- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 18 November 2015 17:03
- Hits: 1019
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Sideways
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดบวกเด่นแต่ยังไม่ผ่าน 1,400 จุดตามที่ประเมินไว้ โดยกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี ฟื้นตัวหลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX บวกเด่น รวมถึงกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่เก็งกำไรต่อการประชุมครม. เพื่อพิจารณาแผนการลงทุน 1.79 ล้านล้านบาท ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวก 1.55 จุด มาอยู่ที่ 1,390.17 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,866 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติขายสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันเป็นวันที่ 7 แต่ชะลอตัวลง ตลาดหุ้นขายสุทธิเป็นวันที่ 7 ลดลงเหลื 745 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 9 เหลือ 1,201 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 7 อีก 744 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลง 2.56% dod คืนวานนี้ หลังกังวลต่อปริมาณสต็อคน้ำมันดิบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
คาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเด่นวันนี้ เพื่อเก็งกำไรต่อการประมูล E-Auction รถไฟรางคู่ เส้นทาง ฉะเชิงเทรา - คลอง 19 ในวันพรุ่งนี้
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น "กลาง" ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 พร้อมประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX ระหว่าง 1,380-1,400 จุด เช่นเดียวกับวันก่อนหน้า ด้วยภาวะการลงทุนที่ขาดปัจจัยใหม่ทั้งในด้านบวกและลบ หลังสิ้นสุดการรายงานงบ 3Q58 และตัวเลข GDP ใน 3Q58 ของไทย
สำหรับผลการประชุม ครม.วันนี้ เป็นการเร่งเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ผ่าน PPP แบบ Fast Track ที่เป็นการร่วมมือระหว่างรัฐ และ เอกชน รวมถึงการผลักดันกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ในแผนพัฒนาระบบขนส่ง / โลจิสติกค์ เราคาดว่าจะเห็นรูปธรรมในช่วง 1H59
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศเป็นกลาง ขาดความโดดเด่นในด้านใดด้านหนึ่งเช่นกัน นักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูผลการประชุมเฟดในกลางเดือนหน้าเป็นสำคัญ
ดังนั้น ภาวะการลงทุนในช่วงที่เหลือจนถึงการประชุมเฟดในกลางเดือนหน้า เราประเมินว่า SET INDEX จะแกว่งในกรอบระหว่าง 1,350/60 - 1,400/20 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนอาจพิจารณาขายทำกำไรบริเวณ 1,390 จุด หรือสูงกว่า และกลับมาถือเงินสดอีกครั้ง เพราะภาพรวมยังมีความเปราะบางและผันผวนอยู่"
Top Pick in 4Q15: BMCL / ITD/ TMB/ TPIPL
HOLD: ITD / TPIPL/ ADVANC/ WHA/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Speculaitve buy: ITD/ NWR
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
ITD : ราคาปิด 7.90 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะ Outperform ตลาดในวันนี้ จากแรงเก็งกำไรการ ประมูล E-auction โครงการรถไฟฟ้ารางคู่ คลองสิบเก้า - แก่งคอยในวันพรุ่งนี้
แบ่งเป็น 2 สัญญา ได้แก่
I. สัญญาที่ 1 มูลค่า 9.9 พันล้านบาท โดยมีบริษัทที่เข้าประมูล ได้แก่ ITD, STEC, UNIQ, CK, กลุ่ม A.S. Engineering และกลุ่ม TC Joint Venture
II. สัญญาที่ 2 มูลค่า 600 ล้านบาท โดยมีบริษัทที่เข้าร่วมประมูล ได้แก่ ITD, NWR, TC joint Venture และ Right Tunneling
เชื่อว่า ITD มีโอกาสสูงที่จะได้งานดังกล่าว เนื่องจากมีโรงงานไม้หมอนของตนเอง จึงมีข้อได้เปรียบเรื่องต้นทุน และเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญงานสร้างทางรถไฟ
มี Momentum บวกจากผลประกอบการ 3Q58 ที่พลิกกลับเป็นกำไรสุทธิ 190 ล้านบาท และ Gross Margin เพิ่มขึ้นสู่ 10.4% และมี Backlog สิ้นสุด 3Q58 สูงถึง 2.7 แสนล้านบาท ช่วยหนุนการเติบโตของธุรกิจก่อสร้างได้ต่อเนื่องใน 4-5 ปีข้างหน้า
คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติปี 2559 เติบโตสูงถึง 57% yoy เป็น 964 ล้านบาท และมี Upside 55% จากราคาเหมาะสม ให้เป็น Top pick ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
NWR : ราคาปิด 1.73 บาท ราคาเหมาะสม 2.60 บาท
ครม.มีมติอนุมัติวานนี้ ให้กระทรวงทรัพย์จ่ายเงินคดีคลองด่านจำนวน 7,936 ล้านบาท โดยแบ่งชำระเป็น 3 งวด ได้แก่
I. งวดที่ 1 จำนวน 3,174 ล้านบาท ภายในวันที่ 21 พ.ย.2558
II. งวดที่ 2 จำนวน 2,380 ล้านบาท ภายในวันที่ 21 พ.ค.2559
III. และงวดที่ 3 จำนวน 2,380 ล้านบาท ภายในวันที่ 21 พ.ย.2559
เป็นบวกโดยตรงต่อ NWR เนื่องจากเป็นผู้รับเหมาช่วงโครงการดังกล่าว ดังนั้น จึงคาดว่าจะสามารถบันทีกกำไรพิเศษจากคดีคลองด่านได้ราว 300 - 600 ล้านบาท ภายในปี 2559 หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นราว 0.11 - 0.23 บาทต่อหุ้น และเป็น Upside ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการกำไร
คาดผลประกอบการ 4Q58 จะพลิกกลับเป็นกำไร เนื่องจากจะเริ่มรับรู้รายได้โครงการคอนโดมีเนียม ISSI มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะทยอยรับรู้รายได้จาก Backlog ต่อเนื่อง จากสิ้นสุด 3Q58 ที่มี Backlog ราว 1.5 หมื่นล้านบาท
Valuation ไม่แพง ซื้อขายที่ระดับ PBV2559 ที่ 0.99 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที 2.1 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชีย ขายสุทธิเป็นวันที่ 8 ลดลงเหลือ US$158 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$621 ล้าน
และเป็นการขายสุทธิทุกตลาดเป็นวันที่ 5
Foreign Investors Action วานนี้
