- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 30 October 2015 17:39
- Hits: 1850
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -23.72, NASDAQ -21.42, S&P -0.94, FTSE -42.00, CAC -4.76 และ DAX -31.12 การซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้รับแรงกดดันจากการเปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีที่น่าผิดหวัง ในขณะที่มีแนวโน้มที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. นอกจากนี้สหรัฐฯ เปิดเผย (1) GDP ขั้นต้นประจำไตรมาส 3/2015 เพิ่มขึ้น 1.5% แย่กว่าคาดเล็กน้อย (2) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด และ (3) ดัชนียอดทำสัญญาบ้านที่รอปิดการขายลดลง 2.3% แย่กว่าคาดอยู่ที่ 106.8
…..ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ปรับตัวลดลง โดยได้รับแรงกดดันจากการลดลงของหุ้นในกลุ่มธนาคาร ซึ่งประกาศผลการดำเนินงานออกมาแย่กว่าคาด และได้รับแรงกดดันจากการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือน ธ.ค.
.....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$0.12 อยู่ที่ US$46.06 ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ชะลอตัวมากกว่าคาด
.....ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$28.8 อยู่ที่ US$1,147.30 ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากการที่เฟดมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมช่วง 15-16 ธ.ค.
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -2,895 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -105,081 ล้านบาท (ปี’57 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)
ทิศทางตลาด :
ทิศทางตลาด : มีโอกาสอ่อนตัวลงต่อเนื่อง? คาดการเคลื่อนไหวของ SET จะอ่อนตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยผลการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 27 – 28/10/58 ที่ผ่านมา ทำให้เริ่มชัดเจนมากขึ้น ในการที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. ส่งผลต่อแรงขายหุ้นในหลายตลาด โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ทั้งอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และไทย ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบปรับขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 45 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีครึ่ง กดดันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะ PTT และ PTTEP ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรง
…..เช่นเดียวกับประเด็นในประเทศที่ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ ทั้ง + / - โดย (1) Fund Flow เริ่มมีแรงขายสุทธิของต่างชาติหนักขึ้น โดยล่าสุดต่างชาติขายสุทธิสูงถึง 2,895 ล้านบาท ขณะที่เงินบาทยังเริ่มมีแนวโน้มอ่อนค่า จากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด (2) การเร่งรัดเปิดประมูลโครงการต่างๆ ที่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และ (3) การเก็งกำไรผลประกอบการ – 3Q/58 ถึงกลางเดือนพ.ย. โดยเฉพาะกลุ่ม Real Sector หลังกลุ่มธนาคารฯ ประกาศไปแล้ว โดย ธปท.เปิดเผยตัวเลข NPL ทั้งระบบสิ้นไตรมาส 3/58 อยู่ที่ 3.6 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.79% และล่าสุด ครม.อยู่ระหว่างพิจารณาแผนลงทุนเร่งด่วนในปี 59 จำนวน 20 โครงการวงเงินลงทุนประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท คาดจะส่งผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเช่นกัน
....โดยยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, STEC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 35.56– 35.68 เริ่มมีแนวโน้มอ่อนค่าอีกครั้ง (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TASCO เป็นต้น (5) กลุ่มโรงแรม (MINT, CENTEL) และหุ้นกลุ่มขนส่ง (เช่น AAV, AOT) หลังสถานการณ์การท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้นโดยเฉพาะช่วง High season ในช่วง 4Q/58
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.08 อยู่ที่ 2.17% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.28 อยู่ที่ 14.61
ประเด็นที่ต้องติดตาม (30 ต.ค.’58)
30/10/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) รายได้ส่วนบุคคลเดือน ก.ย. (2) ดัชนี PMI เขตชิคาโกเดือน ต.ค.
นักวิเคราะห์ : ศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ 02-684-8789