- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 05 November 2015 18:00
- Hits: 4675
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'น้ำมันกลับร่วง-เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ย'
Fundamental Pick -Today: TIPCO(ดูรายละเอียดในหน้า 3)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, AP, QH, SPALI, SNC, MODERN, TCAP, TISCO, TMT, BTSGIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : THAI 29% KBANK 10% PS 8% DTAC 6% SCB 6%
Technical View ภาพตลาดเปลี่ยนเป็นบวก มีโอกาสแกว่งแบบรีบาวน์ก่อน แล้วจึงลงต่ำได้ เน้นซื้อ "ค่าบวก" เท่านั้น หากต่ำกว่า 1410 จะไม่ดี
Support Resistance แนวตัดขาดทุน
SET ซื้อค่าบวก 1430-1440 1410
SET50 ซื้อค่าบวก 930-940 910
Technical Picks- Today : MTLS, S, INTUCH, SAWAD,FSMART, KAMART, KKC, SST
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TCAP (ปรับจากถือเป็น ซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index วันพุธปิดตลาดปรับตัวขึ้นดี +10.80 จุด ที่ระดับ 1423.42 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 41.7 พันล้านบาท หลักทรัพย์กลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นโดดเด่น หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้นดี PTT เพิ่มถึง 4% ส่วนสื่อสารหุ้นมือถือไม่ปรับลง แม้มีข่าวสหภาพแรงงานทีโอที และกสท.จะฟ้องร้องศาลปกครองให้ยุติประมูล 4G สำหรับคลื่น 900 MHz มีเพียงนักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ขายสุทธิรายเดียว ส่วนที่เหลือคือ สถาบัน ต่างชาติและพอร์ตโบรกเกอร์เป็นผู้ซื้อสุทธิ โดยสถาบันซื้อสุทธิมากสุดที่ 2 พันล้านบาท
วันนี้ปัจจัยที่เด่นคือ ราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวสูงขึ้นเมื่อวันอังคาร แต่วานนี้กลับมาร่วงแรง รวมทั้งเฟดส่งสัญญาณอาจปรับขึ้นดอกเบี้ย ธ.ค.58 นี้ อาจนำมาซึ่งแรงขายทำกำไรได้ในวันนี้ วันนี้จับตาหุ้นกลุ่มพลังงานและดัชนีฯ ว่าจะได้รับผลกระทบเพียงไร ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เป็น Highlights คือ การจ้างงานนอกภาคาการเกษตรในวันศุกร์นี้ ส่วนยุโรปยังดีอยู่ในเรื่อง ECB เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป และจีน-ฮ่องกง จะมีการเชื่อมตลาดหุ้นกัน ด้านปัจจัยในประเทศ ติดตามความคืบหน้าการประมูล 4G ทางสหภาพแรงงานของทีโอทีและกสท.จะยื่นฟ้องคุ้มครองต่อศาลปกครอง และกนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำไว้ อันเป็นไปตามคาด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยต่อไป นักลงทุนยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจทั้งสหรัฐฯและไทยต่อไปอีกรวมทั้งผลประกอบการ 3Q58 ที่จะมีเส้นตาย กลาง พ.ย.58 อาจมีการเก็งกำไรเม็ดเงิน LTF และ RMF ซึ่งเหลือแค่ 2 เดือนแล้ว ทั้งนี้ภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังชะลอตัวลงยังคอยกดดันดัชนีฯอยู่ไม่ให้ไปได้สูง กลยุทธ์จึงยังคงเป็นการเลือกซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีหรือมีข่าวดีที่สามารถเก็งกำไรในรอบสั้นๆได้ (Selective Buy) และไม่หวังอัตราผลตอบแทนที่สูงมาก คือทยอยขายทำกำไรเมื่อได้อัตราผลตอบแทนที่ตั้งไว้ ซึ่งหุ้นพื้นฐานที่น่าสนใจแนะนำวันนี้เป็น TIPCO
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดมีสัญญาณ Candlestick & Indicators กลับมาเป็นบวก ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้มีโอกาสรีบาวน์ในระยะสั้นก่อน แล้วจึงลงต่ำตามมาได้ การซื้อใหม่ก็แนะนำให้ตามด้วยค่าบวกเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย แนวต้านระยะสั้น 1430-1440 จุด แนวตัดขาดทุนเป็น 1410 สำหรับหุ้นที่ทำการ SCAN มาพบว่าหุ้นที่มีโอกาสทำ New High และน่าสนใจคือ S, KKC, SST และ APCS ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน LIST ได้แก่ BCP, SCN, DCC, QTC, GUNKUL, TRC และ TOG ส่วนหุ้นที่ควรหาจังหวะขายทำกำไรคือ ANAN, COM7, MTLS และ BEAUTY
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
