- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 04 November 2015 18:19
- Hits: 949
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวต้านสำคัญ 1425 ผ่านได้แนวต้านถัดไป 1440 และ 1445
SET Index: 1421.30 ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรงมาทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1420 จุด หลังจากถูกขายทำกำไรออกมาเมื่อวานลงไปทดสอบแนวรับที่ 1410 จุด แต่เมื่อพิจารณามูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงเช้า จึงทำให้การปรับตัวเพิ่มขึ้นมาทดสอบแนวต้านที่ 1420 จุด ยังสามารถคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1425 จุดได้ แต่การทะลุผ่านแนวต้านที่ 1425 จุดขึ้นไป จำเป็นต้องอาศัยการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มธนาคาร จึงแนะนำให้จับตาแรงซื้อหุ้น KBANK และ SCB ในขณะที่หุ้น PTT มีแนวต้านสำคัญที่ 300 ถ้ามีแรงขายทำกำไรออกมาในระยะสั้น จะทำให้แนวโน้มในระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวลดลงไปสร้างฐานที่ระดับ 1400 จุด
แนวต้าน : 1425** และ 1430
แนวรับ : 1415 และ 1410
PTT = 290 / 295, JAS = 5.70 / 5.80, PTTEP = 76.00 / 78.00, AJD = 1.72 / 1.78, S = 7.50 / 7.90
Raimon Lnad (RML TB; THB 1.23) – ซื้อ
แนวต้าน : 1.28 และ 1.35
แนวรับ : 1.23 และ 1.22
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐาน ในขณะที่ราคาหุ้นเริ่มมีสัญญาณทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นมาได้แล้ว
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้ม RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ RML โดยมีแนวรับที่ 1.23 และ 1.22 และมีแนวต้านที่ 1.28 และ 1.35 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 1.18 ลงไป
Sub Sri Thai (SST TB; THB 12.50) – ซื้อ
แนวต้าน : 13.60 และ 14.00
แนวรับ : 12.50 และ 12.30
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลงในระยะยาว ล่าสุด เริ่มมีสัญญาณการทะลุผ่านแนวโน้มลงขึ้นมาได้แล้ว
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเข้าใกล้ระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลงต่อเนื่อง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบระดับ 60
แนะนำซื้อ SST โดยมีแนวรับที่ 12.50 และ 12.30 และมีแนวต้านที่ 13.60 และ 14.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 11.80 ลงไป
SET50 Index Futures
S50Z15 ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 920 แต่ยังคงมีแรงขายทำกำไรออกมาต่อเนื่อง ในขณะที่ปริมาณการซื้อขายเริ่มสูงขึ้นอีกครั้ง แต่เมื่อพิจารณาโครงสร้างแนวโน้มขาลงในระยะยาวมีแนวต้านที่ 925 ถ้ายังไม่สามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ ทิศทางหลักยังมีความเสี่ยงในการถูกขายทำกำไรที่แนวต้าน 920-923
แนวต้าน : 918 และ 920
แนวรับ : 912 และ 910
คำแนะนำ: เราแนะนำให้เน้นการ Open Short ใน S50Z15 ที่แนวต้าน 920-922 และมีแนวรับที่ 910 และ 904 เป็นจังหวะขายทำกำไรสถานะ Short
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า S50Z15 ปรับเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 925 ขึ้นไป
GF10Z15
ปรับตัวลดลงต่อเนื่องค่อนข้างแรงไปทดสอบแนวรับสำคัญของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 19000 ตามการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ แต่เราคาดว่า ราคาทองคำน่าจะมีโอกาสฟื้นตัวที่บริเวณแนวรับ US$1120 กลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ US$1140 หรือ US$1150 จึงทำให้แนวโน้มในระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัวไปทดสอบ 19400-19500
แนวต้าน : 19200 และ 19300
แนวรับ : 19050 และ 19000
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Long ใน GFV10Z15 ที่แนวรับ 19000-19050 เพื่อคาดหวังการฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 19300 และ 19400
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า GF10Z15 ปรับตัวลดลงหลุด 18920 ลงไป
ITDZ15
ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 8.40 และ 8.50 แต่ยังมีแรงขายออกมาต่อเนื่องลงไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้นที่ 8.20 แต่เรายังคงคาดว่า แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 8.10 และแนวต้านสำคัญที่ 8.60 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะเป็นสัญญาณซื้อทางเทคนิค
แนวต้าน : 8.40 และ 8.50
แนวรับ : 8.20 และ 8.16
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Short ใน ITDZ15 ที่แนวต้าน 8.40 และมีแนวรับที่ 8.20 เป็นจังหวะขายทำกำไร แต่ถ้าปรับตัวลดลงหลุด 8.10 ให้ Open Short ต่อเนื่อง
