- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 06 November 2015 18:22
- Hits: 1242
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
กลัว Fed ขึ้นดอกเบี้ย
คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบวันนี้ อาจลงได้เล็กน้อย โดยคาดว่านักลงทุนจะซื้อขายอย่างระมัดระวังก่อนการประกาศตัวเลขการว่าจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่อาจออกมาดีแล้วหนุนให้ Fed ขึ้นดอกเบี้ย ภายในประเทศข่าวความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ช่วยลบความกังวลต่อเศรษฐกิจที่ชะลอ และน่าจะช่วยหนุนตลาดได้บ้าง ในขณะที่ กสทช.ยืนยันประมูล 4G ตามกำหนดช่วยลดความไม่แน่นอนในกลุ่มสื่อสาร
หุ้นเด่นวันนี้ : TCAP (Bt34.75; ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 59 ของ AWS 40.00 บาท)
บมจ.ทุนธนชาต เป็นหุ้นเด่นในวันนี้ของเรา เนื่องจากบริษัทมีการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าธนาคารอื่นๆจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น แต่ TCAP เปิดเผยในงานประชุมนักวิเคราะห์ที่จัดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ของธนาคารอยู่ในทิศทางที่ลดลงที่ 3.54% ในไตรมาส 3/58 จาก 3.76% ในไตรมาส 2/58 ธนาคารยังคาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมจะลดลงต่ำกว่า 3.0% ในปี 2559 นอกจากนั้น TCAP ยังได้รับประโยชน์จากภาษีมูลค่าประมาณ 5 พันล้านบาท ซึ่งธนาคารสามารถใช้ในการตั้งสำรองและทำให้ coverage ratio ดีขึ้น ธนาคารยังตั้งเป้าที่จะกระจายความเสี่ยงสินเชื่อโดยการลดสัดส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (HP) และเน้นกลุ่มเป้าหมายอื่นมากขึ้น ตัวอย่างเช่น กลุ่มลูกค้ารายย่อย เราคาดกำไรสุทธิปี 58 และ 59 เติบโต ที่ 8.15% และ 12.27% ตามลำดับ นอกจากนี้จุดเด่นของหุ้นคือมีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงที่ 5.6% Price Pattern ของ TCAP จากนี้ไปน่าจะเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ในระยะสั้น ราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นไปเพื่อทดสอบเป้าหมายแรกที่ 36.25 บาท ก่อนทดสอบเป้าหมายเป้าหมายถัดไปที่ 38.75 บาท (แนวต้าน: 35.25, 36.00, 36.50; แนวรับ: 34.25, 33.75, 33.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัว ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือนเป็น 73.4 จุดจาก 72.1 ในเดือน ก.ย. สะท้อนแนวโน้มเชิงบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นในปลายปีนี้ถึงปีหน้า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลยังคงฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและแต่ละภาคอุสาหกรรม ส่งผลให้ผู้บริโภคเริ่มมองบวกที่จะใช้เงินเพื่อซื้อสินค้าคงทนและท่องเที่ยว (The Nation)
เดินหน้าสร้างความมั่นคงก๊าซธรรมชาติให้กับประเทศ หลังจากที่กฟผ. ระบุว่าโรงไฟฟ้าในภาคตะวันตกจำนวนมากมีการพึ่งพิงก๊าซฯ จากพม่าเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาก๊าซฯ หยุดชะงักจากทางพม่าบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมาทั้งจากการหยุดซ่อมบำรุงของแหล่งก๊าซฯ รวมถึงเหตุการณ์ที่ไม่ได้อยู่ในความคาดหมาย ซึ่งประเด็นดังกล่าวส่งผลกระทบในเชิงลบต่อโรงไฟฟ้าและอุตสาหกรรมก๊าซฯ ในประเทศ ทั้งนี้ปัจจุบัน PTT กำลังอยู่ในระหว่างการขยายท่ารับ LNG เป็นสองเท่าภายในปี 2560 และกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและก่อสร้างท่อส่งก๊าซที่ครอบคลุมภาคตะวันตกถึงภาคตะวันออกเพื่อให้สามารถบริการจัดการแหล่งก๊าซฯ จากทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างครบวงจร และสร้างเถียรภาพทางด้านพลังงานให้กับประเทศ (The Nation)
