- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 26 November 2015 17:48
- Hits: 1028
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index : แนวรับสำคัญ 1375-1380
SET Index: 1378.73 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในระยะสั้นไปทดสอบแนวรบสำคัญที่ 1375-1380 จุด ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายยังคงเบาบางต่อเนื่อง จึงทำให้ SET Index มีโอกาสฟื้นตัวเหนือแนวรับสำคัญของกรอบแนวโน้มขาขึ้นกลับขึ้นไป แลมีแนวต้านที่ 1400 และ 1410 จุดเป็นแนวต้านสำคัญ ถ้าสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะเป็นสัญญาณสิ้นสุดแนวโน้มขาลง และมีแนวต้านถัดไปที่ 1460 จุด แต่ถ้าปรับตัวลดลงหลุดระดับ 1370 จุดลงไป จะมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบ 1355-1360 จุด
แนวต้าน : 1380 และ 1385
แนวรับ : 1378 และ 1375
JAS = 5.00 / 5.10, ADVANC = 200 / 204, , INTUCH = 66.00 / 67.00 TRUE = 8.40 / 8.60,MTLS = 20.50 / 20.80
Wice Logistics (WICE TB; THB 3.08) - ซื้อ
แนวต้าน : 3.20 และ 3.30
แนวรับ : 3.08 และ 3.04
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้น แต่โครงสร้างหลักยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลงต่อเนื่อง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 60
แนะนำซื้อ WICE โดยมีแนวรับที่ 3.08 และ 3.04 และมีแนวต้านที่ 3.20 และ 3.30 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.00 ลงไป
JAS Asset (J TB; THB 2.90) - ซื้อ
แนวต้าน : 3.04 และ 3.24
แนวรับ : 2.90 และ 2.86
ราคาหุ้นเคลื่อนไหวออกด้านข้างในระยะสั้นหลังจากปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง และเริ่มทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นไปได้แล้ว ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเข้าใกลระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 40
แนะนำซื้อ J โดยมีแนวรับที่ 2.90 และ 2.86 และมีแนวต้านที่ 3.04 และ 3.24 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.80 ลงไป
SET50 Index Futures
S50Z15 ปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ระดับ 880 เหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลงในระยะสั้น และมีแนวรับสำคัญของกรอบแนวโน้มขาขึ้นที่ 870 ซึ่งเราคาดว่า การปรับตัวลดลงในระยะสั้น น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวที่บริเวณแนวรับสำคัญ 870 กลับขึ้นไปทดสอบแนวต้นที่ 900 และมีแนวต้านสำคัญที่ 910
แนวต้าน : 884 และ 886
แนวรับ : 880 และ 878
คำแนะนำ : เรารอกลับข้าไป Open Long ที่บริเวณแนวรับ 880-882 เพื่อคาดหวังการฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 890 ระยะสั้น
STOP LOSS สถานะ Long ถ้าปรับตัวลดลงหลุด 877 ลงไป
JASZ15
เคลื่อนไหวในกรอบแคบต่ำกว่าระดับ 5.00 หลังจากปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงหลุดแนวรับสำคัญที่ 5.00 ลงไป แต่เราคาดว่า ความเสี่ยงในกาปรับตัวลดลงมีไม่สูงมาก จึงทำให้แนวโน้มในระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัวที่แนวรับ 4.90 กลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 5.10 และ 5.20 และมีแนวต้านสำคัญที่ 5.40
