- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 26 November 2015 18:22
- Hits: 4569
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'มีลุ้นเด้งเหมือนภูมิภาค'
Stock Picks-Nov 2015 : Fundamental : CENTEL, CPN, STEC, SAMART, TCAP และ Dark Horse เป็น PREB, SC
Fundamental Pick -Today: CPALL (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, DCC, AP, QH, SPALI, MODERN, TCAP, TMT, BTSGIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : DTAC 15%, TTCL 13%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ แต่มีลุ้นเด้งสั้น
Support Resistance Stop Loss
SET ซื้อค่าบวก 1390,1400-10 ค่าลบ
SET50 ซื้อค่าบวก 900,910-20 ค่าลบ
Technical Picks- Today : BBL, EPG, TPOLY, RATCH, BCH, TSR, ROBINS, BH
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TTCL (จากซื้อเป็น Fully Valued), SRICHA (จากถือเป็น Fully Valued)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ความวิตกกังวลกับความขัดแย้งรุนแรงในตะวันออกกลางผ่อนคลายลง หลังสถานการณ์ดีขึ้น และดูว่าจะมีความร่วมมือระหว่างรัสเซียและชาติพันธมิตรตะวันตกเพื่อปราบปรามและป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ซึ่งรวมถึงภัยก่อการร้ายด้วย นอกจากนั้น มีแนวโน้มค่อนข้างชัดเจนว่าประเทศชั้นนำอย่าง ยูโรโซน, ญี่ปุ่น และจีน จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและขยายได้ดีขึ้นในปี 2016-2017 ซึ่งเหล่านี้ทำให้ Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นช่วงสั้นดีขึ้น โดยตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกทุกตลาดในเช้าวันนี้ แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะนิ่งๆก่อนวัน Thanksgiving ก็ตาม
สำหรับในประเทศก็มีความคืบหน้าเรื่องการลงทุนในโครงการภาครัฐมากขึ้น โครงการที่กำลังจะประมูลในเดือนธ.ค.2015 คือ โครงการ 4G คลื่น 900 MHz และ โครงการรถไฟทางคู่ สายจิระ-ชอนแก่น ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ทางรัฐบาลก็เร่งให้มีการเปิดประมูลให้ได้ภายใน 1H16 ซึ่งเป็นข่าวดีกับกลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้างในระยะกลาง-ยาว และการจุดพลุโครงการรัฐจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนภาคเอกชน รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจไทยด้วย อย่างไรก็ดี Valuation ของตลาดหุ้นไทยในปี 2015-2016 ยังอยู่ในโซนแพง (Forward P/E ปี 2016 อยู่ที่ประมาณ 17 เท่า - Median+1.6SD) ดังนั้นจึงยังต้องระมัดระวังความผันผวน หุ้นพื้นฐานแนะนำทยอยซื้อสะสมจังหวะราคาอ่อนตัววันนี้เป็น CPALL
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบ การซื้อใหม่ตามด้วยค่าบวกเป็นหลัก แนวต้านระยะสั้น 1390, 1400, 1410 จุด ค่าลบดูไม่ดี แนะนำให้ Wait & See หรือลดพอร์ต เพราะมีสิทธิลงไปที่ 1360-1350 จุดได้ หุ้น SCAN ที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี น่าสนใจซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวกที่เข้ามาใหม่ เป็น EPG, TSR, VIBHA ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาปรับขึ้น คือ CPF, ASIMAR, BECL, ROBINS, VGI, BCH, TISCO
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : ตัวเลขภาคแรงงานยังแข็งแกร่ง จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ลดลงถึง 1.2 หมื่นรายเป็น 2.6 แสนราย ดีกว่าที่คาดไว้ที่ 2.7 แสนราย บ่งชี้ว่าภาคแรงงานสหรัฐมีการฟื้นตัวดีต่อเนื่อง
+ สหรัฐ : ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 10.7%MoM เป็น 4.95 แสนยูนิต ซึ่งในปี 2015 ยอดขายบ้านใหม่น่าจะทำสถิติสูงสุดในรอบ 8 ปี นับตั้งแต่ปี 2007
+ สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค.2015 เพิ่มขึ้น 3%MoM ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.8%MoM ซึ่งสินค้าคงทน คือ สินค้าที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 3 ปี เช่น เครื่องบิน, รถยนต์, เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนาดใหญ่ เป็นต้น
+ จีน : ก.ล.ต.จีนยกเลิกข้อกำหนดที่ให้พอร์ตโบรกเกอร์ต้องซื้อหุ้นในสัดส่วนที่มากกว่าที่ขายออกไป ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ตลาดหุ้นร่วงหนัก ทางก.ล.ต.จีนได้ออกกฎนี้มาบังคับใช้กับการซื้อขายของกลุ่ม Proprietary Trading (พอร์ตบริษัทหลักทรัพย์)
+ จีน : ตลาดรถยนต์มีโอกาสสูงที่จะฟื้นตัวในปี 2016 หลังทางการจีนประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องปรับลดภาษีการซื้อรถยนต์ลงจาก 10% เป็น 5% สำหรับรถยนต์นั่งที่ปล่อยมลภาวะต่ำ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในช่วง 1 ต.ค.2015-31 ธ.ค.2016 ยังผลให้ยอดขายรถยนต์ในจีนคึกคักขึ้น โดยยอดขายเดือนต.ค.2015 ปรับขึ้นถึง 11.8%YoY เป็น 2.22 ล้านคัน อย่างไรก็ตาม กำไรของผู้ประกอบการยังอาจถูกกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรง
/- การเมืองระหว่างประเทศ : รัสเซียเตรียมให้ความร่วมมือในการโจมตีกลุ่ม IS กับกลุ่มพันธมิตรชาติตะวันตก เช่น สหรัฐ ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ ในยุโรป ซึ่งรวมถึงตุรกี
ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดทรงตัว...ชะลอการซื้อขายก่อนวันหยุด Thanksgiving Day ทั้งนี้หุ้นไฟเซอร์ดีดขึ้นหลังร่วงแรงในช่วงก่อนหน้า ซึ่งหนุนหุ้นในกลุ่มสุขภาพอื่นๆด้วย หุ้นกลุ่มค้าปลีกและท่องเที่ยวปรับขึ้น
ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับอ่อนแอ โดยสัญญา WTI และ BRENT ส่งมอบม.ค.2016 เพิ่มขึ้น 0.17 และ 0.05 ดอลลาร์ ปิดที่ 43.04 และ 46.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐรายสัปดาห์ (สิ้นสุด 20 พ.ย.) เพิ่มขึ้น 0.96 ล้านบาร์เรลเป็น 488.2 ล้านบาร์เรล ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 1 ล้านบาร์เรล ตลาดจับตาผลการประชุมกลุ่มโอเปกวันที่ 4 ธ.ค.ที่กรุงเวียนนา ออสเตรียว่าจะปรับเปลี่ยนปริมาณการผลิตของกลุ่มที่ 30 ล้านบาร์เรลหรือไม่ แต่โดยส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะทรงไว้ระดับเดิม ทั้งนี้ปัจจุบันกลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันดิบคิดเป็น 40% ของการผลิตทั่วโลก
- ราคาทองคำอ่อนลง สัญญาตลาด COMEX ปิดลดลง 3.8 ดอลลาร์ ที่ 1,070 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากคลายความกังวลกับความรุนแรงในตะวันออกกลาง ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
กลุ่มสื่อสารไทยปี 2016...เติบโตจำกัด เราคาดว่าผลประกอบการของกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคมในตลาดหลักทรัพย์ฯจะขยายตัวไม่มากในปี 2016 เนื่องจาก 1) มีการตัดจำหน่ายค่าใบอนุญาต 4G เข้ามาเพิ่ม (ตัดจำหน่ายตามอายุสัมปทาน 18 ปี) ขณะที่รายได้ยังไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนักเพราะอยู่ในช่วงเริ่มต้นการบริการ, 2) รายได้ด้านเสียงจะลดลงอย่างต่อเนื่อง, 3) การแข่งขันด้านราคายังรุนแรงมาก โดยเฉพาะหากมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้นอีก 1 ราย (ซึ่งจะได้เห็นกันเมื่อจบประมูลใบอนุญาต 4G เดือนธ.ค.2015 นี้)
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสภาพคล่องทางการเงินของผู้ประกอบการหลายรายยังแข็งแรงดี และมีความสามารถในการจ่ายปันผลสูง (คาด Dividend Yield ของ ADVANC, INTUCH, DTAC จะยังสูงกว่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยโดยรวมที่ 3.5% อย่างมีนัยสำคัญ)
ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน แนะนำทยอยซื้อสะสมจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว เพื่อหวังผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลในอัตราประมาณ 5.5-6.5% ต่อปี หุ้นเด่นเป็น INTUCH รองลงมาคือ ADVANC โดยทั้งสองบริษัทนี้มีจุดเด่นเรื่องปันผลสูง และฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดย ADVANC มีหนี้สินสุทธิต่อทุนต่ำเพียง 0.4 เท่าและ INTUCH มีฐานะเป็นเงินสดสุทธิ
/+ ธุรกิจค้าปลีกไทย : ขยายตัวได้แต่ก็แข่งขันรุนแรงมาก โดยเฉพาะในกลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่ โดยการขยายตัวเป็นในส่วนภูมิภาคเป็นหลัก โดยทำเลเด่นๆ จะเป็นรอบนอกของเมืองใหญ่ๆ ที่เชื่อมต่อไปจังหวัดใกล้เคียง และพื้นที่ชายแดนที่มีการค้าขายคึกคัก ซึ่งส่วนนี้จะรองรับทั้งผู้บริโภคคนไทยและผู้บริโภคประเทศเพื่อนบ้าน
ในช่วง 9M15 เราพบว่า มีบจ.เดียวในกลุ่มค้าปลีกของไทยที่มีการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมเป็นบวก (Positive SSSG) ได้ทุกไตรมาส คือ CPALL โดย +0.3%, +0.5% และ +1.6% ใน 1Q15-3Q15 ขณะที่บริษัทอื่นๆ มีติดลบเป็นบางไตรมาส หรือไม่ก็ติดลบมาทั้ง 3 ไตรมาสต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา แต่ CPALL มีจำนวนสาขามากและจำหน่ายสินค้าที่ราคาไม่สูง & จำเป็นใช้ในชีวิตประจำวัน จึงมีการเติบโตที่ดี Outperform กลุ่มอุตสาหกรรม
ดังนั้นเรายังคงให้ CPALL เป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก จุดเด่น คือ มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและสภาพคล่องทางการเงินแข็งแกร่งมาก (ขายเป็นเงินสดแต่ซื้อวัตถุดิบ/สินค้าเข้าสโตร์ด้วยเครดิต) คาดการณ์กำไรสุทธิขยายตัวได้เฉลี่ย 15-20% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ด้าน Valuation หากพิจารณาจาก EV/EBITDA พบว่าไม่ถึงกับสูงมาก โดยเท่ากับ 17 เท่าในปี 2016 ซึ่งต่ำกว่าการเติบโตของกำไรที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 18-20%
ในเชิงกลยุทธ์ การอ่อนตัวของราคาหุ้น CPALL เป็นจังหวะซื้อลงทุน สำหรับราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานเฉลี่ยใน IAA Consensus อยู่ที่ 58 บาท
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
ข่าวอุตสาหกรรมและหุ้นเด่น
# ความคืบหน้าโซลาร์ ฟาร์ม ราชการ
เก็งกำไรหุ้นโซลาร์ฯ "TSE-IFEC-SPCG-BCP-GUNKUL" ลุ้นซิวเค้กผลิตไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มราชการฯสองหลัก ขณะที่ AKR-SUPER-CSS-PSTC ร่วมลุ้นตามติด ฟาก DEMCO-GUNKUL ตัวเต็งรับงาน EPC ประกาศผลภายในธันวาคมนี้ (ข่าวหุ้น)
เฟสแรกจำนวน 600 เมกะวัตต์ ทาง กกพ.ได้รายงานว่ามีผู้ยื่นไฟเฟสแรก 2,900 MW จากผู้ยื่น 618 ราย ถือว่ามีผู้ให้ความสนใจล้นหลาม จนต้องใช้วิธีจับสลากเพื่อคัดเลือก
กำหนดการคือ ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติวันที่ 11 ธ.ค.58 เข้าสู่กระบวนการจับฉลากในวันที่ 15 ธ.ค.58 และประกาศผู้ผ่านการคัดเลือกวันที่ 24 ธ.ค.58 มีกำหนดจ่ายไฟเข้าระบบภายใน ก.ย.59 ส่วนเฟส 2 จะประกาศรับซื้อภายในปี 59 และกำหนดจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ภายในปี 2561
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา
[email protected]
# Turnover List Watch: ยังไม่มีหลักทรัพย์ใดเข้าเกณฑ์ติด Cash Balance 6 สัปดาห์สำหรับอาทิตย์หน้า
หลักทรัพย์ที่จับตามองอยู่คือ PAE และ HPT ซึ่งดูแล้วยังยากที่จะเข้าเกณฑ์
ส่วนหลักทรัพย์ที่หมดอายุใช้ cash balance ระดับที่ 1 วันพฤหัส 26 พ.ย.58 คือ WAVE อาจมีการเก็งกำไรล่วงหน้าแต่ต้องติดตามว่าตลาดฯจะขยายเวลาการใช้ Cash Balance ต่อหรือไม่
ด้านหลักทรัพย์ที่หมดอายุใช้ cash balance ระดับที่ 1 วันศุกร์ 27 พ.ย.58 คือ GUNKUL-W, TAKUNI และ THE อาจมีการเก็งกำไรล่วงหน้าแต่ต้องติดตามว่าตลาดฯจะขยายเวลาการใช้ Cash Balance ต่อหรือไม่
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา [email protected]