คาดต่างชาติขายสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันเป็นวันที่ 7
นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 7 ลดลงเหลือ 745 ล้านบาท รวม 7 วันทำการ ขายสุทธิ 11,899 ล้านบาท เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้า ซื้อสุทธิ 4,067 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิสูงกว่า 1.1 แสนล้านบาท เป็น 115,773 ล้านบาท
SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 9 ลดลงเหลือ 1,201 สัญญา รวม 9 วันทำการ Short สุทธิ 57,547 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long สุทธิอย่างต่อเนื่อง กดดันให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิลดลงเหลือ 33,289 สัญญา เมื่อ S50Z15 ปิดต่ำกว่า 900 จุด เป็นวันที่ 7 แต่ S50Z15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 11 แคบลงเหลือ 1.88 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 2.21 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเป็นวันที่ 5 ขยับขึ้นเป็น 27,438 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 7 ลดลงเหลือ 744 ล้านบาท รวม 7 วันทำการ 21,737 ล้านบาท โดยราคาพันธบัตรไทยปรับตัวลงเล็กน้อย ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 3 อีก 0.10bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 0.31bps ปิดที่ 2.699%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เป็น 852 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 2,287 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ เน้น AOT เป็นหลัก
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาซื้อสุทธิมากถึง 3,818 ล้านบาท จาก 4 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 3,501 ล้านบาท โดยเป็นการเน้นสะสมเป็นรายหลักทรัพย์ อย่างเห็นได้ชัด สรุปได้ดังต่อไปนี้
1. กลุ่มขนส่งถูกซื้อสุทธิสูงสุด 1,155 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 130 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 685 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 177 ล้านบาท กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 538 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 667 ล้านบาท และกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 468 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 158 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มอสังหาฯ ขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 66 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาต่ำกว่าคาด
อัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.2% mom เท่ากับ Bloomberg consensus คาด ส่วนเดือนก่อนหน้าหดตัว 0.2% mom
ผลผลิตภาคอุตฯ เดือนต.ค. หดตัว 0.2% mom สวนทางกับที่ Bloomberg consensus คาด +0.1% mom แต่หดตัวเท่ากับเดือนก่อนหน้าที่ -0.2% mom โดยภาคการผลิตในส่วนของสาธารณูปโภค และเหมืองแร่ ยังคงอ่อนแอ
ดัชนีตลาดบ้าน เดือนพ.ย. เท่ากับ 62.0 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 64.0 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 65.0 จุด
ยุโรป
อังกฤษเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเงินฝืด: อัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. -0.1% yoy สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ โดยราคาเสื้อผ้าเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปลดลงแรงกว่ามาก
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
รัฐบาลอินเดียเตรียมเสนอแผนปรับโครงสร้างภาษีต่อสภา: การปรับโครงสร้างภาษีสินค้าและบริการ เพื่อให้อัตราภาษีขายเป็นไปในอัตราเดียวกันทั่วประเทศ เตรียมเสนอต่อสภาเพื่อพิจารณาในสัปดาห์หน้า หากผ่านจะสามารถเริ่มใช้ได้ทุกเมื่อในปีหน้า เมื่อสภาฯ อนุมัติโครงสร้างดังกล่าว อย่างไรก็ตาม พรรคฝ่ายค้านเตรียมคัดค้านแผนดังกล่าวผ่านสภาสูง
ธนาคารกลางอินโดนีเซียคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ลด RRR: คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 7.50% ตามที่ Bloomberg Consensus คาด และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและกู้อยู่ที่ 5.50% และ 8.00% การคงดอกเบี้ยเพื่อประเมินผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากเฟดอีกครั้ง ซึ่งการปรับลด RRR ลง 50 bps อยู่ที่ 7.50% จากเดิมที่ 8.00% จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบธนาคารซึ่งจะมีส่วนช่วยการเติบโตของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ธนาคารกลางคาดว่าจะช่วยเพิ่มเงินในระบบราว 18 ล้านล้านรูเปียห์
ไทย
นายกฯ มอบให้รองนายกฯ เร่งจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน: นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องการเร่งรัดให้เกิดกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยปัจจัยปัญหาเรื่องงบประมาณ เรามีงบประจำค่อนข้างมาก งบประจำคืองบที่ใช้เกี่ยวกับเรื่องของสวัสดิการ เงินเดือน ส่งผลให้การลงทุนมีปริมาณไม่มากนัก ทั้งนี้ ปัจจุบันมีโครงสร้างทั้งหลายที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานเกิดขึ้นหลายโครงการ สิ่งที่จะทำให้โครงการเหล่านี้ดำเนินไปได้เร็วขึ้นในระยะเวลาที่สั้นขึ้น คือการเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามีส่วนร่วมลงทุน หมายถึงความร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชน (PPP) ซึ่งทางนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ พยายามขับเคลื่อนให้ PPP ทั้งหมดนี้ดำเนินการไปได้เร็วขึ้น
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530