- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 02 July 2014 21:05
- Hits: 2482
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET บวกต่อได้ดีจึงเน้นถือต่อเนื่องได้ แต่ต้องระวังผันผวน..ให้รอซื้อลบ
กลยุทธ์ : SET ยังค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมาได้ดี ซึ่ง FSS ยังคาดหมายว่าดัชนีจะสามารถขยับขึ้นไปถึงแนวต้านเป้าหมายทางเทคนิคที่บริเวณ 1500-1520 จุดได้ตามคาด ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้เน้นเป็นถือต่อเนื่องได้เช่นเดิม อย่างไรก็ตามตลาดขยับขึ้นมาค่อนข้างเร็ว และมีแรงขายทำกำไรออกมากดดันพอควร ทำให้ระยะสั้นยังลุ้นโอกาสปรับพักฐานลงหาแนวรับทางเทคนิคได้อีก ดังนั้นถ้าจะเลือกหุ้นซื้อเพิ่มจึงยังแนะนำให้รอซื้อช่วงลบดีกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : UMI, JAS, KKP(buy back)
แนวโน้ม : เมื่อคืนวันจันทร์ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากดัชนี PMI ของสหรัฐเขตชิคาโกชะลอตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ แต่ก็ยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลภาคการผลิตของจีนที่ขยายตัวได้ดี ก่อนที่เมื่อคืนนี้ (อังคาร 1 ก.ค.) ดัชนีดาวโจนส์จะพลิกกลับมาปิดบวกได้เกือบ 130 จุดขานรับข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของจีนและยูโรโซน รวมทั้งตัวเลข ISM ภาคการผลิตเดือน มิ.ย.ของสหรัฐที่ออกมาไม่ได้แย่กว่าคาดมากนัก ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่ยังขยับบวกต่อเนื่องได้ดี ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมายังบวกได้จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศที่เริ่มกลับเข้ามาหนุน อย่างไรก็ตามในระหว่างวันก็ยังมีแรงขายทำกำไรออกมากดดันให้แกว่งผันผวนพอควร ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีสิทธิที่จะมีจังหวะแกว่งผันผวนและปรับตัวย้อนลบให้เป็นจังหวะในการเลือกหุ้นซื้อเพิ่มเติมได้อยู่ ดังนั้นในจังหวะบวกขึ้นจึงต้องตามระวังแรงขายไว้ด้วย
แนวรับ 1480-1478 , 1475-1472 จุด แนวต้าน 1490-1493 , 1496-1500 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นในภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 ในปริมาณที่หนาแน่นขึ้น โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$202.7 ล้าน เกาหลีใต้ US$123.1 ล้าน อินโดนีเชีย US$44.7 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$27.4 ล้าน และเวียดนาม US$27.4 ล้าน ขณะที่ตลาดหุ้นไทยที่ปิดทำการ ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ยังแข็งค่าต่อเนื่อง Flow น่าจะยังไหลเข้าต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) เศรษฐกิจเดือน พ.ค. ส่งสัญญาณบวก กิจกรรมทางเศรษฐกิจเดือน พ.ค. เริ่มส่งสัญญาณที่ดีขึ้นทำให้เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q14 โดยการบริโภค การลงทุน และการผลิตภาคอุตสาหกรรมฟื้นขึ้นจาก เม.ย. มีเพียงการส่งออกที่ฟื้นช้าอย่างน่าผิดหวังโดยลดลง M-M ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ตามสินค้าเกษตร (ข้าวและยางพารา) และอาหารทะเลแช่แข็ง ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวหดตัวแรงชั่วคราวจากผลของรัฐประหาร แนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือจะฟื้นต่อเนื่องด้วยปัจจัยในประเทศเป็นหลัก ความเสี่ยงกลายเป็นการส่งออกที่ฟื้นช้า เราคาด GDP ปีนี้เติบโต 1.8-2%
(+) แนวโน้มตลาดหุ้นเดือน ก.ค. มีโอกาสปรับขึ้นต่อแต่ผันผวน ค่าสถิติในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่าตลาดหุ้นเดือน ก.ค. ให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย 4.2% M-M (ย้อนหลัง 10 ปี ก็ยังเป็นบวก แต่ผลตอบแทนลดลงเหลือ +2% M-M) สำหรับ ก.ค. ปีนี้เรามองว่าตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นแต่ผันผวนจากผลประกอบการ 2Q14 ที่นักลงทุนอาจลืมไปแล้วว่าไม่สดใส กลุ่มที่คาดว่ากำไรจะแย่ลง Q-Q ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง รับเหมา ท่องเที่ยว การแพทย์ ขนส่งทางอากาศ มือถือ และยานยนต์ ส่วนกลุ่มที่น่าจะมีกำไรดีขึ้น Q-Q ได้แก่กลุ่มพลังงาน อิเล็กทรอนิคส์ เกษตรและอาหาร และค้าปลีก ในด้านการเมืองจะมีพัฒนาการมากขึ้นโดยรัฐธรรมนูญชั่วคราวน่าจะแล้วเสร็จ เตรียมไปสู่การจัดตั้งสนช.และครม.ในเดือน ส.ค.-ก.ย. หุ้นที่แนะนำในเดือนนี้เป็นหุ้นที่มีขนาดค่อนไปทางเล็ก แต่มีกำไรเติบโตดีหรือกำลังจะผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q14 ได้แก่ AIE, CPF, CSS, INTUCH, TKT