-เยลเลนแถลงการณ์อาจปรับขึ้นดอกเบี้ย ธ.ค.58 นี้ นางเยลเลนแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 ธ.ค. เงื่อนไขคือ หากเศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงขยายตัวในอัตราที่เพียงพอต่อการสร้างความคืบหน้าในตลาดแรงงาน และช่วยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ในระยะกลาง และหากข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดได้รับให้การสนับสนุนการคาดการณ์ดังกล่าว ก็มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า แต่ยังไม่ได้ทำการตัดสินใจใดๆในเรื่องนี้
สหรัฐ: เน้นตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร ประกาศศุกร์นี้ สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. ซึ่งคาดว่าจะเป็น Highlights ที่เฟดใช้ตัวเลขนี้มากในการพิจารณาขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ผลการสำรวจของนักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.จะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่ง จากระดับ 142,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2008
+ สหรัฐ: ตัวเลข ADP และ ISM ออกมาดี ผลการสำรวจของออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 182,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ภาคบริการของสหรัฐมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือนต.ค. ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของ ISM เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 59.1% ในเดือนต.ค. จากระดับ 56.9% ในเดือนก.ย.
+ ยุโรป: ECB ประกาศพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจยุโรป นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศความพร้อมที่จะใช้นโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจยูโรโซน ก่อนหน้านายมาริโอ ย้ำว่าอาจตัดสินใจขยายเวลาการใช้มาตรการ QE ให้นานกว่าเดือนก.ย.2016 ที่กำหนดไว้ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของยูโรโซน และหนุนให้อัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้ระดับ 2%
+/ จีน& ฮ่องกง: ติดตามข่าวเชื่อมโยงตลาดหุ้นทั้งสองประเทศ นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน เปิดเผยในบทความที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของธนาคารว่า การเชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างตลาดหุ้นเสิ่นเจิ้นและตลาดหุ้นฮ่องกงจะมีขึ้นภายในสิ้นปีนี้ แม้ว่าฮ่องกง เอ็กซ์เชนจ์ แอนด์ เคลียริ่ง ลิมิเต็ด (HKEx) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการตลาดหุ้นฮ่องกง เปิดเผยวานนี้ว่า ยังไม่มีการทำข้อตกลงใดๆในการเชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างตลาดหุ้นเสิ่นเจิ้นและฮ่องกง
- น้ำมันกลับมาปรับตัวลง หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.85 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 482.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล
- ทั้ง NYMEX และ BRENT ลงมากกว่า 3% สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.58 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 46.32 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 1.96 ดอลลาร์ หรือ 3.9% ปิดที่ 48.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ดาวโจนส์ร่วงจากแถลงการณ์เฟด ที่อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,867.58 จุด ลดลง 50.57 จุด หรือ -0.28% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,142.48 จุด ลดลง 2.65 จุด หรือ -0.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,102.31 จุด ลดลง 7.48 จุด หรือ -0.35%
- ทองคำร่วง หันไปเก็งกำไรดอลลาร์ที่แข็งค่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 7.9 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ระดับ 1,106.2 ดอลลาร์/ออนซ์
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามต่อไป วันพฤหัสบดี ทางการสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และประสิทธิภาพการผลิต-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้นในไตรมาส 3/2558 ส่วนวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. และสินเชื่อผู้บริโภคเดือนก.ย.
