- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 13 November 2015 17:31
- Hits: 2312
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
Fed ใกล้ขึ้นดอกเบี้ยจากตัวเลขตลาดแรงงานแข็งแกร่ง
คาดหุ้นไทยปรับตัวลงวันนี้ ตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐที่แข็งแกร่งอาจนำไปสู่การที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ซึ่งกลบผลบวกของการที่ ECB มีแนวโน้มออกมาตรการกระตุ้นมากขึ้นในเดือน ธ.ค. เช่นกันปัจจัยภายในประเทศวันนี้ไม่ว่าบวกหรือลบ ดูจะมีน้ำหนักน้อยกว่าปัจจัยภายนอกมากไม่ว่าจะเป็นข่าวการซื้อข่าวไทยของสิงคโปร์ หรือ NPL ของธนาคารที่เพิ่มขึ้น
หุ้นเด่นวันนี้ : MINT (ราคาปิด 33.25 บาท; NR; 58TP Bloomberg 33.55 บาท)
บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเติบโตสดใสอย่างมากในปีนี้และมีแนวโน้มดีต่อเนื่องไปในปีหน้า ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 58 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาประเทศไทยเติบโต 28% YoY เป็น 22.1 ล้านคน ถึงแม้จะมีเหตุการณ์ระเบิดบริเวณราชประสงค์เมื่อวันที่ 17 ส.ค. แต่คาดว่า MINT จะยังคงมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในไตรมาส 3/58 เพิ่มขึ้นเป็น 65% ดีขึ้นจาก 55% ในไตรมาส 3/57 และจาก 62% ในไตรมาสก่อนหน้าและเป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการในไตรมาส 3/58 ให้ยังคงปรับตัวดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY เรายังคงมีมุมมองบวกต่อการเติบโตของผลประกอบการในไตรมาส 4/58 และ ไตรมาส 1/59 จากการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของไทยอีกครั้ง นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 30 ต.ค. บริษัทฯ ยังได้ประกาศเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัท Minor DKL Food Group Pty Ltd ซึ่งประกอบธุรกิจร้านอาหารในประเทศออสเตรเลียจากเดิม 50% เป็น 70% ส่งผลให้บริษัทจะเริ่มรับรู้กำไรเพิ่มเติมจากบริษัทดังกล่าวตั้งแต่ไตรมา 4/58 เป็นต้นไป ตามประมาณการจากบลูมเบิร์ก กำไรของ MINT ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 10% และเร่งตัวเป็น 21% ในปี 59 สำหรับ Price Pattern ของ MINT เกิดสัญญาณทั้งในรายวันและรายสัปดาห์ และหากสามารถปิดตลาดรายเดือนในเดือนนี้ที่ 33.00 บาทได้ ก็จะทำให้กลับมาเกิดสัญญาณซื้อในรายเดือนด้วยเช่นกัน ซึ่งบ่งบอกว่า Price Pattern ของ MINT จากนี้ไปน่าจะเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ในระยะสั้น ราคาหุ้นกำลังปรับตัวขึ้นไปเพื่อทดสอบราคาสูงสุดเดิมที่ 34.50 บาท ก่อนจะทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่ 37.50 บาท (แนวต้าน: 33.50, 33.75, 34.00; แนวรับ: 33.00, 32.75, 32.50)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
4 จีราคาสูง หลังเคาะประมูลไป 86 รอบ เป็นเวลาเกือบ 30 ชม. ก็ได้ผู้ชนะการประมูลทั้งหมด 30 MHz บนคลื่น 1800 MHz สองรายคือเอไอเอสข่ายไป 40.99 พัน ลบ. และทรูที่จ่ายไป 39.79 พัน ลบ. สูงกว่าราคาตั้งต้น 158% และ 150% ตามลำดับ (Bangkok Post) ความเห็น: เราคิดว่าผู้ลงทุนกังวลมากเกินไปทำให้เกิดการเทขายหุ้นสื่อสารวานนี้ หลังจากที่รับรู้กันว่าค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตนั้นถูกกว่าค่าตัดจำหน่ายสัมปทานที่หมดอายุไปเสียอีก ก็น่าจะมีแรงหนุนกลับมาได้ เราคงคำแนะนำซื้อ ADVANC แค่ปรับราคาเป้าหมายปี 59 เพียงเล็กน้อยเป็น 266 บาท โดยเราจะออกบทวิเคราะห์ในวันนี้
ขายข้าวไทย-สิงคโปร์ รมว.พาณิชย์กล่าวว่าสิงคโปร์ตกลงที่จะซื้อข้าวหอมมะลิไทย 2.2 หมื่นตันในฤดูเก็บเกี่ยว 58-59 มูลค่า 720 ลบ. และยังมีโอกาสขายข้าวเหนียวเพิ่มเติมอีกด้วย (Bangkok Post) ความเห็น: ปี 57 สิงคโปร์ซื้อข้าวไทยมูลค่า 5.76 พัน ลบ.
NPLs เพิ่มขึ้น หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) เริ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 3/58 จากปัญหาหนี้เสียของ บมจ. สหวิริยาสตีล (SSI) เพิ่มขึ้นเป็น 2.78% จาก 2.38% ในไตรมาส 2/58 และอยู่ในระดับเหนือ 361 พันลบ. NPLs กลุ่มเงินกู้แก่บริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1.98% หรือมาอยู่ที่ 93.1 พันลบ. เพิ่มขึ้นจาก 1.19% หรือที่ 58.4 พันลบ. (Bangkok Post) ความเห็น จากการประเมินการกู้ยืมโดยธนาคารแห่งประเทศไทย 20 บริษัทยังไม่มีกรณีล้มละลายแบบ SSI ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
ททท. คาดลอยกระทงคึกคัก กรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลลอยกระทงอยู่ที่ 3.7 พันลบ. ในช่วง 25 พ.ย. ปีนี้ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า (Bangkok Post)
PTT (283.00 บ.) รายงานผลขาดทุนสุทธิในงวด 3Q58 อยู่ที่ 2.66 หมื่นลบ. พลิกจากผลกำไรสุทธิในงวด 2Q58 ก่อนหน้าที่ 2.37 หมื่นลบ. และกำไรสุทธิในงวด 3Q57 ที่ 2.66 หมื่นลบ. (SET) ความเห็น: ผลขาดทุนสุทธิที่ออกมาสอดคล้องกับประมาณการเฉลี่ยของตลาด (รวบรวมโดย Bloomberg) ที่ขาดทุนสุทธิ 2.54 หมื่นลบ. การหดตัวลงแรงของผลประกอบการมีสาเหตุหลักมาจากการบันทึกขาดทุนด้อยค่าสินทรัพย์จำนวนมากของ PTTEP ที่ได้แจ้งตลาดฯ ไปก่อนหน้านี้ ขณะที่ผลการดำเนินงานธุรกิจหลักของ PTT อ่อนตัวลงเช่นกันจากการลดลงของอัตราการทำกำไรโรงแยกก๊าซฯ หลังจากที่ราคาผลิตภัณฑ์จากโรงแยกปรับตัวลดลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัว นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีปรับตัวลดลงหลักๆ จากผลขาดทุนสต็อก
SAMART รายงานกำไรสุทธิงวด 3Q58 อยู่ที่ 242 ลบ. ลดลง 12% QoQ และ 32% YoY ความเห็น: ออกมาดีกว่า bloomberg consensus คาดไว้ที่ 213 ลบ. หรือ มากกว่า 14%
ต่างประเทศ :
นโยบายทางการเงินที่ตรงข้ามกันระหว่างสหรัฐกับยุโรป อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในยุโรปลดลงเมื่อวันพฤหัสจากสัญญาณของมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจนอกยุโรป ประธานอีซีบี นายมาริโอ ดรากิ เสนอให้มีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุโรป อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในสหรัฐเพิ่มขึ้นหลังจากหนึ่งในคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดได้แย้มว่าอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในเดือนหน้า (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเป็นวันที่สอง เนื่องจากนักลงทุนได้ทำกำไรจากการแข็งค่าในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้เงินสกุลหลักอื่น ๆ ปรับตัวสูงขึ้น ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเทียบกับเงินยูโรและเงินเยนแต่นักวิเคราะห์ยังคงมองว่าในแนวโน้มระยะยาวยังคงเป็นขาขึ้น ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ลดลง 0.49% อยู่ที่ 98.528 จุด เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.57% อยู่ที่ 1.0804 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินเยนอ่อนค่าลง 0.19% อยู่ที่ 122.59 เยน (Reuters)
ราคาพันธบัตรสหรัฐร่วงลง เนื่องจากการขายออกของพันธบัตรเกี่ยวกับพันธบัตรของภาคเอกชนมีมากขึ้นถึงแม้ว่าพันธบัตรอายุ 30 ปี มูลค่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐจะเบาบางลงจากความต้องการสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลง 1/32 และให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 2.3169% (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีหุ้นในตลาดวอลล์สตรีทร่วงลงเมื่อวันพฤหัส มากที่สุดในรอบ 1 เดือน จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลงในหุ้นกลุ่มพลังงานและวัสดุและความเห็นจากหนึ่งในคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดที่แย้มว่าอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายปีจากความกังวลว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอาจจะทำให้ปริมาณน้ำมันสำรองเพิ่มขึ้น (Reuters)
ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐในสัปดาห์ก่อนยังคงอยู่ในระดับเดิมเป็นไปในทางเดียวกับตลาดแรงงานที่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งอาจกระตุ้นให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ตัวเลขดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงโดยอยู่ที่ 276,000 รายในสัปดาห์ก่อน ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ที่ 300,000 รายติดต่อกัน 36 สัปดาห์ ยาวนานที่สุดในช่วงหลายปี นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงอยู่ที่ 270,000 รายในสัปดาห์ก่อน (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปร่วงหนักมากที่สุดใน 6 สัปดาห์ ในวันพฤหัส การที่หุ้นสหรัฐร่วงแรง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังปรับตัวลง และผลประกอบการ บจ.ที่ไม่ค่อยดีที่เพิ่งประกาศออกมา รวมกันฉุดตลาดลง (Reuters)
น่าจะมีมาตรการผ่อนคลายอีกจาก ECB ประธาน ECB กล่าวเน้นในวันพฤหัสถึงความพร้อมของ ECB ที่จะออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มโดยที่สัญญาณเงินเฟ้อล่าสุด ยังอ่อนแอลง มีแนวโน้มจะขยาย QE ออกไปเกินกว่า ก.ย. 2016 หากเงินเฟ้อยังอ่อนตัวเช่นนี้ (Reuters)
เอเชีย :
ญี่ปุ่นวางแผนเพิ่มอัตราการเกิดของประชากร ผ่านนโยบายต่างๆ อาทิ สถานดูแลเลี้ยงเด็กที่เข้าถึงง่ายขึ้น รวมไปถึงภาษีจ่ายที่จะลดลง หลังจากที่ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาพบว่าจำนวนประชากรญี่ปุ่นลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเด็นดังกล่าวนับเป็นหนึ่งในแผนการปฏิรูปเพื่อรับมือกับการเติบโตของเศรษฐกิจที่ชะงักงันอยู่ในปัจจุบัน (Reuters)
กิจกรรมการปล่อยสินเชื่อในระบบการเงินจีนเดือน ต.ค. หดตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน โดยยอดการระดมทุนรวมในประเทศ (Total Social Financing: TSF) เดือน ต.ค. อ้างอิงจากธนาคารกลางจีน (PBOC) ลดลง 63% มาอยู่ที่ 4.767 แสนล้านหยวน นับเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2557 และหดตัวลงจาก 1.3 ล้านล้านหยวนในเดือน ก.ย. ก่อนหน้า (Reuters)
MSCI เตรียมรวมหุ้นบริษัทสัญชาติจีนซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ จำนวน 14 บริษัทเข้าไปในดัชนีตลาดเกิดใหม่เป็นครั้งแรก โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. นี้ นำโดย Alibaba และ Baidu ซึ่งมีมูลค่าตลาดสูงสุด 2 อันดับแรก (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาทองแดงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 6 ปี ทองแดงซึ่งเป็นสินค้าชี้วัดสภาพเศรษฐกิจโลกเนื่องจากใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมได้ร่วงลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 6 ปีดเหลือ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันทะลุจุดต่ำสุดในเดือน ส.ค. (Reuters)
ราคาทองปรับลงจุดต่ำสุดนับแต่ต้นปี 2553 วันพฤหัส แรงกดดันจากคาดการณ์ว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเดือนหน้า ทองคำตลาดจรลดลง 1% มาอยู่ที่ 1,074.26ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จุดต่ำสุด นับแต่ ก.พ. 53 และร่วงติดต่อกันเป็นวันที่ 11 ทองคำตลาดล่วงหน้าส่งมอบ ธ.ค. ลดลง 3.90 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,081.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
ราคาน้ำมันดิบแตะจุดต่ำสุดรอบ 2 เดือนครึ่ง วันพฤหัส จากที่รัฐบาลสหรัฐแถลงว่าสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มมากกว่าตลาดคาด 4 เท่าและ OPEC กล่าวว่าการผลิต ณ ปัจจุบันน่าจะทำให้อุปทานรายวันมากกว่า 5 แสนบาร์เรลในปีหน้า น้ำมันล่วงหน้าสหรัฐลดลง 1.18 ดอลลาร์ (-2.75%) ปิดที่ 41.75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล Brent ลบ 1.79 ดอลลาร์ (-3.9%) ปิดที่ 44.04 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เข้าใกล้จุดต่ำสุดรอบ 6 ปีครึ่งที่ 42.23 ดอลลาร์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094