- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 17 November 2015 17:31
- Hits: 1578
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +237.77, NASDAQ +56.73, S&P +30.15, FTSE +28.10, CAC -3.67 และ DAX +4.83 แม้จะได้รับปัจจัยกดดันจากเหตุการณ์โจมตีกรุงปารีส แต่คาดสถานการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบในระยะยาวต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และผลประกอบการของภาคเอกชน รวมถึงวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดัง ไม่ได้เทขายหุ้นหลังเหตุการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่อยู่ระหว่างรอรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟด เมื่อ 27 - 28 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธนี้ (ตรงกับเช้าพฤ. ของไทย) เพื่อจับสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าหรือไม่?
.....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$1.00 อยู่ที่ US$41.74 ต่อบาร์เรล จากรายงานว่าฝรั่งเศสได้ส่งเครื่องบินรบทิ้งระเบิดถล่มฐานที่มั่นของกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม (IS) ในซีเรีย หลังเกิดเหตุก่อการร้ายในกรุงปารีสเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งคาดส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อตลาดน้ำมัน เนื่องจากซีเรียไม่ใช่ผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ ขณะที่ได้รับปัจจัยหนุนจากการผลิตน้ำมันดิบ - ต.ค. ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับตัวลง 120,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และเป็นระดับต่ำสุดนับแต่เดือน
พ.ค.’58
.....ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$2.7 อยู่ที่ US$1,083.6 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากเหตุวินาศกรรมในกรุงปารีส
ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ทางการเมืองในยุโรป และเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตามคาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากการคาดการณ์ว่าเฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. (15 – 16/12/58)
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -2,272 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -115,030 ล้านบาท (ปี’57 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
(+) สภาพัฒน์ฯ เปิดเผย GDP – 3Q/58 เติบโต 2.9%yoy (ดีกว่าที่คาดว่า +2.6%yoy) และคาด GDP ทั้งปี’ 58 ขยายตัว 2.9% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 2.7 - 3.2% และคาดในปี’59 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3.0 - 4.0%
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับขึ้น หลังสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศส ไม่ส่งผลกระทบ
ต่อ Sentiment ในการลงทุนมากนัก โดยคาดสถานการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบในระยะยาวต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และผลประกอบการของภาคเอกชน แนะติดตาม (1) การเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟด (เมื่อ 27 – 28/10/58) เช้า พฤ. ตามเวลาไทย ว่าจะมีสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าหรือไม่ และ (2) ทิศทางของ Fund Flow โดยเฉพาะจากตลาด Emerging Markets ขณะที่เงินสหรัฐฯ ยังคงแข็งค่า
.....ขณะที่คาดยังได้รับ (-) จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีน ซึ่งคาดอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังประเทศคู่ค้า และ (+) จากคาดการณ์ว่า ECB อาจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งอาจเพิ่มวงเงิน QE หรือขยายระยะเวลาออกไป (จากต้นปีทีผ่านมา ECB ประกาศวงเงินซื้อพันธบัตร จำนวน 60,000 ล้านยูโรต่อเดือน ถึงกันยายน’59 โดยเริ่มซื้อมาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งหมด 18 เดือน เป็นวงเงินรวมประมาณ 1.1 ล้านยูโร) แนะติดตามการประชุมของ ECB ในวันที่ 3/12/58
…..ทางด้านประเด็นในประเทศ คาดได้รับปัจจัยบวกเข้ามาบ้างจากตัวเลข GDP – 3Q/58 ที่ดีกว่าคาด และคาดมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับหลังจากนี้ รวมถึงหุ้นในกลุ่มพลังงานที่คาดมีแรงเก็งกำไรในระยะสั้นเข้ามาตามราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยยังแนะติดตามหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น ITD, CK, STEC, UNIQ และ NWR หลังผ่านคุณสมบัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางฉะเชิงเทรา – คลอง 19 – แก่งคอย ระยะทาง 106 กม. วงเงิน 10,525 ล้านบาท (แบ่งเป็น สัญญา 1 มูลค่า 9,926 ล้านบาท และสัญญา 2 มูลค่า 599 ล้านบาท) และ รฟท. จะเปิดเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ในวันที่ 19/11/58 (พฤ.นี้)
.....ขณะที่อยู่ในช่วงท้ายของการประกาศงบฯ – 3Q/58 ที่คาดอาจการขายทำกำไร – Sell on Fact ออกมา ส่วนทางด้าน Fund Flow ต่างชาติยังขายสุทธิ เกือบ 2,300 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในทิศทางเดียวกับภูมิภาคส่วนใหญ่ โดยค่าเงินบาทยังมีทิศทางอ่อนค่า
..โดยยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, STEC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 35.98 – 36.00 คาดมีโอกาสอ่อนค่าอีกครั้ง (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TASCO เป็นต้น (5) กลุ่มโรงแรม (MINT, CENTEL) และหุ้นกลุ่มขนส่ง (เช่น AAV, AOT) หลังสถานการณ์การท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้นโดยเฉพาะช่วง High season ในช่วง 4Q/58
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 2.27% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.92 อยู่ที่ 18.16
หุ้นแนะนำ : BCP
ประเด็นที่ต้องติดตาม (17 - 20 พ.ย.’58)
17/11/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) - ต.ค. (2) การผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิต - ต.ค.
(3) ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย - พ.ย. (4) เงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติ - ก.ย.
18/11/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง - ต.ค. (2) สต็อกน้ำมัน
19/11/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (2) ดัชนีกิจกรรมการผลิตเขตมิด-แอตแลนติก - พ.ย.
(3) ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ - ต.ค.
20/11/58 : - ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ -
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788