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
+ รองนายกฯ สมคิด เน้นปฏิรูปเศรษฐกิจสร้างฐานแกร่ง ในงานสัมมนา "THAILAND 2016 อนาคตเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน" ว่าสิ่งที่รัฐบาลเน้นมากที่สุดในขณะนี้คือการทำพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศให้มีความแข็งแรง ต้องมีการขับเคลื่อนฐานรากกันเอง โดยรัฐบาลจะเน้นการจัดทำงบประมาณจากฐานแนวดิ่ง คือเน้นการพัฒนาจากฐานรากระดับหมู่บ้าน ตำบลมาสู่จังหวัด ขณะที่การทำจากแนวราบจะใช้กองทุนหมู่บ้านเป็นแกนหลัก เชื่อว่าจะมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างมาก
+ เลขาฯกสทช. มั่นใจ 99.99% การประมูล 4 จีเกิดแน่ คาดมกราคมปีหน้าได้ใช้ ดันไทยแซงหน้ามาเลย์ไอซีทีอาเซียน ด้านผู้เชี่ยวชาญย้ำผลดีต่อการสื่อสารทุกด้าน คาดเอไอเอสทุ่มหมดหน้าตักด้วยฐานผู้ใช้ในมือกว่า 40 ล้านราย ในขณะที่เจ้าอื่นๆ คือ TRUE, DTAC และ JAS ต้องการสูง เลขาฯมั่นใจงานนี้แข่งสูงแต่ไม่มีฮั้วประมูล
/- สหภาพแรงงาน ทีโอทีและกสท.จะยื่นฟ้องศาลฯประมูล 4G สำหรับคลื่น 900 MHz ซึ่งประเด็นนี้ต้องติดตามว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการเปิดประมูลในวันที่ 15 ธ.ค.58 นี้หรือไม่ เพราะจะมีผลกับหลักทรัพย์ที่จะเข้าร่วมประมูล โดยเฉพาะ ADVANC ที่ต้องการคลื่นไปให้บริการ 3G และ 4G ก็ขึ้นกับศาลปกครองว่าจะมีคำสั่งให้มีการคุ้มครองหรือไม่ แต่ในปัจจุบันถือว่า กสทช.มีอำนาจในการเปิดประมูล จึงมีแนวโน้มว่าการเปิดประมูลจะยังคงดำเนินต่อไปได้
กนง.คงอัตราดอกเบี้ยเป็นไปใปตามคาด โดยมีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50% เนื่องจากเห็นว่านโยบายการเงินยังควรอยู่ในระดับผ่อนปรนอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง และจะติดตามผลจากมาตรการการทางการคลังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาวะการเงินในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด โดยพร้อมใช้เครื่องมือเชิงนโยบายที่มีอยู่อย่างเหมาะสมแพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ
/-มัลดีฟส์ประกาศภาวะฉุกเฉิน แต่ยังไม่กระทบการท่องเที่ยว ประเทศสาธารณรัฐมัลดีฟส์ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 30 วัน นับตั้งแต่ 12:00 น.วานนี้ หลังมีการพบอุปกรณ์ระเบิดในสถานที่จอดรถยนต์ใกล้บ้านประธานาธิบดี แต่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ มัลดีฟส์ชี้แจงว่าจะไม่กระทบกับการท่องเที่ยว เหตุการณ์ในประเทศยังสงบและอยู่ในภาวะปกติ