แนวต้าน : 5.05 และ 5.10
แนวรับ : 4.94 และ 4.90
คำแนะนำ : เราแนะนำให้ Open Long ใน JASZ15 ที่แนวรับ 4.90-4.94 และมีแนวต้านที่ 5.20 เป็นจังหวะขายทำกำไร
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า JASZ15 ปรับตัวลดลงหลุด 4.88 ลงไป
TRUEZ15
ฟื้นตัวในระยะสั้นไปทดสอบแนวต้านที่ 8.60-8.65 หลังจากปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงหลุดแนวรับสำคัญที่ 9.10 ลงไป ทำจุดต่ำสุดที่ 8.55 ทำให้แนวโน้มการเคลื่อนไหวในระยะยาวยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลง โดยมีแนวรับถัดไปที่ 8.20 และ 8.00 และมีเป้าหมายในการปรับตัวลดลงไปที่ 7.50
แนวต้าน : 8.70 และ 8.80
แนวรับ : 8.50 และ 8.40
คำแนะนำ : เราแนะนำให้ Open Short ใน TRUEZ15 ที่แนวต้าน 8.70 และ 8.80 เพื่อคาดหวังการปรับตัวลดลงไปทดสอบ 8.20
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า TRUEZ15 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 9.00 กลับขึ้นไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...ราคาน้ำมันสถานการณ์ปัจจุบันน่าจะแกว่งกรอบแคบ
การขึ้นลงของราคาน้ำมันดิบในสหรัฐโดยปกติยังอิงกับแนวโน้มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในตลาดโลก ปริมาณความต้องการใช้และเหตุการณ์อื่นๆ อย่างภัยพิบัติอย่างการเกิดพายุเฮอริเคน สงครามและความตึงเครียดในภูมิภาคต่างๆ ปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้พวกเก็งกำไรน้ำมันอย่าง Money manager ซึ่งรวมพวก Hedge fund นำข้อมูลดังกล่าวไปเล่นเก็งกำไรน้ำมันดิบล่วงหน้าในตลาด Future และ Option
ความสัมพันธ์ระหว่างการ Short น้ำมันล่วงหน้าของบรรดา Hedge fund ในตลาด WTI พบว่ามีสูงมาก คือให้ค่า R 2 ถึง 0.6103 (ดูรูปด้านซ้าย) เทียบปี 2012-2014 ที่ 0.51 สะท้อนให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในปัจจุบันขึ้นอยู่กับการเก็งของบรรดา Hedge ดังนั้นหากจะมาดูราคาน้ำมันในช่วงนี้เป็นอย่างไร ก็อาจจะต้องมาพิจารณาดูจำนวนการ Short จากรูปด้านขวา เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ในปีนี้ระหว่างปริมาณการ Short กับน้ำมัน WTI ของนักวิเคราะห์น้ำมันจาก Reuters โดยแบ่งเป็น 3 ช่วงคือ 1. วัฎจักรที่ 1 เริ่ม 6 ม.ค. ถึง 19 พ.ค. วัฎจักรที่ 2 เริ่ม 26 พ.ค. ถึง 13 ต.ค. และวัฎจักร 3 เริ่มจาก 20 ต.ค. ถึง 17 พ.ย.
ในวัฎจักรที่ 1 และ 2 โดยสรุป เขาดูการ Short ปริมาณน้ำมันเทียบกับราคาน้ำมัน พบว่า ปริมาณการ Short น้ำมันสูงสุดของ Hedge fund อยู่ที่ 163-178 ล้านบารเรล์ โดยราคาน้ำมันจะอยู่ที่กรอบ 40-44 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ส่วนกรอบปัจจุบันราคาน้ำมันอยู่ที่ 40 ดอลลาร์ ขณะที่ปริมาณการ Short อยู่ที่ 154 ล้านบารเรล์
หลังจากนี้ราคาน้ำมันจะเป็นอย่างไร โดยพิจารณาจากปริมาณการ Short น้ำมัน โดยผลจะมองเป็น 2 แบบคือ หาก Hedge fund short ไปถึงจำนวนสูงสุดที่เคยเกิดในวัฏจักรที่ 1 และ 2 ที่ 163-178 ล้านบารเรล์ จากตัวเลขในอดีตทาง Hedge fund จะลด position การ short ลง แล้วราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้น ส่วนแบบที่ 2 คือ การ short น้ำมันไม่เพิ่มขึ้นหรือขึ้นไม่ถึงกรอบสูงสุด Hedge fund จะเพิ่ม position การ short เพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันก็จะปรับตัวลง
