- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 10 November 2015 17:33
- Hits: 1178
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET เริ่มทรงตัวได้อีกครั้ง จึงยังลุ้นขยับกลับขึ้นหาเป้าหมายอยู่
กลยุทธ์ : ปลายสัปดาห์ที่แล้ว SET เริ่มแกว่งทรงตัวได้ดีขึ้น ทำให้เราคาดว่ายังลุ้นโอกาสแกว่งไต่ระดับขึ้นหาดัชนีเป้าหมายตามพื้นฐานต่อได้ในช่วงท้ายปีนี้ตามคาดเดิม ดังนั้น FSS ยังแนะนำเน้นถือต่อเพื่อรอขายทำกำไรเมื่อเข้าใกล้เป้าหมาย แต่ไม่แนะนำให้ไล่ซื้อช่วงบวกเพราะมีความเสี่ยงสูง
หุ้นเด่นทางเทคนิค : FER, ASIMAR, GFPT(short)
แนวโน้ม : หลังจาก SET พอที่จะแกว่งทรงตัวได้ดีขึ้นบ้างเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ช่วงค่ำตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปก็ยังมีลักษณะทรงตัวด้านบวกได้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือน ต.ค. พุ่งขึ้นมามากกว่าคาด ทำให้นักลงทุนยังมั่นใจเกี่ยวกับการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ แต่ก็เป็นการสนับสนุนมุมมองที่ว่าเฟดจะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกลางเดือน ธ.ค.นี้ค่อนข้างชัดเจน จึงส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังมีจังหวะปรับตัวลดลงอีกกันหลายแห่งแต่ก็มีบางแห่งที่ยังขยับบวกอยู่ รวมทั้งการปรับตัวลงของตลาดหุ้นเอเชียไม่ได้รุนแรงมากนัก โดยคาดว่าตลาดหุ้นส่วนใหญ่ตอบรับโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐภายในปีนี้กันพอควรแล้ว ดังนั้น FSS จึงยังคาดหมายว่า SET จะสามารถแกว่งทรงตัวได้ดีขึ้นเป็นลำดับ จากแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นเป็นรายตัวที่คาดว่าจะมีผลประกอบการรายไตรมาสที่ดี รวมทั้งเก็งกำไรผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในด้านต่างๆ ด้วย และยังลุ้นโอกาสพลิกกลับไปแกว่งบวกขึ้นได้ต่อตามคาด เพื่อขยับขึ้นไปหาระดับดัชนีเป้าหมายตามพื้นฐานของปีนี้ที่ FSS ประเมินไว้แถว 1450 จุดหรือใกล้เคียงได้ตามคาดในช่วงถัดไป
แนวรับ 1400-1398 , 1396-1390 จุด
แนวต้าน 1405-1408 , 1412-1416 จุด
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$434ล้าน ส่วนใหญ่กระแสเงินทุนไหลออกจากไต้หวัน US$452.3ล้าน ตามด้วยเกาหลีใต้ US$59.8 ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไทย US$90.7ล้าน และเวียดนาม US$1.5ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง เมื่อคืนวันศุกร์สหรัฐประกาศตัวเลขการจ้างงานเดือนต.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด เป็นปัจจัยที่จะหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก Fed ซึ่งอาจไม่ส่งผลดีต่อการลงทุนในตลาดภูมิภาคในช่วงนี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) ติดตามการประชุมครม.วันนี้ คาดจะมีการปฏิรูปงบประมาณปี 2560 ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ และอาจมีการเสนอโครงการที่อยู่ใน PPP fast track เพิ่มเติม ขณะที่วานนี้ ITD, STEC, UNIQ, CK, NWR ผ่านคุณสมบัติประมูลโครงการรถไฟทางคู่คลองสิบเก้า-แก่งคอย ซึ่งคาด E-Auction 19-20 พ.ย. ความคืบหน้าของโครงการภาครัฐเป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมา แนะนำ CK (เป้าหมายปีหน้า 33 บาท) เป็น Top pick
(+) J ประกอบธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าภายใต้ชื่อ IT Junction, J Market และ The Jas ณ เดือน มิ.ย. 2015 บริษัทมี 47 โครงการคิดเป็นพื้นที่เช่ารวม 21,250 ตร.ม. และมีแผนขยายพื้นที่เช่าให้มากกว่า 100 สาขาในปี 2019 เราคาดว่ากำไร 2H15 จะสดใสกว่า 1H15 มากเพราะจะมีการเปิดโครงการใหม่ 10 สาขาจากที่ไม่เปิดเลยใน 1H15 ซึ่งรวมถึง The Jas รามอินทราที่มีพื้นที่ให้เช่ากว่า 10,000 ตร.ม. เราคาดกำไรสุทธิปีนี้ +33.8% Y-Y และเร่งตัวขึ้นอีก 41.5% Y-Y ในปี 2016 จากการรับรู้รายได้จาก The Jas รามอินทราเต็มปี และโครงการใหม่ๆ ประเมินราคาเหมาะสมปี 2016 ที่ 5.20 บาท (DCF) (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ J)