ความเห็น: หลักทรัพย์ที่ทำธุรกิจโรงแรมที่มัลดีฟส์ คือ CENTEL แต่เราคาดว่าจะเป็นแค่จิตวิทยาทางลบ แต่ไม่กระทบปัจจัยพื้นฐาน เพราะประเทศยังสงบอยู่ เพียงแต่ต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปว่าจะลุกลามรุนแรงหรือไม่ ทั้งนี้รายได้จากโรงแรมที่มัลดีฟส์เป็นสัดส่วนประมาณ 9% จากรายได้ทั้งหมด
ติตตามผลประกอบการ 3Q58 ที่ทยอยประกาศ จากก่อนหน้าที่ถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในเรื่องการตั้งสำรองหนี้ที่มาก ตามคุณภาพสินทรัพย์ที่ด้อยลงและกลุ่มพลังงานที่โดนกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ทำให้มีการตั้งสำรองการด้อยค่าของสินทรัพย์เช่นกัน แต่ตลาดฯก็รับรู้ไประดับหนึ่งแล้ว อีกทั้ง 4Q58 ก็จะตั้งสำรองไม่รุนแรงแล้ว รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสด ช่วงนี้จะเป็นกลุ่มวัสดุก่อสร้างและพลังงานที่ทยอยประกาศออกมา
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา
[email protected]
ข่าวอุตสาหกรรมและหุ้นเด่น
# Fundamental Pick Today: TIPCO (ราคาปิด 22.80 บาท, ราคาพื้นฐาน 25.16 บาท) (Upside 10%) (เดิม 24.50 บาท)
ราคาพื้นฐานปรับเพิ่มตามราคาหุ้น TASCO
ราคาหุ้น TASCO แข็งแกร่งมาก ล่าสุดเป็น 43.25 บาท หาก TIPCO ขายหุ้นทั้งหมดใน TASCO จะได้รับกำไรหลังภาษีมากเป็น 11.2 พันล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหนึ่งหุ้น TIPCO ที่ 23.21 บาท ดังนั้นการซื้อหุ้น TIPCO ตอนนี้เท่ากับได้มาฟรี เพราะกำไรแฝงจาก TASCO ต่อหนึ่งหุ้น TIPCO นั้นสูงกว่าราคาปิดของ TIPCO เสียอีก
และเมื่อนำกำรแฝง TASCO ไปปรับปรุงกับมูลค่าหุ้นทางบัญชีของ TIPCO ณ สิ้น 2Q58 ที่ 6.22 บาท จะได้มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นหลังปรับปรุงสูงเป็น 29.43 บาท
แนะนำ ซื้อเก็งกำไร หากเราประเมินมูลค่าเหมาะสม TIPCO ด้วย P/BV ที่ระดับ 0.9 เท่า ด้วยมูลค่าหุ้นทางบัญชีหลังปรับปรุง (Adjusted Book Value) ที่ 29.43 บาท รวมทั้งคิดส่วนลด 5% ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทโฮลดิ้งส์จะซื้อด้วยส่วนลด จะได้ราคาพื้นฐานที่ 25.16 บาท ซึ่งเทียบเท่า P/E ปี 58 ที่เพียง 8.9 เท่า และหากนำไปเทียบกับ P/E เฉลี่ยกลุ่มอาหารปัจจุบันซื้อขายที่ 19 เท่า จึงถือว่าราคาพื้นฐานนั้นยังอนุรักษ์นิยมอยู่มาก
ด้าน TASCO เองก็มี upside risk อีก คือ หากประกาศผลประกอบการ 3Q58 ออกมาสูงกว่าคาด ก็อาจจะทำให้มีการปรับประมาณการและราคาพื้นฐานได้อีก TIPCO ก็จะดีไปด้วย และยังมีประเด็นบวกจากอินโดนีเซียที่มีความต้องการยางมะตอยมากในการเตรียมเป็นเจ้าภาพเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ในปี 2561 นอกจากนี้การที่ TASCO มี Vision เป็น Global Player ในอุตสาหกรรมยางมะตอย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อนาคตจะมีการทำ M&A หรือเป็นพันธมิตรกับกิจการขนาดใหญ่ในระยะกลางถึงยาว