กสทช. มั่นใจเดินหน้าประมูลใบอนุญาต 4 จี 1800 และ 900 เมกะเฮิร์ตซ์ได้ ตามกำหนดเดิมคือ 11 พ.ย. และ 15 ธ.ค. ตามลำดับแม้ว่า กสท.จะยื่นฟ้องการประมูลก็ตาม รองนายกฯ วิษณุยังเร่งให้ กสทช.เดินหน้าประมูลด้วย เลขาธิการ กสทช.ระบุถึงมติคณะกรรมการจัดสรรคลื่นความถี่ที่ยุติไปแล้วได้มีการกำหนดให้คลื่นความถี่นั้นหมดอายุในเดียววันเดียวกับเมื่อสัมปทานหมดอายุ (The Nation, Bangkok Post) ความเห็น: แม้ว่าจะมีประเด็นเข้ามาเพิ่มความเสี่ยงให้แก่การประมูล แต่เราเชื่อว่าการประมูลจะยังเดินหน้าตามที่กำหนดไว้ และน่าจะเป็นประโยชน์ต่อ ADVANC (230 บาท ราคาเป้าหมาย 271 บาท) มากที่สุด ขณะที่ DTAC (62.50 บาท ราคาเป้าหมาย 62.50 บาท) น่าจะได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นด้าน 4จี
ทีโอทีและ ADVANC บรรลุข้อตกลงเสาโทรคม โดยจะเป็นการเช่าเสา 13,000 ต้นระยะยาว ก่อนหน้านี้ ADVANC เคยยื่นเสนอโมเดลการร่วมทุนบริหารเสา แต่ บมจ.ทีโอทีไม่ยอมรับโดยยืนยันว่าเสาเป็นของทีโอที ในที่สุด ADVANC จึงยอมถอนข้อพิพาทออกจากอนุญาโตตุลาการและตกลงเช่าระยะยาวแทน (The Nation) ความเห็น: เราเห็นว่าเป็นแนวทางที่ดีที่ ADVANC จะเอาใจทีโอที ไม่เพียงแค่ได้ครอบครองเครือข่ายความครอบคลุมเดิมไว้กับตัวเองได้อยู่เหมือนเดิมแล้ว ยังเพิ่มโอกาสให้ทีโอทีเลือก ADVANC เป็นพันธมิตรในการบริหารคลื่น 2.1 กิกะเฮิร์ตซ์ของทีโอที (และอาจจะรวมถึงคลื่น 2.3 กิกะเฮิร์ตซ์ด้วย)
BECL แจ้งแก่ตลาดหลักทรัพย์ว่า ร่างสัญญาสัมปทานโครงการต่างๆ ที่บริษัทและ BMCL เป็นคู่สัญญาได้ผ่านการพิจารณาจากสำนักอัยการสูงสุดแล้วและอยู่ระหว่างเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน8 ธ.ค. 58 การประชุมร่วมกันระหว่างผู้ถือหุ้น BECL และ BMCL จะมีขึ้นในวันที่ 28 ธ.ค.58 (XM 19 พ.ย.) และกำหนดวันที่ 23 ธ.ค.58 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการได้รับจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ โดยหุ้น BMCL และ BECL จะขึ้นเครื่องหมายพักการซื้อขายระหว่างวันที่ 21-30 ธ.ค. 58 ดังนั้นวันซื้อขายได้วันสุดท้ายคือ 18 ธ.ค.58 (SET)
ต่างประเทศ :
รายงานการจ้างงานสหรัฐ นักลงทุนจับตารายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะประกาศในวันนี้เพื่อพิจารณาว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. หรือไม่ จากผลสำรวจของรอยเตอร์ส การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ 139,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.และก.ย. อัตราการว่างงานคาดว่าจะอยู่ที่ 5.1% (Reuters)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีครึ่งเมื่อวันพฤหัสจากความคาดหวังมากขึ้นว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาวเพิ่มขึ้นเช่นกันจากหุ้นกู้ของภาคเอกชนที่ออกใหม่ (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีหุ้นในตลาดวอลล์สตรีทขยับตัวลงเมื่อวันพฤหัส ถูกกดลงจากหุ้นกลุ่มพลังงานและจากผลประกอบการของกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเฮ้ลท์แคร์ที่ออกมาทั้งเป็นบวกและลบซึ่งประกาศก่อนหน้ารายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเพียง 1 วัน หุ้นกลุ่มพลังงานนำตลาดลงเนื่องจากราคาน้ำมันดิบลดลง บริษัท Qualcomm และ Biotech Celgene ประกาศประมาณการกำไรและผลการดำเนินงานที่น่าผิดหวังตามลำดับ ส่วนเฟซบุ๊กรายงานผลการดำเนินงานรายไตรมาสที่แข็งแกร่ง (Reuters)
กลุ่มไบโอเทคได้รับผลกระทบจากการตรวจสอบ วุฒิสภาเริ่มการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการขึ้นราคายาเมื่อวันพุธ หาเอกสารจากบริษัทผู้ผลิตยา 4 บริษัทรวมทั้ง Valeant Pharmaceuticals การกระทำดังกล่าวกระทบต่อหุ้นทั้งหมดในกลุ่มไบไอเทค(Reuters)
ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 8 เดือน แต่ยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ตัวเลขเบื้องต้นของผู้รับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น 16,000 ราย อยู่ที่ 276,000 รายในสัปดาห์ก่อน เป็นการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับแต่ปลายเดือนก.พ. อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวเป็นสัปดาห์ที่ 35 ติดต่อกันที่ต่ำกว่า ระดับที่ 300,000 รายซึ่งแสดงว่าตลาดนัดแรงงานมีความแข็งแกร่ง (Reuters)
ผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.6% ในไตรมาส 3/58 หลังจากปรับตัวขึ้น 3.5% ในไตรมาส 2/58 (ตัวเลขปรับปรุงแล้ว) ผลผลิตอุตสาหกรรมเติบโตรวดเร็วมากที่สุดในรอบ 4 ปี นำโดยกลุ่มสินค้าคงทน นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะลดลง 0.2% ในไตรมาส 3/58 ถึงแม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจในไตรมาส 3/58 แต่แนวโน้มการเพิ่มผลผลิตยังคงอ่อนแอ ผลผลิตในช่วง 9 เดือนของปี 58 เพิ่มขึ้นเพียง 0.4% YoY ซึ่งชะลอตัวจาก 0.8% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 58 (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปขยับขึ้นเล็กน้อยในวันพฤหัส ด้วยผลประกอบการแข็งแกร่งจาก Adidas และ Societe Generale ในขณะที่หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า(Reuters)
ผลประกอบการไตรมาส 3 มีทั้งดีและไม่ดีพอๆกัน ผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นยุโรปที่ประกาศออกแล้วราว 60% ครึ่งหนึ่งดีกว่าหรือเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดที่เหลือต่ำกว่าคาดจาก Reuters (Reuters)
เอเชีย :
คณะกรรมการ BOJ หลายคนเตือน ผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างยาวนานของเศรษฐกิจเกิดใหม่ ที่จะมีต่อการส่งออกของญี่ปุ่น แม้ว่า คณะกรรมการ BOJ จะลงมติไม่ออกมาตรการกระตุ้นทางการเงินเพิ่มเติมในการประชุมเมื่อวันที่ 6-7 ต.ค. (Reuters)
หุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ พุ่งต่อเมื่อวาน หลังจากนักลงทุนแห่ซื้อหุ้นขนาดใหญ่ ทำให้ปริมาณการซื้อขายทำจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือน ทั้งนี้ทั้งนั้นเกิดจากแผนของรัฐบาลที่จะปฏิรูปรัฐวิสาหกิจมากยิ่งขึ้น และเริ่มมีสัญญาการฟื้นตัวในเศรษฐกิจจีน (Reuters)
ความต้องการซื้อทองคำในจีน มีแนวโน้มลดลงในระยะยาว จากการที่จีนจะปล่อยให้เงินหยวนซื้อขายได้อย่างเสรี ซึ่งจะทำให้คนจีนสามารถเข้าถึงการลงทุนในต่างประเทศได้โดยตรง ปัจจุบันคนจีนสามัญชนไม่อาจลงทุนโดยตรงในพันธบัตร หุ้น และอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศได้ แต่ต้องซื้อผ่านโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาล 6 แห่งเท่านั้น ชาวจีนสามารถซื้อขายทองแต่ต้องถือไว้ห้ามส่งออก การซื้อหุ้นของชาวจีนถือเป็นหนึ่งใน 5 ของปริมาณการซื้อขายทองคำทั่วโลก (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาทองคำเมื่อวันพฤหัสบดีปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าทำระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน และยังมีโอกาสที่ราคาทองคำจะอ่อนตัวลงได้อีกหลังจากที่ Fed เปิดประตูโอกาสที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในเดือน ธ.ค. นี้ โดยราคาทองคำตลาดจรปรับตัวลดลง 0.2% มาอยู่ที่ 1,105 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้าส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับตัวลดลง 0.2% มาอยู่ที่ 1,104.20 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ (Reuters)
ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าสหรัฐฯ อ่อนตัวลงเล็กน้อย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ทรงตัว ตามมุมมองของตลาดที่มีต่อสถานการณ์น้ำมันดิบที่ Oversupply ก่อนที่ราคาจะมีการฟื้นตัวในช่วงท้ายตลาดจาก Sentiment ของ Wall Street ที่ฟื้นตัวดีขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ล่วงหน้าปรับตัวลดลง 0.30 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 46.02 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าปรับตัวลดลง 0.10 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 48.68 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094