- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 19 November 2015 18:26
- Hits: 767
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +247.66, NASDAQ +89.19, S&P +33.14, FTSE +10.21, CAC -30.59 และ DAX -11.09 หลังเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 27 – 28/10/58 ระบุว่าเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดมีความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนหน้า (15 – 16/12/58) ซึ่งการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มการเงิน ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน – ต.ค. ลดลง 11% อยู่ที่ 1.060 ล้านยูนิต แต่การขออนุญาตก่อสร้าง – ต.ค. เพิ่มขึ้น 4.1% อยู่ที่ 1.150 ล้านยูนิต
.....ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในฝรั่งเศส หลังได้เกิดเหตุยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ต้องสงสัยที่บริเวณแซงต์ เดนีส์ ชานกรุงปารีส วานนี้
.....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$0.08 อยู่ที่ US$40.75 ต่อบาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบ ล่าสุด เพิ่มขึ้นเพียง 252,000 บาร์เรล (ต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.0 ล้านบาร์เรล) อยู่ที่ 487.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงเกินไป จากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ล่าสุด เพิ่มขึ้น 3,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.182 ล้านบาร์เรลต่อวัน
.....ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$0.10 อยู่ที่ US$1,068.7 ต่อออนซ์ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้าน – ต.ค. ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -1,656 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -117,431 ล้านบาท (ปี’57 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับขึ้น แต่อยู่ในกรอบจำกัด ภายใต้การส่งสัญญาณที่ค่อนข้างชัดเจนของเฟด (จากรายงานการประชุมเมื่อ 27 – 28/10/58) ที่อาจมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี หลังเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ดีและคาดสามารถรองรับกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ และคาดในประเด็นดังกล่าวคาดยังมีผลต่อทิศทางของ Fund Flow โดย โดยเฉพาะจากตลาด Emerging Markets
.....ขณะที่คาดยังได้รับ (-) จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีน ซึ่งคาดอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังประเทศคู่ค้า และ (+) จากคาดการณ์ว่า ECB อาจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งอาจเพิ่มวงเงิน QE หรือขยายระยะเวลาออกไป (จากต้นปีทีผ่านมา ECB ประกาศวงเงินซื้อพันธบัตร จำนวน 60,000 ล้านยูโรต่อเดือน ถึงกันยายน’59 โดยเริ่มซื้อมาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งหมด 18 เดือน เป็นวงเงินรวมประมาณ 1.1 ล้านยูโร) แนะติดตามการประชุมของ ECB ในวันที่ 3/12/58 และจับตาสถานการณ์ในฝรั่งเศส รวมถึงประเทศต่างๆ ในยุโรป ที่อาจมีผลต่อ Sentiment การลงทุน
…..ทางด้านประเด็นในประเทศ คาดยังปัจจัยบวกเข้ามาบ้างจากการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นตามลำดับหลังจากนี้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐ ขณะที่แนะจับตาหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดมีแรงเก็งกำไรในระยะสั้น เช่น ITD, CK, STEC, UNIQ และ NWR หลังผ่านคุณสมบัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางฉะเชิงเทรา – คลอง 19 – แก่งคอย ระยะทาง 106 กม. วงเงิน 10,525 ล้านบาท (แบ่งเป็น สัญญา 1 มูลค่า 9,926 ล้านบาท และสัญญา 2 มูลค่า 599 ล้านบาท) และ รฟท. จะเปิดเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ในวันที่ 19/11/58 (พฤ.นี้) และในระยะยาวจากความคืบหน้างานก่อสร้างรถไฟไทย – จีน ซึ่ง ครม. ให้ความเห็นชอบวานนี้ โดยเป็นความร่วมมือในงานก่อสร้างรถไฟ 2 เส้นทาง ได้แก่ (1) เส้นทางหนองคาย – โคราช – แก่งคอย – ท่าเรือมาบตาพุด และ (2) เส้นทางแก่งคอย – กรุงเทพ เบื้องต้นคาดได้ผู้รับเหมาฯ ประมาณกลางปี’59
.....ส่วนทางด้าน Fund Flow ต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องอีก 1,656 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ในทิศทางเดียวกับภูมิภาคส่วนใหญ่ โดย
ค่าเงินบาทยังมีทิศทางอ่อนค่า แต่คาดได้รับการชดเชยจากแรงซื้อของสถาบันในประเทศ
..โดยยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, STEC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 35.93 – 35.95 คาดมีโอกาสอ่อนค่าอีกครั้ง ส่วนหนึ่งตามสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TASCO เป็นต้น (5) กลุ่มโรงแรม (MINT, CENTEL) และหุ้นกลุ่มขนส่ง (เช่น AAV, AOT) หลังสถานการณ์การท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้นโดยเฉพาะช่วง High season ในช่วง 4Q/58
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.01 อยู่ที่ 2.27% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.99 อยู่ที่ 16.85
หุ้นแนะนำ : CK
ประเด็นที่ต้องติดตาม (19 - 20 พ.ย.’58)
19/11/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (2) ดัชนีกิจกรรมการผลิตเขตมิด-แอตแลนติก - พ.ย.
(3) ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ - ต.ค.
20/11/58 : - ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ -