- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 09 November 2015 17:54
- Hits: 1132
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ แกว่งในกรอบแคบ 1,410 จุด +/- หุ้นหลักอย่าง PTT / BBL / KBANK ทรงตัวได้ค่อนข้างดี ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็ก มีแรงเก็งกำไรตามประเด็นเฉพาะตัวของหุ้นนั้นๆ แม้ว่าจะเป็นการซื้อขายสุดท้ายของสัปดาห์ก็ตาม ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,414.54 จุด บวกเล็กน้อย 1.38 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41,840 ล้านบาท
สำหรับ การซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยของต่างชาติเป็นวันที่ 3 มากถึง 3,249 ล้านบาท คาดว่าเป็นผลจากการทำ Big Lot หุ้น CPALL มูลค่า 5.1 พันล้านบาท หากหักรายการนี้ ต่างชาติขายสุทธิ 1,851 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
การส่งออกและการนำเข้าเดือนต.ค.ของจีน หดตัวมากกว่าที่ตลาดคาด
ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาดีต่อเนื่อง สร้างโอกาสให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.ขยับขึ้นมาเป็น 68% แต่เป็นประเด็นที่นักลงทุนทั่วโลกรับรู้มาตลอดทั้งปีนี้แล้ว
การประกาศผู้ผ่านการคัดเลือกทางคุณสมบัติ โครงการรถไฟรางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา - คลอง 19 วันนี้
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น "กลาง" วันที่ 8 แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ จะออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์อย่างมีนัยยะสำคัญ กดให้อัตราการว่างงานลงมาแตะที่ 5.0% ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2551 สร้างโอกาสต่อเฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมกลางเดือนธ.ค. เป็นไปได้มากขึ้นก็ตาม แต่นักลงทุนทั่วโลกได้รับรู้ประเด็นนี้มาตลอดทั้งปี และมีการปรับพอร์ตรอบใหญ่ในช่วงเดือนมิ.ย. - ส.ค. ไปแล้วเช่นกัน ดังจะเห็นได้จากราคาสินทรัพย์เสี่ยง อย่างตลาดหุ้น / ราคาน้ำมันดิบ / ทองคำ ปรับฐานลงแรงในช่วงเวลาดังกล่าว
เรากลับมองว่า หากเฟดจะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ถือเป็นสิ่งที่ดี และทำให้ความกังวลต่อประเด็นนี้จะสิ้นสุดลง เพียงแต่เฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ไม่ถึง 25bps ในครั้งนี้ เพราะหากประเมินจากบริบทรอบโลกที่ต่างคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ECB มีโอกาสเพิ่มวงเงิน QE ในการประชุมต้นเดือนธ.ค.นี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ หรือเศรษฐกิจจีนที่ยังเติบโตในระดับต่ำ การขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่มากและต่อเนื่อง อาจกลายเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก และท้ายที่สุดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่นกัน เรามองว่า การขยับขึ้นในรอบนี้จะทำได้เพียง 10-15bps และเว้นวรรคการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไป 2-3 การประชุม เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก่อนขยับอัตราดอกเบี้ยในรอบถัดๆ ไป
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ วันนี้กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จะยังคงเด่น ต่อประเด็นการเปิดเผยรายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือกทางเทคนิค โครงการรถไฟรางคู่ ฉะเชิงเทรา - คลอง 19 ในวันนี้ พร้อมเก็งกำไรต่อการประชุม ครม. ในวันพรุ่งนี้ กระทรวงคมนาคม / กระทรวงการคลัง อาจเสนอโครงการใน PPP Fast Track เข้าที่ประชุม เพื่อพิจารณาและอนุมัติ ได้เช่นกัน
ดังนั้นภาพการลงทุนในวันนี้ เราประเมินว่า SET INDEX แกว่งแคบ 1,405-1,420 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง เพราะนักลงทุนภายในประเทศ อาจกลับมาระมัดระวังต่อกระแสเงินทุนต่างชาติ หลังทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาแข็งค่าอย่างโดดเด่นในวันศุกร์ที่ผ่านมา
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนพิจารณาเข้าเก็งกำไรเป็นรายตัว ที่มีประเด็นเก็งกำไรเฉพาะตัวเป็นทางเลือกในการเล่นรอบสั้น" ต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
Top Pick in 4Q15: BMCL / ITD/ TMB/ TPIPL
HOLD: ITD / TPIPL/ ADVANC/ WHA/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Accumulative Buy: ADVANC/BECL
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
ADVANC : ราคาปิด 228.00 บาท ราคาเหมาะสม 286.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มสื่อสารจะฟื้นตัว หลังนายกออกมายืนยันว่าการประมูลคลื่น 4G ความถี่ 1800MHz ยังคงเดินหน้า และจะมีการประมูลในวันที่ 11 พ.ย.