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา
[email protected]
#Turnover List Watch: คาด AJD, LPH และ SAWAD-W1 เข้าเกณฑ์ใช้ Cash balance สัปดาห์หน้า
จากการประเมิน เราคาดว่า AJD, LPH และ SAWAD-W1 เข้าเกณฑ์การใช้ Cash Balance สัปดาห์หน้าแล้ว ซึ่งมีอายุการใช้เป็นเวลาถึง 6 สัปดาห์ แม้ยังเหลือเวลาเก็บข้อมูลอีก 1 วันก็ตาม
ส่วนหลักทรัพย์ที่หมดเวลาการใช้ Cash Balance และกลับมาใช้มาร์จิ้นได้ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามแล้วแต่ตลาดฯว่าจะกลับมาขยายเวลาให้ใช้ Cash Balance หรือไม่ได้แก่ AJ, FER, FER-W1, GENCO, GENCO-W1,TAKUNI, THE, TTA-W5 ซึ่งอยู่ในระดับที่ 1 ทั้งหมด
# GL: คาดมี 2 ปัจจัยบวก เสริมราคาหุ้น
วานนี้ราคาหุ้น GL ปรับตัวขึ้นดีมากถึง 19.9% ปิดที่ 16.30 บาท ท่ามกลางการซื้อขายหนาแน่นถึง 541 ล้านบาท
เราวิเคราะห์แล้วพบว่าระยะนี้มี 2 ปัจจัยบวกคือ 1) กำไร 3Q58 ที่ใกล้จะประกาศนั้นดีมาก แม้ปกติ 3Q58 เป็น Low Season เพราะเป็นฤดูฝน ผลพวงจากกิจการต่างประเทศคือ กัมพูชาและลาวมีผลกำไรที่สูง และ 2) บริษัทจะมีแหล่งเงินทุนมาใช้ดำเนินธุรกิจใน 4Q58 อีกถึง 2.2 พันล้านบาท
นั่นคือ คาดการณ์กำไร 3Q58 ทำสถิติสูงสุดที่ 148 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดถึง 3,758% y-o-y และ 15% q-o-q อีกทั้ง 4Q58 จะยิ่งดี เพราะเป็น High Season ส่วนเงินทุนที่จะได้รับคือ คาดว่าจะมีการแปลง GL-W3 ได้เงินมา 1.25 พันล้านบาท และมีหุ้นกู้แปลงสภาพที่จะแปลงเข้ามาได้เงินอีก 980 ล้านบาท
ด้าน GL-W3 ได้ซื้อขายวันสุดท้ายไปแล้วเมื่อ 3 พ.ย.58 ที่ผ่านมา หากพิจารณาต้นทุนเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3.12-3.86 บาท เมื่อรวมกับราคาใช้สิทธิ์ 10 บาท ก็จะต่ำกว่าราคาหุ้นในปัจจุบัน ในอนาคตอาจมีแรงขาย (Selling pressure) เมื่อหุ้นที่เกิดจากการแปลงวอร์แรนท์ล็อตสุดท้ายเข้าซื้อขาย แต่คาดว่าจะยังไม่เกิดขึ้นเร็ว ทางบริษัทต้องไปจดทะเบียนหุ้นที่เพิ่มกับ ก.พาณิชย์ให้แล้วเสร็จก่อน อีกทั้งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐาน
ล่าสุดตลาดให้หุ้นที่เกิดจากการแปลง GL-W3 เมื่อปลายต.ค.58 เข้าซื้อขายจำนวน 23 ล้านหุ้น ในวันศุกร์ที่ 6 พ.ย.นี้ คิดเป็น 1.7% จากหุ้นทั้งหมด จึงอาจมีแรงขายอยู่บ้าง
คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐาน 21.00 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/BV ปี 58 ที่ 3.4 เท่า ตาม Gordon Model เราคาดว่าอัตราการเติบโตกำไร CAGR ของกำไรต่อหุ้นระหว่างปี 57-60 จะสูงถึง 87% ต่อปี
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา
[email protected]