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า ITDZ15 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 8.60 ขึ้นไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...ยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐอย่าง S&P 500 ทำท่าว่าจะสร้างจุดสูงสุดใหม่ หลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาหนุนรวมทั้งแรงซื้อคืนหุ้นพลังงานและวัตถุดิบ หลังงบที่ออกมาไม่แย่กว่าคาด อย่างไรก็ตามเรายังมองว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐหลังจากนี้น่าจะค่อยๆซึมลงหลังรับข่าวผลการดำเนินงานงาน Q3/15 โดยมีปัจจัยกดดันมาจากตัวเลขการจ้างงานที่คาดจะออกมาดีซึ่งจะทำให้มีการคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ย
ดัชนีตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับตัวขึ้นมายังคงเป็นผลจากการได้รับอนิงสงค์ของการปรับขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ตามในเดือนนี้ยังมีประเด็นที่ต้องจับตาดูกัน คือ แนวโน้มที่ทาง MSCI จะประกาศนำหุ้น A Share ของจีนเข้าไปคำนวณในดัชนี MSCI Emerging Market หากเป็นจริงและไม่เลื่อน ผลที่ตามมาคือดัชนีตลาดหุ้นจีนในระยะสั้นๆ น่าจะดีดตัวขึ้นได้แรง ส่วนในระยะกลางถึงยาว ก็น่าจะไปกดดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่อื่นๆ มีการมองกันว่าในช่วง 6 เดือนข้างหน้าหาก MSCI นำหุ้น A share เข้าไปคำนวณใน MSCI EM เม็ดเงินน่าจะไหลเข้าตลาดหุ้นจีนถึง 70 พันล้านดอลลาร์ ส่วนตลาดที่ได้รับผลกระทบคือ น้ำหนักการลงทุนในดัชนี MSCI EM ลดลงคือ เกาหลี ไต้หวัน อินเดีย รวมทั้งอาเซียน จากรูปด้านซ้ายที่ตอนนี้น้ำหนักตลาดหุ้นจีนไม่รวม A share ใน MSCI EM อยู่ที่ 25.1% หากรวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 37.5% (เป็นการคาดการณ์จาก Thomson Reuters)
แม้ประเด็นข้างต้นหากเป็นจริงในเดือนนี้ ยังต้องใช้เวลา โดยเฉพาะน่าจะส่งผลในปีหน้า ส่วนในช่วงปลายปีนี้ เรายังมองดัชนีหุ้นเอเชียน่าจะกลับมายืนได้ หลังมีสัญญาณการไหลเข้าของเม็ดเงิน แม้ในเดือน ธ.ค. FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยก็ไม่น่าจะส่งผลด้านลบกับดัชนีตลาดหุ้นเอเชียมากนัก ซึ่งก็หมายความว่าดัชนีตลาดหุ้น และค่าเงินส่วนใหญ่ปรับตัวรับข่าวไปมากพอแล้ว ทางตรงข้ามหากยังไม่ปรับ ก็น่าจะยิ่งหนุนดัชนีในช่วงปลายปี
ก่อนที่ดัชนีตลาดหุ้นเอเชียจะดีดตัวขึ้นรอบใหม่ ซึ่งมองว่าน่าจะเริ่มในช่วงปลายเดือน พ.ย. หรือก่อนหน้านี้เล็กน้อย เรามองว่าดัชนีตลาดหุ้นคงจะกลับมาแกว่งตัวแรงๆอีก หลังรับข่าวตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐในปลายอาทิตย์นี้ รวมทั้งแรงขายทำกำไร นอกจากนั้นในช่วงหลังจากนี้ปัจจัยที่จะหนุนให้ดัชนี SETขึ้นไปต่อแทบมองไม่เห็นทั้งราคาน้ำมัน ผลการดำเนินงานและตัวเลขเศรษฐกิจ หากจะมีบ้างก็คือ ผลการประชุม ครม. ในการเร่งกระตุ้นการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้า จากรูปด้านขวา เราเปรียบเทียบการเคลื่อนไหวของดัชนี MSCI Global ใน 2010 ถึงปี 2015 พบว่าดัชนีตอนนี้เคลื่อนไหวคล้ายๆ ปี 2011
ทิศทางดัชนี SET แม้จะสามารถกลับมายืนเหนือ 1400 จุดได้แต่ยังอยู่ในภาวะเปราะบาง เนื่องจากเราคาดว่าหลังจากนี้ตลาดจะยังเผชิญกับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐได้อีก ดังนั้นโอกาสที่จะกลับลงมาเล่นในระดับต่ำกว่า 1400 จุดยังมีสูงในช่วงกลางๆ เดือน วันนี้แม้จะมีแรงหนุนจากดัชนีในต่างประเทศ แต่ก็คาดว่าดัชนี SET ไปไม่ได้ไกล โดยแนวต้านอยู่ที่ 1420-1424 จุด ส่วนแนวรับที่ 1408-1404 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,421.30 จุด เพิ่มขึ้น 8.68 จุด(+0.61%) มูลค่าการซื้อขาย 21,412.40 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้น ตามตลาดต่างประเทศ และราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ส่งผลให้มีแรงซื้อนำในกลุ่มพลังงาน ติดตามการประชุม กนง. (วันนี้) การรายงานผลประกอบการ Q3 ที่ทยอยออกมา
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดบ่าย คาดแกว่งบวกในกรอบ หลังช่วงเช้าตลาดมีแรงหนุนจากตลาดต่างประเทศ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น SET ช่วงเช้าสามารถยืนเหนือ 1420 จุด จากแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขณะที่ระยะสั้นตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่ ทางเทคนิคมองแนวต้านระยะสั้น 1425-1430 จุด แนวรับ 1415 จุด
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
Raimon Lnad (RML TB; THB 1.23) - ซื้อ
Sub Sri Thai (SST TB; THB 12.50) - ซื้อ
Turnover List Preview (Cash Balance) : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : LPH, SAWAD-W1, AJD*, TAPAC* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]