??(+) BMCL จำนวนผู้โดยสารมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งเฉลี่ย 8-10% ในปี 2014-16 ตามการเติบโตของอสังหาฯรอบเส้นทางรถไฟฟ้า ในช่วง 3Q14 จะมีการประมูลงานเดินรถไฟฟ้าสายสีนำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงเตาปูน-ท่าพระ ซึ่ง BMCL มีโอกาสชนะประมูลค่อนข้างสูง ส่วนการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) ปลายปี 2016 นอกจาก BMCL จะมีรายได้ค่าบริหารเดินรถแล้ว ยังเป็นการส่งต่อผู้โดยสารเข้าสู่เส้นทางหลักของบริษัท อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งรายได้ที่ต้องจ่ายเพิ่มให้แก่รฟม. 450 ล้านบาทในปีนี้เริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค. และ 1.1 พันล้านบาทในปีหน้า และเพิ่มขึ้นตลอดอายุสัญญาสัมปทานที่เหลือ จะกดดันให้ปี 2014-16 ยังขาดทุนต่อเนื่อง เราคาดบริษัทจะพลิกเป็นกำไรได้ในปี 2017 ทั้งนี้ ราคาพื้นฐานตาม Bloomberg consensus อยู่ที่ 0.97-1.36 บาท
??(0) ADVANC แนวโน้มกำไรปกติ 2Q14 ยังไม่โดดเด่น -5.4% Q-Q, -2.4% Y-Y จากค่าใช้จ่ายเครือข่ายและการตลาด 3G รวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้บริการยังชะลอตัว เราปรับลดคาดการณ์กำไรปกติปี 2014-15 ลง 4-5% ตามการลดสมมุติฐานการเติบโตของรายได้บริการ (ไม่รวม IC) เหลือ 2.5% แม้ยังมองกำไร 2H14 โตมากขึ้น ราคาหุ้นปรับฐานลงมาสะท้อนความกังวลการแข่งขันสูงขึ้นและการชะลอโครงการประมูลคลื่น 1800 และ 900 แต่เชื่อว่ายังไม่ล้มเลิก ที่ราคาปัจจุบัน คิดเป็น Dividend yield เกือบ 6% โดยคาดจ่ายระหว่างกาลหุ้นละ 6.20 บาท คิดเป็น Yield 2.8% (และจะทำให้ INTUCH จ่ายระหว่างกาลหุ้นละ 2.30 บาท Yield 3.1%) จึงคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2014 ใหม่ที่ 248 บาท จากเดิม 253 บาท (DCF)
ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีก 129.47 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนรวมถึงตัวเลข ISM ภาคการผลิตของสหรัญที่ออกมาแข็งแกร่ง
??ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ปิดในแดนบวกได้เช่นกันโดยพุ่งขึ้นแกร่งสุดในรอบเกือบ 2 เดือนจากตัวเลข PMI ในภูมิภาครวมถึงจากทางฝั่งจีนที่ออกมาขยายตัวได้ดี
ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกได้เช่นกันโดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ของตลาดหุ้นสหรัฐจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแกร่ง
ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นหลังจากแกว่งตัวออกทางข้างมาพักใหญ่ โดยล่าสุดแกว่งอยู่ในกรอบ 32.31-32.43 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ขยับลงเล็กน้อย 0.03 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยปิดที่ 105.34 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยมีการปิดสถานะทำกำไรออกมาบ้าง แต่อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบยังคงยืนอยู่ในระดับสูงจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิรัก รวมถึงตัวเลข PMI ภาคการผลิตของหลายๆประเทศที่ออกมาดี
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ปรับตัวขึ้น 4.60 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,326.60 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยสถานการณ์ความไม่สงบในอิรักและยูเครนยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในช่วงนี้
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852