WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSS copyบล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 


SET เริ่มรีบาวด์ตามคาด จึงยังเน้นถือเพื่อรอขายตามเป้า…

  กลยุทธ์ : หลังจากช่วงเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET ปรับพักตัวลงมาแล้วกว่า 4% ก่อนที่จะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาพยุงตลาดและเริ่มช่วยผลักดันให้มีจังหวะบวกที่ดีขึ้นได้อีกครั้ง ทำให้ FSS คาดว่า SET จะยังแกว่งบวกต่อเนื่องได้อีก ดังนั้นเรายังแนะนำให้เน้นถือเพื่อรอขายทำกำไรตามเป้าหมายเช่นเดิม


  หุ้นเด่นทางเทคนิค : BANPU, ASEFA, SGP(short)
  แนวโน้ม : สัปดาห์ที่แล้ว SET แกว่งทรงตัวได้ดีขึ้น หลังจากดัชนีไหลลงมาเกือบ 2 สัปดาห์ติดต่อกัน และมีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยผลักดันให้ SET เริ่มรีบาวด์ขึ้นมาแกว่งตัวด้านบวกได้บ้างแล้วด้วย ขณะที่บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ก็ถือว่าสดใสพอควร จากตลาดหุ้นสหรัฐที่กลับมาปิดบวกได้ดีอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากนักลงทุนซึมซับถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เกี่ยวกับกรอบเวลาในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปมากแล้ว ทำให้ความกังวลเริ่มลดลง และความคาดหวังที่ว่า ECB อาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเริ่มมีมากขึ้นจึงช่วยกระตุ้นแรงซื้อได้บ้าง ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็เปิดเป็นบวกด้วยเช่นกัน ทำให้ FSS ยังคาดหมายว่า SET มีโอกาสขยับบวกต่อเนื่องได้ตามคาด ซึ่งเราคาดว่าดัชนียังมีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นไปหาระดับดัชนีตามพื้นฐานของปีนี้ที่เราประเมินไว้แถว 1450 จุดหรือใกล้เคียงได้ โดยเฉพาะเริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายปีซึ่งปกติจะมีแรงซื้อจากกองทุน LTF และ RMF เข้ามาหนุน ประกอบกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังรัฐบาลเร่งใช้มาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้น ซึ่ง FSS มองว่าตัวเลขเศรษฐกิจของไทยเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวให้เห็นบ้างแล้วด้วย
  แนวรับ 1392-1390 , 1387-1385 จุด
  แนวต้าน 1396-1398 , 1400-1404 จุด

      Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$67ล้าน โดยไหลออกหนักเพียงเกาหลีใต้ประเทศเดียว US$135.2ล้าน ขณะที่กลับมาไหลเข้ากลุ่ม TIP เป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางชะลอการไหลออกหลังจากนักลงทุนเริ่มเพิกเฉยต่อแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed แล้ว

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) BJC ระยะสั้นแนวโน้มกำไรปกติ 4Q15 คาดว่าจะฟื้นตัวและทำจุดสูงสุดของปีจากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ปัจจัยหนุนการเติบโตในปีหน้าจะมาจากฐานที่ต่ำของธุรกิจ Consumer ส่วนธุรกิจ Packaging คาดว่ายังดีต่อเนื่องเพราะรับรู้ยอดขายเบียร์ช้างสีเขียวเต็มปี เราคาดกำไรปกติปี 2015 โต 4.8% Y-Y และโตเร่งตัวขึ้นเป็น 16% Y-Y ในปี 2016 โดยยังไม่รวม Upside แผนเข้าซื้อกิจการที่คาดว่าจะเห็นอย่างเร็วภายใน 1Q16 อย่างไรก็ตามราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาสะท้อนการฟื้นตัวในปีหน้าบางส่วนแล้ว ทำให้มี Upside จำกัดจากราคาเป้าหมายปี 2016 ที่ 39 บาท จึงยังคงคำแนะนำเพียงถือ