b) เราคาดว่า ADVANC จะมีโอกาสชนะใบอนุญาตคลื่น 4G ความถี่ 1800 MHz ในวันพุธนี้ จากการเปิดประมูลรวม 2 ใบอนุญาต
c) มีประเด็นบวกรออยู่ในวันที่ 13 พ.ย. เนื่องจากจะมีการประชุมบอร์ด TOT เพื่อพิจารณาแผนร่วมทุนกับภาคเอกชน โดยคาดว่า ADVANC มีโอกาสสูงที่จะได้ร่วมธุรกิจกับ TOT และอาจส่งผลให้ประเด็นข้อพิพาทระหว่าง ADVANC - TOT หาข้อสรุปร่วมกันได้เช่นกัน
d) คาดผลประกอบการ 4Q58 จะฟื้นตัว qoq จากผลบวกตามฤดูกาลซึ่งมีการใช้งานสูง และคาดว่ากำไรสุทธิปี 2559 จะเติบโต +24.0% yoy เป็น 46,433 ล้านบาท
e) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี ราวปีละ 6%
BECL : ราคาปิด 37.50 บาท ราคาเหมาะสม 55.98 บาท*** (อิงราคาเหมาะสมของ BMCL ที่ 2.72 บาท และเทียบกลับเป็นราคาเหมาะสมของ BECL)
a) ราคาหุ้น BECL - BMCL มี Momentum บวกจากความคืบหน้าในการควบรวมกิจการระหว่างกัน หลังได้ผ่านการพิจารณาจากอัยการสูงสุดแล้ว และคาดว่าจะได้รับความเห็นชอบจากครม.ภายในวันที่ 8 ธ.ค.
b) เราคาดว่าขั้นตอนการควบรวมกิจการ BMCL - BECL จะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2558 และเริ่มการซื้อขาย "BEM" ในช่วงต้นปี 2559
c) หากพิจารณาจาก ราคาปิดของ BMCL วานนี้ที่ 1.88 บาท เทียบด้วยอัตราส่วนการสวอปหุ้นที่ 20.6 จะพบว่า ราคาหุ้น BECL ควรจะอยู่ที่ 38.69 บาท แต่ราคาหุ้น BECL ปิดที่ 37.50 บาท ทำให้เกิดโอกาสของการ Pair Trade ระหว่าง 2 หุ้นนี้ได้
d) คงมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทใหม่หลังการควบรวม คือ BEM ซึ่งมีฐานะการเงินแข็งแกร่งและสอดรับกับโอกาสในการเติบโตจากการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชีย กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ US$437 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$168 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
คาดต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยในวันศุกร์ที่ผ่านมา ผลของ Big Lot หุ้น CPALL
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 มากถึง 3,249 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เราตั้งข้อสังเกตว่าเป็นรายการทำ Big Lot หุ้น CPALL มูลค่า 5,100 ล้านบาท หากหักรายการดังกล่าว ต่างชาติ ขายสุทธิ 1,851 ล้านบาท ส่วน YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิสูงกว่า 1.0 แสนล้านบาทเป็นวันที่ 9 เท่ากับ 103,875 ล้านบาท
และ SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 2,414 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 3,830 สัญญา เทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 29,276 สัญญา คาดเป็นการปิดสถานะ Long เพื่อทำกำไรรอบสั้น ส่งผลให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิลดลงเป็น 87,006 สัญญา เมื่อ S50Z15 และ SET50 Index ปิดเหนือ 900 จุด เป็นวันที่ 5 และ S50Z15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 4 กว้างขึ้นเป็น 3.42 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 2.90 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิลดลงเหลือ 26,279 สัญญา
ส่วนตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ แต่ก็เพียง 104 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 1,674 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 3 อีก 0.21bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 1.96bps ปิดที่ 2.642%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเล็กน้อยเป็น 515 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 559 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เน้นลดน้ำหนัก ADVANC / KBANK
