- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 30 October 2015 17:24
- Hits: 1095
บล.เคเคเทรด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
โมเมนตัมลบกดดัน
SET View
ภาวะตลาดหุ้น เมื่อวานนี้ SET ปรับฐานแรงมากถึง 19.2 จุด จนหลุดแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันที่ 1392 จุด เป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลดลงวานนี้ ทำให้เรามองว่า วันนี้ ยังคงมีโมเมนตัมเชิงลบกดดันให้ SET ปรับตัวลดลงต่อ แนวรับถัดไป 1375 จุด เราเชื่อว่า หาก SET ขยับลงไปใกล้แนวรับ มีโอกาสเกิด Technical rebound ได้ นอกจากนี้ บริเวณ 1365-1370 จุด ถือว่า ใกล้เป้าหมาย SET ปีนี้ของเรา ซึ่งเทียบเท่า P/E ratio 15 เท่า (ค่าเฉลี่ย 13 ปี +0.5S.D.) ซึ่งถือว่า Valuation ไม่ได้แพงมาก เป็นจุดที่น่าสนใจในการทยอยสะสมหุ้น
ประเด็นข่าว / ดัชนีเศรษฐกิจ
• สหรัฐฯรายงาน GDP 3Q58 ขยายตัว 1.5% ชะลอตัวจาก 2Q58 ที่โต 3.9% และต่ำกว่าตลาดคาดเล็กน้อยที่ 1.6% ทำให้ตลาดคงมุมมองเดิมว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.นี้
• เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ของญี่ปุ่นเดือน ก.ย. ลดลง 0.1% YoY แม้ดีกว่าที่ตลาดคาด (-0.2% YoY) แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ 2% ทำให้ตลาดคาดว่า การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) วันนี้ จะประกาศขยายวงเงิน QE จากปัจจุบันที่มีการซื้อสินทรัพย์ราว 80 ล้านล้านเยนต่อปี ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง น่าจะเป็นปัจจัยบวกพยุงตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ได้
กลยุทธ์การลงทุน : ซื้อเมื่ออ่อนตัว เน้นหุ้นที่แนวโน้มราคาแข็งแกร่งกว่า SET
Top Daily Pick : PTTEP (มูลค่าเหมาะสม 90 บาท) คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังจากรับรู้ Impairment ครั้งใหญ่ใน 3Q58, ซื้อขายที่ P/BV ต่ำเพียง 0.8 เท่า (ต่ำสุดในรอบ 15 ปี) และ SAT (มูลค่าเหมาะสม 19.50 บาท) Valuation ไม่แพง P/E ratio ราว 11 เท่าและปันผล 3.7%, คาดผลประกอบการ 2H58 ฟื้นตัวอย่างมีนัย คาดเติบโตราว 67% เทียบกับ 1H58, การปรับโครงสร้างภาษีรถปีหน้า เร่งให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อรถ
Technical Pick : KBANK SCB PTTGC NCL PE (โปรดอ่านบทวิเคราะห์ Technical เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน)
Theme Plays : หุ้นเกี่ยวข้องกับการลงทุนภาครัฐ (CK, ITD, STEC, SEAFCO)/ เก็งกำไรผลประกอบการ 3Q58 (IRC, LPN, SIRI, PLANB, SAWAD, SAT, SYNTEC)
Strategy Talk
ต่างชาติและ Prop traders เริ่มขายหนัก
สิ่งที่เรากังวลก่อนหน้านี้ คือ แรงขายของนักลงทุนต่างชาติและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (Prop traders) เริ่มปรากฏให้เห็น โดยต่างชาติและ Prop traders ขายสุทธิ 3 วันติดต่อกันราว 5.7 พันล้านบาท และ 4.2 พันล้านบาท ตามลำดับ เรามองว่า แรงขายจากต่างชาติน่าจะเริ่มเบาบางลงบ้าง เพราะ (1) เงินบาทมีทิศทางทรงตัว ยังไม่อ่อนค่าชัดเจน (2) ยอดซื้อสุทธิสะสมตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. ลงมาเหลือเพียง 2.5 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี SET มีความเสี่ยงจากแรงขายของ Prop traders เพิ่มเติม เพราะ(1) ยอดซื้อสุทธิสะสมตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. ยังเหลืออยู่ค่อนข้างมากราว 1 หมื่นล้านบาท (2) SET เสียทรงทางเทคนิค หลังจากหลุดแนวรับ 2 แนว คือ เส้นค่าเฉลี่ย 10 วันที่ 1417 จุด และ เส้นค่าเฉลี่ย 25 วันที่ 1392 จุด น่าจะเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดการขาย เพราะ Prop traders มักเก็งกำไรเป็นรอบๆ โดยนักลงทุนกลุ่มนี้เริ่มซื้อสุทธิหนักตั้งแต่ 5 ต.ค. ซึ่งเป็นวันที่ SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นตัดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน
ยอดซื้อขายสุทธิสะสมของนักลงทุนแต่ละกลุ่ม ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.58
Source: SETSMART
หุ้นมีประเด็น
THAI (มูลค่าเหมาะสม 8.60 บาท)
• ฝ่ายวิจัยภัทร คาดผลประกอบการของ THAI ใน 3Q58 ขาดทุนจากการดำเนินงานราว 4.6 พันล้านบาท จาก RASK (Revenue per Available Seat Kilometers) ที่ลดลงราว 1.5% YoY และต้นทุนต่อหน่วย (CASK หรือ Cost per ASK) ลดลง 3% เนื่องจากราคาน้ำมันลดลง ขณะที่แนวโน้มใน 4Q58 ไม่สดใส เนื่องจากอัตราการจองตั๋วล่วงหน้าสำหรับเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ลดลง 250bps เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากการขึ้นราคาค่าตั๋วโดยสาร
• ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยภัทร ปรับลดประมาณการ EBITDA ของ THAI ลงราว 20% ในปีนี้, ลดลง 1% ในปี 2559 และลดลง 7% ในปี 2560 เพื่อสะท้อนแนวโน้ม RASK ที่ยังอ่อนแอ และปรับลดประมาณการกำไรจากการดำเนินงาน 861% (ปี 2558), 156% (ปี 2559) และ 83% (ปี 2560) ลงจากประมาณการเดิม
• มูลค่าเหมาะสมลดลงจากก 12.80 บาท เหลือ 8.60 บาท อิง P/BV 0.7 เท่า ณ สิ้นปี 2559 คงคำแนะนำ “Underperform”
Smart Port Note
Beta ของพอร์ตลงทุนแสดงถึงความเสี่ยงของหุ้นในพอร์ตเทียบกับตลาด SET หากค่า Beta สูงกว่าหนึ่งเท่า แสดงถึงความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนที่สูงกว่า SET
Growth Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.51
Trading Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.12
Dividend Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.20
Quant Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.65