(+) ERW เป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเข้าสู่ช่วง High Season ของการท่องเที่ยวเนื่องจากมีธุรกิจโรงแรมเพียงอย่างเดียว โดยคาดผลการดำเนินงานจะพลิกมามีกำไรได้ในช่วง 4Q15 และทำจุดสูงสุดใหม่ใน 1Q16 แม้ระยะสั้นจะได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ในช่วงกลางเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา แต่จำนวนนักท่องเที่ยวเดือน ก.ย. และ ต.ค.ยังโตได้ 8.7% Y-Y และ 1% Y-Y ตามลำดับ รวม 10M15 จำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 24.3 ล้านคน +24.2% Y-Y ซึ่งทำให้เป้า 29.5 ล้านคน +19% Y-Y ในปีนี้น่าจะเป็นไปได้อย่างไม่ยากเย็น เรายังคงคาดการณ์กำไรปกติทั้งปีที่ 196 ลบ. พลิกจากขาดทุนปีก่อน ส่วนปี 2016 คาดโตต่ออีก 75.5% Y-Y คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2016 ที่ 5.40 บาท
  (+) ดีลควบรวม BECL และ BMCL ล่าสุดบริษัทคาดว่าจะผ่านมติครม.ได้ในวันที่ 8 ธ.ค. 2015 และจะขอให้มีการหยุดการซื้อขาย 8 วันทำการตั้งแต่วันที่ 21 – 30 ธ.ค. 2015 โดยบริษัทจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นร่วมวันที่ 28 ธ.ค. 2015 เพื่อพิจารณารายละเอียดต่างๆรวมถึงการแลกหุ้น (XM 17 พ.ย.) ซึ่งคาดว่าหุ้นบริษัทใหม่ (BEM) จะเริ่มซื้อขายได้ในวันที่ 4 ม.ค. 2016 การควบรวมจะทำให้เกิด Synergy เพราะบริษัทใหม่จะสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงจากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งในอนาคต เรายังคงคำแนะนำซื้อ ทั้ง BECL และ BMCL ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 47 บาทและ 2.40 บาทตามลำดับ เพื่อนำไปแลกเป็นหุ้น BEM

(+) BIG ราคาหุ้นถูก Sell on fact หลังประกาศงบ 3Q15 ออกมาดีจนทำให้ PE ปี 2016 ลดลงเหลือเพียง 14 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มผลิตและขายกล้องรวมถึงคนขายสินค้า IT ที่ 20-25 เท่า ขณะที่กำไร 4Q15 มีแนวโน้มสร้างสถิติสูงสุดใหม่จากทั้ง High Season และการจัดงาน Photo Fair 25-29 พ.ย. 15 ซึ่งถ้าอิงจาก BIG Pro Day เมื่อ 1-9 ก.ย. ที่มียอดขายถล่มทลายกว่า 135 ลบ. จึงคาดว่ายอดครั้งนี้ไม่น่าแตกต่างกัน เรายังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2016 ที่ 2.20 บาท
  (+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ปิดในแดนบวกได้ราว 0.5% โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นในกลุ่มค้าปลีก ขณะที่นักลงทุนยังจับตาดูความเห็นจากเจ้าหน้าที่ FED ต่อการขึ้นดอกเบี้ยเดือนหน้า

(0) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดบวกได้เล็กน้อยและแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า ECB อาจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
  (+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น โดยยังคงจับตาดูความเห็นของเจ้าหน้าที่ FED เกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้าอย่างใกล้ชิด

(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวออกข้าง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.70-35.82 บาท/ดอลลาร์
  ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 40.39 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับลง 0.15 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า รวมถึงสต๊อกน้ำมันดิบในประเทศที่อยู่ในระดับสูง
  ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,076.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 1.60 ดอลลาร์/ออนซ์ แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่ารวมถึงโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในเดือนหน้าที่จะกดดันราคาทองคำระยะยาว

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
23-พ.ย. - ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (พ.ย.)
- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านเก่า (ต.ค.)
- ญี่ปุ่น ตลาดหุ้นปิดทำการ
24-พ.ย. - สหรัฐ: 3Q15 GDP, ดัชนีราคาบ้าน S&P/CaseShiller (ก.ย.)
25 พ.ย. - อินเดีย: ตลาดหุ้นปิดทำการ
- สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน, การใช้จ่ายส่วนบุคคล (ต.ค.)
26-พ.ย. - ฟิลิปปินส์: 3Q15 GDP
- สหรัฐ: ตลาดการเงินปิดทำการ วัน Thanksgiving
27-พ.ย. - ไทย : ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (ต.ค.)
- ญี่ปุ่น: เงินเฟ้อ, อัตราการว่างงาน (ต.ค.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (พ.ย.)
30-พ.ย. - ไทย: ส่งออก, ดุลการค้า, ดัชนีความเชื่อมันทางธุรกิจ (ต.ค.)
- ญี่ปุ่น: ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, ยอดค้าปลีก (ต.ค.)
- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านรอปิดการขาย, ยอดค้าปลีก (ต.ค.)
1-ธ.ค. - จีน: PMI ภาคการผลิต (พ.ย.)
- ยูโรโซน: PMI ภาคการผลิต, อัตราว่างงาน (พ.ย
- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (พ.ย.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!