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาขายสุทธิ 505 ล้านบาท จาก 3 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,502 ล้านบาท โดยเน้นลดน้ำหนัก ADVANC / KBANK แต่เลือกที่จะพักเงินใน INTUCH สรุปภาพรวมดังต่อไปนี้
1. กลุ่มอาหาร กลับมาถูกซื้อสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 79 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 51 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ขายสุทธิสูงสุด 184 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 136 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 93 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 49 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
การจ้างงานออกมาดีกว่าคาดอย่างมีนัยยะสำคัญ
การจ้างงานนอกภาคการเกษตร เดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.71 แสนตำแหน่ง ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 1.90 แสนตำแหน่ง และเดือนก่อนหน้าที่ 1.37 แสนตำแหน่ง เป็นระดับที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2557
การจ้างงานภาคเอกชน เดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.68 แสนตำแหน่ง ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 1.74 แสนตำแหน่ง และเดือนก่อนหน้าที่ 1.49 แสนตำแหน่ง
อัตราการว่างงานลดลงเป็น 5.0% ในเดือนต.ค. สอดคล้องกับที่ Bloomberg consensus คาดที่ 5.0% แต่ดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 5.1% และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2551
ประธานเฟด Brainard ให้ความกังวลกับเศรษฐกิจโลก: หากเฟดตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และท้ายสุดจะวนกลับมาส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้ภาพของการเติบโตที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ยุโรป
ไม่มี
จีน
ยอดขายรถยนต์ในจีนเดือนต.ค.เติบโตดีสุดในรอบ 7 เดือน: หลังรัฐบาลลดภาษีการซื้อรถยนต์ 5% สำหรับเครื่องขนาด 1.6 ลิตรหรือเล็กกว่า เพื่อกระตุ้นอุปสงค์การซื้อรถยนต์ ยอดสั่งซื้อรถยนต์, SUV และรถสาธารณะ ของดีลเลอร์ค้าปลีก เพิ่มขึ้น 11.3% yoy เป็น 1.85 ล้านคัน เป็นการเพิ่มขึ้นที่ดีสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ส่วนยอดค้าปลีกรถยนต์เพิ่มขึ้น 6.4% yoy เป็น 16.2 ล้านคัน
จีนเตรียมเปิดให้มีการทำ IPO อีกครั้ง: China Securities Regulatory Commission (CSRC) รายงานว่า 28 บริษัท เตรียมยื่นขออนุมัติการทำ IPO หลังจากที่หยุดการรับพิจารณา IPO ชั่วคราว คาดว่า 10 บริษัทแรกจะได้รับการพิจารณาและเริ่มขาย IPO ได้หลังจากวันที่ 20 พ.ย.
ตัวเลขส่งออกเดือนต.ค.หดตัวมากกว่าคาด แต่ดุลการค้าเกิดดุลสูงสุดใหม่
การส่งออกเดือนต.ค. หดตัว 6.9% yoy เป็นการลดลงเดือนที่ 4 ขณะที่ Reuters Poll คาดว่าจะลดลงเพียง 3.0% yoy และหดตัวแรงกว่าเดือนก.ย.ที่ลดลง 3.7% yoy
การนำเข้าเดือนต.ค. หดตัวแรง 18.8% yoy ลดลงแรงกว่า Reuters Poll คาดที่ 16.0% yoy แต่ดีขึ้นจากเดือนก.ย.ที่ -20.4% yoy
ดุลการค้าเดือนต.ค. เกินดุลถึง US$6.164 หมื่นล้าน เป็นระดับสูงสุดใหม่
เอเชียแปซิฟิก
ยอดส่งออกมาเลเซียขยายตัวดีกว่าคาด: เพิ่มขึ้น 8.8% yoy ในเดือน ก.ย. เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 4.1% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาด 3.6% yoy นำโดยการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้น 13.6% yoy แต่การส่งออกปิโตรเลียมและน้ำมันปาล์มหดตัว 10.1% และ 7.3% yoy ตามลำดับ ด้านการนำเข้าเพิ่มขึ้น 9.6% yoy ทำให้ดุลการค้าเกินดุลที่ระดับ 9.69 พันล้านริงกิต
ไทย
ไม่มี
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530