- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 October 2015 15:58
- Hits: 1398
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Long Weekend
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยเกิดแรงขายหุ้นหลัก KBANK/ SCC หนาแน่น ส่งผลให้ SET INDEX อ่อนตัวลงสู่แนว 1,410 จุด ก่อนเกิดแรงซื้อกลับในช่วงท้ายตลาด ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็ก ยังคงมีความโดดเด่นในภาพรวม ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,415.80 จุด ลบเล็กน้อย 2.83 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 30,606 ล้านบาท
ด้านเงินทุนต่างชาติชะลอตัว แม้ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เพียง 29 ล้านบาท แต่กลับ Short สุทธิใน SET50 Index Futures วันแรกในรอบ 3 วันทำการ 2,783 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้ 1,950 ล้านบาท ส่งผลให้ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงบ่ายวานนี้
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์สำหรับตลาดหุ้นไทย
ติดตามการประชุม ECB ค่ำวันนี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย. รายงานโดย ธปท. วันที่ 30 ต.ค.
ติดตามการประชุมครม. คาดว่าจะมีการพิจารณาแผนการลงทุนเพิ่มเติม
ติดตามการประชุมเฟดวันที่ 27-28 ต.ค.
การประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีน วันที่ 26-30 ต.ค.
ติดตามการประชุม BoJ วันที่ 30 ต.ค.
และติดตามผลการดำเนินงาน 3Q58 ของบริษัทจดทะเบียน จนถึง กลางเดือนพ.ย.
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุน "กลางถึงบวก" วันที่ 11 แม้ประเมินว่า SET INDEX จะขยับกรอบแกว่งลงมาอยู่ระหว่าง 1,410-1,420 จุด มูลค่าการซื้อขายอาจไม่ถึง 3.0 หมื่นล้านบาท/วัน เพราะเป็นการซื้อขายสุดท้ายของสัปดาห์สำหรับตลาดหุ้นไทย อีกทั้งท่าทีของสถาบันในประเทศ และ พอร์ตโบรกเกอร์ต่างระมัดระวังต่อการลงทุน ทำให้ภาพตลาดหุ้นไทยกลับมาแกว่งในกรอบแคบมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า เราให้น้ำหนักกับปัจจัยในประเทศเป็นสำคัญ เพราะถือเป็นประเด็นที่สะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจไทยว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วหรือไม่ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย.ของไทย ธปท.รายงานวันที่ 30 ต.ค. แน่นอนว่า ภาคการส่งออก จะยังคงหดตัวต่อเนื่องในความเห็นเรา จากความอ่อนแอของราคาสินค้าเกษตร และภาคอุตฯ ที่ยังต้องอาศัยเวลาในการปรับโครงสร้าง แต่เรากลับให้น้ำหนักกับความเชื่อมั่นภาคการบริโภคภายในประเทศ หลังทีมเศรษฐกิจ ภายใต้การนำของ ท่านรองนายกฯ ดร.สมคิด นำเสนอมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องระยะสั้นตั้งแต่กลางเดือนก.ย.เป็นต้นมา ย่อมทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มฟื้นตัว และน่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นในเดือนต.ค.
ประเด็นสำคัญภายในประเทศอีกข้อคือ ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนตั้งแต่นี้ไปจนถึงกลางเดือนพ.ย. หากออกมาใกล้เคียงคาดหรือดีกว่าคาด ย่อมเป็นปัจจัยที่จะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้ไม่น้อย และอาจทำให้ท่าทีของสถาบันภายในประเทศ และพอร์ตของโบรกเกอร์ จะมีความชัดเจนต่อทิศทางการลงทุนได้เช่นกัน
สำหรับปัจจัยสำคัญในต่างประเทศ เรากลับให้น้ำหนักกับการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่ทางการจะนำเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และ ยาว ออกมาเรียกความเชื่อมั่น และเพื่อรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 7.0%
แม้ว่าวันที่ 28-29 ต.ค.จะมีการประชุมเฟด แต่เรากลับไม่ได้ให้น้ำหนักต่อการประชุมนัดนี้ เพราะหากพิจารณาจากรายงาน Beige Book และความเห็นของประธานเฟดสาขาต่างๆ กลับออกมาส่งสัญญาณให้ประวิงเวลาการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายออกไปก่อน เพราะยังมีความเสี่ยงของอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ และเศรษฐกิจโลกที่เสี่ยงต่อการเติบโตชะลอตัว แต่เราจะกลับมาให้น้ำหนักต่อการประชุมเฟดในเดือนธ.ค.อีกครั้ง เพื่อประเมินท่าทีของเฟดต่อช่วงเวลาที่เหมาะสมของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2559 เมื่อใด
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนถือพอร์ตรอขายทำกำไรรอบนี้บริเวณ 1,440 จุด +/- แต่หากหุ้นเป้าหมายกลับปรับฐานลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย กลายเป็นจังหวะของการเพิ่มน้ำหนักเก็งกำไรมากขึ้น"
Top Pick in 4Q15: BMCL / ITD/ TMB/ TPIPL
HOLD: ITD / TPIPL/ ADVANC/ WHA/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Accumulative Buy: ITD / TPIPL
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. TPIPL : ราคาปิด 2.60 บาท ราคาเหมาะสม 3.40 บาท
a) ราคาหุ้นวานนี้ปรับตัวลง -4.0% คาดว่าเกิดจาก Sentiment ลบของตลาดที่ชะลอตัวเนื่องจากจะเข้าสู่วันหยุดช่วงเทศกาล และนักลงทุนรอดูผลการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า จึงส่งผลให้หุ้นกลุ่มซีเมนต์ปรับตัวลงทั้ง SCC และ TPIPL จึงเป็นโอกาสเพื่อทยอยสะสมสำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว
b) คาดว่าหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างมีโอกาสพื้นตัวในสัปดาห์หน้า จากแรงเก็งกำไรการประชุม ครม.ในวันอังคาร ในวันที่ 27 ต.ค.ซึ่งคาดว่าจะมีการพิจารณาแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 19 โครงการ มูลค่ารวม 1.7 ล้านล้านบาท
c) TPIPL มีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์เป็นอันดับ 3 ของประเทศ และจะขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 หลังการขยายกำลังการผลิตปูนซีเมนต์อีก 4.5 ล้านต้นจะเสร็จสิ้นในช่วงปลายปี 4Q58 หรือ 1Q59 และส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 13.5 ล้านตัน
d) คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติใน 3Q58 จะเติบโต qoq เนื่องจากโรงไฟฟ้าขยะอีก 55 MW เริ่มจ่ายไฟเข้าสู่ระบบแล้วในกลางเดือนส.ค. น่าจะมาชดเชยกับการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ TPIPL แปลงหนี้สกุลเงินยูโร 163 ล้าน เป็นเงินบาท หลังออกหุ้นกู้สำเร็จ
e) Valuation ของ TPIPL ณ ปัจจุบันซื้อขาย PBV58 ต่ำ 1.0 เท่า เป็น 0.92 เท่า เทียบกับ SCC ที่ 2.76 เท่า และ SCCC ที่ 3.64 เท่า
2. ITD : ราคาปิด 8.75 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
a) ราคาหุ้นมี Sentiment เชิงบวก เนื่องจากราคาหุ้นของบริษัทลูกคือ ITD Cementation ที่ตลาดหุ้นอินเดีย ซึ่ง ITD ถือในสัดส่วน 51.6% ปรับตัวขึ้นโดดเด่นและทำระดับสูงสุดใหม่วานนี้ปิดที่ 111.30 รูปี เพิ่มขึ้นถึง +126% YTD
b) ITD เป็นตัวเก็งที่จะได้งานสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ซึ่ง AOT จะเปิดประมูลงานก่อสร้าง 2 สัญญาแรก มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท ในเดือน ธ.ค. 2558 และคาดว่าจะทราบผลเพื่อจ้างผู้รับเหมาในเดือน มี.ค. 2559 ขณะที่อีก 3 สัญญาที่เหลือ คาดว่าจะเปิดประมูลได้ในช่วงต้นปี 2559 และทราบผลเพื่อจ้างผู้รับเหมาในช่วงกลางปี 2559
c) คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างสำหรับการลงทุนในปี 2559 เนื่องจากเป็นกลุ่มที่จะมีกระแสข่าวบวกต่อเนื่อง จากการประมูลงานขนาดใหญ่เป็นจำนวนมากของภาครัฐฯ
d) คาดผลประกอบการ 3Q58 พลิกกลับเป็นกำไร qoq จากผลประกอบการของบริษัทลูกในอินเดียที่ดีขึ้น ขณะที่รายได้จากงานในประเทศยังทรงตัวในระดับสูง
e) ความคืบหน้าของโครงการเหมืองแร่โปรแตซจะเป็นปัจจัยบวกสนับสนุนราคาหุ้นในช่วง 1 เดือนข้างหน้า โดยปัจจุบันเสร็จสิ้นการพิจารณาระดับจังหวัดแล้ว และขั้นตอนต่อไปคือส่งเรื่องให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาเพื่อจัดทำประชาพิจารณ์ทั้งจังหวัดครั้งสุดท้ายในช่วงปลายเดือน ต.ค. - ต้น พ.ย.
