต่มีฐานะการเงินที่มั่นคง ขณะที่ BMCL มีโอกาสในการเติบโตอีกมากในอนาคตแต่ฐานะการเงินไม่แข็งแกร่ง หลังการควบรวม เราคาดรายได้ปี 2016 ของ BEM โต 22% Y-Y จากรถไฟฟ้าสายสีม่วงและทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกที่จะเริ่มให้บริการใน 3Q16 และได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยจ่ายที่คาดว่าลดเหลือ 4% มูลค่าพื้นฐานดังกล่าวยังไม่รวมโครงการรถไฟฟ้าใน PPP Fast track 3 เส้นคือสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย สีชมพู และสีเหลือง รวมถึงสีส้มที่อยู่ระหว่างขออนุมัติครม. เรายังคงแนะนำซื้อ BECL และ BMCL เพื่อรอแลกเป็นหุ้นใหม่
(+) หุ้นที่นำเข้า-ออกจาก MSCI รอบใหม่ มีผล 30 พ.ย. นี้ หุ้นที่จะนำเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Small cap มี GLOBAL, IMPACT, PLAT, TIPCO, VNG ส่วนหุ้นที่เอาออกมีถึง 8 ตัวคือ DSGT, LOXLEY, MBK, MONO, NOK, PCSGH, PTL, SIM
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนบวกได้ต่อเนื่องจากความคาดหวังว่า ECB จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมสัปดาห์หน้า
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดค่อนมาในแดนลบสวนทางตลาดหุ้นยุโรปที่ปิดบวก โดยจับตาดูตัวเลขผลกำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนเช้านี้
(0) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยหลัง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.70-35.80 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ปิดที่ 43.04 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.17 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาด ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังกดดันปัจจัยด้านอุปทานที่อาจลดลง
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,070.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 3.80 ดอลลาร์/ออนซ์ จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สนับสนุนให้สามารถขึ้นดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนหน้า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
27 พ.ย. - ไทย : ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (ต.ค.), TLHPF เริ่มเทรด (ราคา IPO 10 บาท)
- ญี่ปุ่น: เงินเฟ้อ, อัตราการว่างงาน (ต.ค.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (พ.ย.)
30 พ.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมันทางธุรกิจ (ต.ค.)
- ญี่ปุ่น: ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, ยอดค้าปลีก (ต.ค.)
- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านรอปิดการขาย, ยอดค้าปลีก (ต.ค.)
1 ธ.ค. - จีน: PMI ภาคการผลิต (พ.ย.)
- ยูโรโซน: PMI ภาคการผลิต, อัตราว่างงาน (พ.ย.)
- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (พ.ย.)
2 ธ.ค. - ไทย: TACC เริ่มเทรด (ราคา IPO 2.88 บาท)
- ยูโรโซน: เงินเฟ้อ, อัตราว่างงาน (พ.ย.)
- สหรัฐฯ: การจ้างงานภาคเอกชน (พ.ย.), ประธาน FED แถลง, FED Beige Book
3 ธ.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.), TKN เริ่มเทรด (ราคา IPO 4 บาท)
- เกาหลีใต้: 3Q15 GDP
- ยูโรโซน: ECB Press Conference, Markit Eurozone PMI (พ.ย.)
- สหรัฐฯ: ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ISM นอกภาคการผลิต (พ.ย.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch