- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 06 November 2015 18:24
- Hits: 1170
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -4.15, NASDAQ -14.74, S&P -2.38, FTSE -47.98, CAC +31.75 และ DAX +42.50 ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างซบเซา โดยอยู่ระหว่างรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร - ต.ค. (ค่ำวันนี้ตามเวลาไทย) ซึ่งคาดเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้หรือไม่ หลังล่าสุดประธานเฟด ส่งสัญญาณชัดเจนในระหว่างการแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร -ต.ค. เพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่ง จากระดับ 142,000 ตำแหน่ง เมื่อก.ย. และคาดอัตราการว่างงาน อยู่ที่ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี หรือนับแต่เม.ย.’51
…..ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผย (1) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ล่าสุดเพิ่มขึ้น 16,000 ราย สู่ระดับ 276,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ก.พ. ที่ผ่านมา และสูงกว่าที่คาดว่าอยู่ที่ 260,000 ราย และ (2) ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตร – 3Q/58 เพิ่มขึ้น 1.6%qoq แต่ชะลอตัวจากที่ปรับตัวขึ้น 3.5%เมื่อ 2Q/58
.....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$1.12 อยู่ที่ US$45.20 ต่อบาร์เรล ภายใต้ความกังวลภาวะอุปทานส่วนเกิน จาก (1) สต็อกน้ำมันดิบล่าสุดของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด (2) ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ ล่าสุดเพิ่มขึ้น 48,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.16 ล้านบาร์เรล/วัน และ (3) ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของโอเปก - ต.ค. เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับแต่ปี’51 และสูงกว่าโควต้าที่โอเปกกำหนดไว้ที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน
.....ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$2.0 อยู่ที่ US$1,104.2 ต่อออนซ์ โดยยังได้รับปัจจัยกดดันจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น และคาดการณ์ว่าเฟด อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นี้
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +660 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -107,124 ล้านบาท (ปี’57 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
(+) ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค - ต.ค. อยู่ที่ 73.4 จาก 72.1 เมื่อก.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ลดลง
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : ผันผวน? คาดมีโอกาสเคลื่อนไหวทั้ง + / - ในกรอบแคบ โดยส่วนใหญ่อยู่ระหว่างรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ (คืนนี้ตามเวลาไทย) เพื่อประเมินทิศทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนหน้า (15 – 16/12/58) อย่างไรก็ตามล่าสุดประธานเฟดส่งสัญญาณชัดเจนว่าอาจจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งคาดจะเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี และคาดอาจส่งผลต่อทิศทางของ Fund Flow ไหลออก โดยเฉพาะจากตลาด Emerging Markets นอกจากนี้คาดยังมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจีนที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้า
…..ขณะที่ประเด็นในประเทศ ภาพรวมยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ ทั้ง + / - โดย (1) Fund Flow ล่าสุดต่างชาติ ซื้อสุทธิ 660 ล้านบาท ขณะที่เงินบาทยังเริ่มมีแนวโน้มอ่อนค่า จากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด (2) การเร่งรัดเปิดประมูลโครงการต่างๆ ที่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ล่าสุด ครม.อยู่ระหว่างพิจารณาแผนลงทุนเร่งด่วนในปี 59 จำนวน 20 โครงการวงเงินลงทุนประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท และ (3) การเก็งกำไรผลประกอบการ – 3Q/58 ถึงกลางเดือนพ.ย. รวมถึงแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมัน +/-
....โดยยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, STEC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 35.56 – 35.58 คาดมีโอกาสอ่อนค่าอีกครั้ง (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TASCO เป็นต้น (5) กลุ่มโรงแรม (MINT, CENTEL) และหุ้นกลุ่มขนส่ง (เช่น AAV, AOT) หลังสถานการณ์การท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้นโดยเฉพาะช่วง High season ในช่วง 4Q/58
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 2.25% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.46 อยู่ที่ 15.05
หุ้นแนะนำ : SMT
ประเด็นที่ต้องติดตาม (6 พ.ย.’58)
6/11/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร - ต.ค.
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788