- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 09 November 2015 18:06
- Hits: 1214
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +46.90, NASDAQ +19.38, S&P -0.73, FTSE -11.07, CAC +4.11 และ DAX +100.29 ภายใต้ปัจจัยบวกจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ – ต.ค. เพิ่มขึ้น 271,000 ตำแหน่ง (ดีกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่ง) และเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับแต่เดือนธ.ค.’ 57 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% จาก 5.1%เมื่อก.ย. และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง หรือนับแต่เดือนเม.ย.’51 และตัวเลขการจ้างงานดังกล่าวทำให้เพิ่มน้ำหนักต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ที่จะมีการประชุมขึ้นในเดือนหน้า (15 – 16/12/58) ส่งผลให้การปรับขึ้นของดัชนีเป็นไปอย่างจำกัด
.....ทางด้านตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนจากเงินยูโรที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสหรัฐฯ (จากการคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า) ซึ่งส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มส่งออก
.....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$0.91 อยู่ที่ US$44.29 ต่อบาร์เรล ส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยกดดันจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น ขณะที่ยังคงมีความกังวลภาวะอุปทานส่วนเกิน
.....ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$16.5 อยู่ที่ US$1,087.7 ต่อออนซ์ ภายใต้ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ข้างต้น ทำให้คาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุมเดือนหน้า (15 – 16/12/58) รวมถึงปัจจัยกดดันจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +3,249 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -103,875 ล้านบาท (ปี’57 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : คาดยังมีความผันผวน? โดยมีโอกาสปรับขึ้น ภายใต้ปัจจัยหนุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ล่าสุดที่ออกมาดีกว่าคาด แต่อย่างไรก็ตามอาจเกิดความกังวลและเพิ่มน้ำหนักหลังจากนี้ไป ต่อประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในรอบการประชุมครั้งหน้า (15 – 16/12/58) และคาดอาจส่งผลต่อทิศทางของ Fund Flow ไหลออก โดยเฉพาะจากตลาด Emerging Markets ซึ่งอาจทำให้การปรับขึ้นของตลาดเป็นไปอย่างจำกัด และคาดเป็นปัจจัยที่กดดันในช่วงหลังจากนี้ไปจนถึงกลางเดือนหน้า
..ขณะที่ประเด็นในประเทศ แม้ไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ แต่คาดภาพรวมเป็นบวกจาก Fund Flow ภายใต้แรงซื้อสุทธิของต่างชาติ ล่าสุดกว่า 3,200 ล้านบาท ขณะที่คาดอยู่ระหว่างการประกาศผลการดำเนินงาน – 3Q/58 คาดยังมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงกลางเดือนนี้ รวมถึงกสทช. กำหนดเปิดประมูล 4G บนคื่นความถี่ 1800MHz ในวันที่ 11/11/58 (พุธนี้) ที่คาดมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในกลุ่มสื่อสาร อย่างไรก็ตามคาดอาจได้รับปัจจัยลบบ้างจากกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ปรับลดลง
....โดยยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, STEC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 35.84 – 35.86 คาดมีโอกาสอ่อนค่าอีกครั้ง (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TASCO เป็นต้น (5) กลุ่มโรงแรม (MINT, CENTEL) และหุ้นกลุ่มขนส่ง (เช่น AAV, AOT) หลังสถานการณ์การท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้นโดยเฉพาะช่วง High season ในช่วง 4Q/58
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.09 อยู่ที่ 2.33% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.72 อยู่ที่ 14.33
หุ้นแนะนำ : CK
ประเด็นที่ต้องติดตาม (9 - 13 พ.ย.’58)
9/11/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีแนวโน้มการจ้างงาน (ETI) - พ.ย.
10/11/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ราคานำเข้าและส่งออก - ต.ค. (2) ตัวเลขสต็อกสินค้าและยอดค้าส่ง - ก.ย.
11/11/58 : กสทช. กำหนดเปิดประมูล 4G บนคื่นความถี่ 1800MHz
สหรัฐฯ เปิดเผย (1) สต็อกน้ำมัน
12/11/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (2) งบประมาณของรัฐบาลกลาง - ต.ค.
13/11/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) - ต.ค. (2) ยอดค้าปลีก - ต.ค. (3) สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ - ก.ย.
(4) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้น - พ.ย.
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788