ดังนั้นหากมองภาวะในปัจจุบัน ทาง Hedge fund คงจะยังสะสมการ Short ปริมาณน้ำมันอีกจนกว่าจะถึงกรอบการ Short ที่ 163-178 ล้านบารเรล์ นั่นก็หมายความว่า โอกาสที่ราคาน้ำมันจะลงอีกยังมี แต่คงไม่มากหรือแกว่งในกรอบ 40-44 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ เนื่องจากปริมาณการ short น้ำมันในปัจจุบันอยู่ที่ 154 ล้านบารเรล์ โดยพิจารณาจากปริมาณการ Short ของ Hedge fund อย่างเดียว โดยไม่เกี่ยวกับเรื่องในปัจจุบัน แต่หากนำประเด็นที่เป็นอยู่ในซีเรีย เข้าไปเกี่ยว ราคาน้ำมันน่าจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร สถานการณ์ที่เป็นอยู่น่าจะยังเป็นปัจจัยบวกกับราคาน้ำมันในช่วงสั้นๆ แต่หลังจากนั้นโอกาสที่ราคาน้ำมันจะปรับตัวลงยังมีสูงทั้งจาก แนวโน้มที่อิหร่านจะส่งออกน้ำมัน ความต้องการใช้ในช่วงฤดูหนาวในสหรัฐและยุโรปอาจลดลงจากอากาศที่อุ่นขึ้นและการแข็งตัวของค่าเงินดอลลาร์ ดังนั้นสถานการณ์น้ำมันที่เป็นอยู่การเล่นหุ้นกลุ่มพลังงาน จึงยังลำบาก และยังต้องรอดูทิศทางน้ำมันไปอีกสักพัก
กลยุทธ์วันนี้ เราคาดว่าตลาดจะรีบาวน์ขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้น แต่การปรับขึ้นจะถูกจำกัดด้วยแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศที่ยังคงขายสุทธิต่อเนื่องนับจากต้นปีมากว่า 1.18 แสนล้านบาท โดยเป็นแรงขายในหุ้นกลุ่มหลักอย่างธนาคาร พลังงานและ ICT ดังนั้นการเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็กคาดว่าจะให้ผลกำไรที่ดีกว่าในช่วงนี้ วันนี้เราแนะนำ ซื้อเก็งกำไร หุ้น KTC EPG FSMART SMPC COM7 AIT DEMCO ICHI โดยวันนี้เราให้แนวรับอยู่ที่ 1375-1377 และแนวต้านที่ 1388-1395 จุด
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 1,378.73 จุด ลดลง 2.73 จุด(-0.20%) มูลค่าการซื้อขาย 15,729.71 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง ตลาดยังถูกกดดันจากหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ด้านตลาดภูมิภาคแกว่งบวก-ลบ นักลงทุนคลายความกังวลสถานการณ์ระหว่างรัสเซียตุรกี หลังมีรายงานว่ารัสเซียเตรียมให้ความร่วมมือในการโจมตีกลุ่ม IS ภายใต้กลุ่มพันธมิตร ซึ่งรวมถึงตุรกี
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดบ่าย แกว่งตัวในกรอบแคบ ระยะสั้นตลาดถูกแรงขายกดดันจากหุ้นกลุ่มสื่อสาร จากความกังวลเรื่องการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ อย่างไรก็ตาม เรามองว่าภาพทางเทคนิคจะยังไม่เสียหาย หาก SET ยังไม่ปรับตัวต่ำกว่าระดับ 1370 จุด โดยในกรณียังจะทำกรอบ Sideway 1370-1385 จุด แต่ถ้าหลุดต่ำกว่า 1370 จุด จะเกิดสัญญาณขาย และจำเป็นต้องขายลดพอร์ตตาม และไปรอซื้อกลับที่แนวรับด้านล่างบริเวณ 1350 จุด แนะนำทยอยสะสมหุ้น กลุ่มธนาคาร มองมีสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
Wice Logistics (WICE TB; THB 3.08) - ซื้อ
JAS Asset (J TB; THB 2.90) - ซื้อ
Turnover List Preview (Cash Balance) : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : PAE* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]