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 อีก US$102 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$221 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติชะลอตัวอีกครั้ง
นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 แต่ก็เพียง 29 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 450 ล้านบาทเท่านั้น กดดันให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงสูงกว่า 1.0 แสนล้านบาท เป็น 100,306 ล้านบาท
SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติกลับมา Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 2,783 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 8,013 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ และกดดันให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิลดลงเล็กน้อย เป็น 80,883 สัญญา และส่งผลให้ S50Z15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 2 เล็กน้อย 0.41 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 0.12 จุด และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเท่ากับ 20,159 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิอีกครั้ง 1,950 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรไทยเริ่มฟื้นตัวเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลง 3.29bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 4.22bps ปิดที่ 2.619%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ขยับขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เท่ากับ 437 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 354 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 13 ทั้งนี้กลับมาสะสม ICT ครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการ
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีก 768 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 941 ล้านบาท รวม 13 วันทำการซื้อสุทธิ 15,639 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR กลับมาสะสม ICT และขายสุทธิกลุ่มธนาคารอีกครั้ง สรุปภาพรวมการลงทุนได้ดังนี้
1. กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 3 อีก 356 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 293 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 163 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 116 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 143 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 237 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มธนาคารกลับถูกขายสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 218 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มปิโตรเคมีขายสุทธิ 20 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ไม่มี
ยุโรป
การขาดดุลงบประมาณของอังกฤษต่ำสุดในรอบ 8 ปี: ยอดการกู้ไม่รวมกลุ่มธนาคารของรัฐ อยู่ที่ 9.4 พันล้านปอร์ด ณ เดือนก.ย. ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 1.6 พันล้านปอร์ด และดีกว่าที่ Bloomberg consensus คาดไว้ 1.01 หมื่นล้านปอร์ด ทั้งนี้เป็นผลจากรายได้ของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น 3.9% yoy เป็น 4.75 หมื่นล้านปอร์ด สูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ปี 2536
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
ไม่มี
ไทย
ผู้ว่า ธปท. เชื่อเศรษฐกิจปีหน้าโต 3.6-3.7% จากปีนี้ 2.7%: นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. ประเมินว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ภาครัฐประกาศในช่วงที่ผ่านมาจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในปีหน้า โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปี 59 เติบโตได้ราว 3.6-3.7% จากในปีนี้ที่น่าจะเติบโตได้ราว 2.7% ขณะเดียวกัน มองว่าภาคการส่งออกของไทยในปีหน้าน่าจะฟื้นตัวได้จากปีนี้ที่คาดว่าจะหดตัวถึง 5% รวมทั้งด้านการท่องเที่ยวที่ประเทศไทยมีศักยภาพสูง อย่างไรก็ดี หากรัฐบาลมีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมมาตรการเข้าไปอีก
สศค.ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้ลง: ปรับลด GDP ปี 2558 เป็นเติบโต 2.8% จากเดิมคาดโต 3% หลังประเมินการส่งออกปีนี้จะติดลบ 5% มากกว่าที่คาดไว้เดิมติดลบ 4% หลังการส่งออกใน 9M58 ติดลบไปแล้ว 4.9% อย่างไรก็ดีในปี 2559 สศค.เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ดีขึ้น โดย คาดว่าจะเติบโต 3.4-3.8% จากการลงทุนภาครัฐที่มีการเบิกจ่ายสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวที่เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว รวมถึงการบริโภคที่ ฟื้นตัวขึ้นชัดเจน ก็จะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจด้วย
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530