- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 03 November 2015 17:21
- Hits: 1213
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Sell into Strength
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ฟื้นตัว ผลักดันด้วยกลุ่มธนาคาร หลังตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย.ออกมาค่อนข้างดี รวมถึงกลุ่มพลังงาน นำโดย PTT ที่ยังคงแข็งแกร่ง ผลักดันให้ SET INDEX ขยับขึ้นทดสอบด่าน 1,400 จุด ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย และปิดยืนเหนือแนวดังกล่าวได้ ที่ 1,413.34 จุด บวก 18.40 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 31,877 ล้านบาท
ทั้งนี้ ต่างชาติกลับมาชะลอการขายหุ้นไทย แม้คงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 อยู่ที่ 294 ล้านบาท แต่ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 มากถึง 9,352 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 1,407 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
• ติดตามการประชุมครม.วันนี้ ต่อการพิจารณาขั้นตอนการลงทุนให้มีความกระชับมากขึ้น
• เลื่อนประมูลคลื่น 4G ความถี่ 900MHz ออกเป็นไปวันที่ 15 ธ.ค. ตามเดิม
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น “กลาง” วันที่ 4 แม้ว่า SET INDEX จะกลับมายืนเหนือ 1,400 จุดได้อีกครั้ง แต่ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง จะทำให้ความผันผวนของ SET INDEX ในภาพรวมอยู่ในระดับสูง ขึ้นอยู่กับการลงทุนในแต่ละวันของสถาบันภายในประเทศ และ พอร์ตโบรกเกอร์ เป็นสำคัญ ภาพวันเราเชื่อว่า SET INDEX จะยืนเหนือ 1,420 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง จากบรรยากาศรอบเอเชียและปัจจัยภายในประเทศ เอื้อต่อการเก็งกำไร Domestic Play
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ มีความสำคัญต่อภาพเศรษฐกิจ และการลงทุนในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้า คือ การประชุม ครม. เพื่อพิจารณาขั้นตอนการพิจารณาและอนุมัติ แผนการลงทุนขนาดใหญ่ รวมถึง PPP ว่าจะสามารถลดขั้นตอนลง และทำให้เกิดการเปิดประมูลโครงการได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้นายกฯ ต้องใช้ ม.44 ในการผลักดันโครงการต่างๆ เราเชื่อว่าประเด็นนี้จะมีนัยยะสำคัญต่อการเรียกความเชื่อมั่นจากภาคเอกชนผลังดัชนีความเชื่อมั่นภาคเอกชน ฟื้นตัวติดต่อกัน 2 เดือนที่ผ่านมาแล้ว สำหรับผลต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เราคาดว่ากลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มธนาคาร จะได้รับอานิสงค์ดังกล่าวเช่นกัน
สำหรับกลุ่มพลังงานทางเลือก เริ่มมีความคืบหน้าจากทาง กพช.เป็นลำดับ ทั้งในส่วนของ โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ของหน่วยงานราชการ และสหกรณ์ เฟสแรกจะประกาศผลวันที่ 15 ธ.ค. จำนวน 600MW ส่วนเฟส 2 อีก 200MW จะเป็นช่วงกลางปี ส่วนโครงการโซล่าร์เก่าที่ค้างท่อจำนวน 115MW จะมีการพิจารณาถึงใบอนุญาต ภายในเดือนนี้ว่าจะดำเนินการอย่างไร และโครงการพลังงานทางเลือกที่ไม่รวมจากโซลาร์ และ ขยะ กพช.จะเปิดรับซื้อไฟฟ้าแบบ FiT ระยะที่ 2 รวม 500MW
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ กลับเป็นกลาง นักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ และภาวะการจ้างงานในวันศุกร์ จึงเป็นภาพการเก็งกำไรตามผลการดำเนินงานในหุ้นรายตัวเป็นสำคัญ
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนที่ซื้อเก็งกำไรมาก่อนหน้านี้ ควรพิจารณาเริ่มขายทำกำไรบริเวณ 1,420 จุด หรือสูงกว่า“ และกลับมาถือเงินสดบางส่วนอีกครั้ง เพื่อรอจังหวะการเข้าเก็งกำไรหุ้นเป้าหมาย เมื่อราคาหุ้นเกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1. KTB : ราคาปิด 17.60 บาท ราคาเหมาะสม 17.00 บาท*** (อยู่ระหว่างทบทวนราคาเหมาะสมเพื่อ Rollover ไปเป็นปี 2559)
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดในช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่คาดว่าผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 3Q58 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q58 เป็นต้นไป
b) มีปัจจัยบวกระยะสั้น เนื่องจากการประชุมครม.ในวันนี้จะมีการพิจารณาแผนลดขั้นตอนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ภายใต้พรบ.ร่วมทุนในกิจการของรัฐฯ หรือ PPP ให้สั้นลงเหลือ 9 เดือน จากเดิมที่ 1-2 ปี ดังนั้น KTB จึงได้ประโยชน์โดยตรงเนื่องจากมีสัดส่วนสินเชื่อที่ปล่อยกู้ให้กับโครงการภาครัฐฯสูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร
c) คาดผลประกอบการ 4Q58 จะเริ่มฟื้นตัว qoq แม้ว่าโดยปกติ KTB จะมีการตั้งสำรองที่สูงในไตรมาส 4 ของทุกปี แต่เนื่องด้วย 3Q58 มีการตั้งสำรองหนี้เสียของ SSI เป็นจำนวนมาก จึงคาดว่าการตั้งสำรองจะลดลง qoq ใน 4Q58
d) Valuation ถูก โดยซื้อขายต่ำกว่า BV ที่ระดับ PBV2559 เพียง 0.90 เท่า และให้ Dividend Yield 4.5% ต่อปี (จ่ายปีละ 1 ครั้ง)
2. IRPC : ราคาปิด 4.16 บาท ราคาเหมาะสม 4.60 บาท
a) รายงานกำไรสุทธิ 3Q58 ที่ 887 ล้านบาท เติบโตเด่นเมื่อเทียบกับ 3Q57 ที่มีกำไรสุทธิเพียง 22 ล้านบาท และออกมาดีกว่าคาดการณ์ของ Consensus ที่ 850 ล้านบาท
b) คาดกำไรสุทธิ 4Q58 จะเติบโต qoq แม้ว่ากำไรจากการดำเนินงานปกติจะมีทิศทางอ่อนตัวลง qoq จากส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่ลดลง qoq แต่เนื่องด้วย 3Q58 มีผลขาดทุนจากสต็อกสูงถึง 2.1 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะไม่เกิดซ้ำอีกใน 4Q58 จากการไต่ระดับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ
c) ผลประกอบการปี 2559 สดใส จากแรงหนุนของโครงการ Phoenix ผลักดันให้กำไรปกติเติบโตถึง +37% yoy เป็น 8,591 ล้านบาท
d) Valuation ไม่แพง ซื้อขายที่ระดับ PER2559 ที่ 9.91 เท่า และ PBV2559 ที่ 1.05 เท่า