(+) ยังคงแนะนำ ADVANC และ INTUCH สำหรับการประมูล 4G พรุ่งนี้ ส่วนเย็นนี้ ADVANC จะประกาศผลประกอบการ เราคาดกำไรสุทธิ 8.59 พันล้านบาท -12.8% Q-Q, -4.1% Y-Y ชะลอชั่วคราวเพราะบริษัทอุดหนุนราคาเครื่องโทรศัพท์มือถือ ผลักดันให้ลูกค้าเปลี่ยนไปใช้เครื่อง 3G แต่คาดกำไรปี 2016 พุ่งแรงสุดในกลุ่ม +31% Y-Y เราแนะนำซื้อ ADVANC (เป้าหมายปีหน้า 310 บาท) และ INTUCH (เป้าปีหน้า 104 บาท) เก็งกำไร COM7 (เป้าปีนี้ 4.50 บาท) เพราะกำไร 3Q-4Q15 อาจดีกว่าคาด และแนะนำซื้อ CSS (เป้าปีหน้า 7.50 บาท) ที่จะได้รับงานติดตั้งเสา 4G มากขึ้นในอนาคต
(0) QH กำไรน่าผิดหวัง ต่ำกว่าเราและตลาดคาด โดยทำได้เพียง 570 ล้านบาท -15% Q-Q, -47% Y-Y จากยอดโอนโครงการแนวราบที่พลาดเป้าโดยเฉพาะบ้านระดับบนที่ลูกค้าชะลอการซื้อ ขณะที่ QH ลดราคาโครงการ Q Twelve ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง เราปรับกำไรปีนี้ลง 22% และปีหน้าลง 10% โดยกำไรปีหน้ายังโต 19% Y-Y ปรับไปใช้เป้าหมายปีหน้าที่ 3.50 บาท (SOTP) ราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนผลประกอบการที่แย่ไปแล้วและให้ Yield 5-6% จึงยังแนะนำซื้อ
(+) LPN แม้กำไรจะผ่านจุดสูงสุดของปีนี้ไปแล้วใน 3Q15 แต่เราคาดกำไรปี 2016 โต 13% Y-Y สูงกว่ากลุ่มที่คาดโตเฉลี่ย 8.5% Y-Y จาก Backlog ที่มีอยู่ 11,724 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 62% ของประมาณการรายได้ของเราในปีหน้า ส่วนที่เหลือจะมาจากการขายโครงการใหม่ซึ่งเชื่อว่าบริษัทจะขายและโอนได้ทัน เราปรับไปใช้เป้าปีหน้าที่ 21.40 บาท (PE 10 เท่า) ปัจจุบันมี PE ปีหน้า 8.2 เท่า และคาด Yield 5-6% ต่อปี ยังคงแนะนำซื้อ
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดบวกเล็กน้อย โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ต.ค. ปรับตัวพุ่งขึ้นมากเกินคาดอาจช่วยหนุนให้ FED ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
(0) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ส่วนใหญ่ปิดในแดนบวกได้หลังตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯดีกว่าที่ตลาดคาดมาก
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้แกว่งทรงตัวยกเว้นตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่บวกได้แรงโดยมีแรงหนุนค่าเงินเยนที่อ่อนค่า
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงหลังตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯดีกว่าคาด โดยล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.70-35.90 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 44.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 0.91 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 7 ปี หลังตัวเลขการจ้างงานออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,087.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 16.50 ดอลลาร์/ออนซ์ จากตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งซึ่งอาจหนุนให้ FED ขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้า ซึ่งเป็นลบต่อราคาทองคำ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
10-พ.ย. - ไทย: Jเริ่มเทรด (ราคา IPO 2.77 บาท)
-จีน:ยอดสินเชื่อเดือน ต.ค.
- ตลาดหุ้นมาเลเซียและสิงคโปร์ ปิดทำการ
11-12 พ.ย. - ตลาดหุ้นอินเดียปิดทำการ
11-พ.ย. - ไทย: SRเริ่มเทรด (ราคา IPO 3.50 บาท), ประมูลคลื่น 1800MHz
- จีน: ยอดค้าปลีก, Industrial Production Fixed asset (ต.ค.)
12-พ.ย. - ไทย: RP เริ่มเทรด (ราคา IPO 12 บาท)
- ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP)ประชุม
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK)ประชุม
13 พ.ย. - รู้ผลหุ้นเข้า-ออกจากการคำนวณ MSCI Semi-annual Index Review
- ฮ่องกง: 3Q15 GDP
- ยูโรโซน: 3Q15 GDP
16 พ.ย. - ไทย:3Q15 GDP, WHABT เริ่มเทรด (ราคา IPO 10 บาท), ครบกำหนดส่งงบการเงิน 3Q15ของบริษัทจดทะเบียนเช้าวันนี้
- ญี่ปุ่น: 3Q15 GDP
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ต.ค.)
17-พ.ย. - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI)ประชุม
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch