WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Sideways
ตลาดหุ้นวานนี้:
    ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งในกรอบแคบ 1,415-1,425 จุด ทั้งนี้หุ้นขนาดกลางกลับขยับขึ้นอย่างโดดเด่น ด้วยปัจจัยเฉพาะตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มไฟแนนซ์ ขณะที่กลุ่มหลักอย่างกลุ่ม ICT / วัสดุก่อสร้าง และอสังหาฯ ทรงตัวได้ค่อนข้างดี ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,418.63 จุด บวก 1.72 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 31,659 ล้านบาท
    ทั้งนี้ เงินทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดอีกครั้ง ตลาดหุ้นไทย ซื้อสุทธิ 421 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 2,992 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 326 ล้านบาท เป็นสัญญาณกลางถึงบวก

ปัจจัยสำคัญวันนี้
รายงานงบ 3Q58 วันนี้ BAY / KTB
ใกล้วันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทยในปลายสัปดาห์นี้
นักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูผลการประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้
ตัวแปรสำคัญอยู่ที่ท่าทีการลงทุนของสถาบันภายในประเทศ ขายสุทธิ 3,118 ล้านบาท ตลอด 3 วันทำการ กับ พอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 14,756 ล้านบาท ตลอด 12 วันทำการ
ตลาดหุ้นฮั่งเส็งปิดทำการวันนี้

มุมมองต่อตลาด
      เราคงมุมมองการลงทุน "กลางถึงบวก" วันที่ 10 แม้ว่า SET INDEX จะยังแกว่งในกรอบแคบอีกวันระหว่าง 1,415-1,425 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางเหลือ 3.0 หมื่นล้านบาท/วัน เราเชื่อว่าภาพแบบนี้จะต่อเนื่องถึงวันพรุ่งนี้ ซื้อเป็นการซื้อขายสุดท้ายของตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้
อีกทั้งท่าทีของสถาบันภายในประเทศ กับ พอร์ตโบรกเกอร์ ดูจะเป็นตัวแปรหลักสำคัญว่า SET INDEX จะกลับไปยืนเหนือ 1,420 จุดได้อย่างแข็งแกร่งหรือไม่ แม้ว่าผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร ซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่ประกาศงบ 3Q58 ออกมาใกล้เคียงหรือดีกว่าคาด ก็ยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศได้
     แต่หากพิจารณาในเชิงปัจจัยพื้นฐาน เราเชื่อว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 3Q58 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ และจะเริ่มฟื้นตัวใน 4Q58 จากผลของมาตรการระยะสั้นของทีมเศรษฐกิจ ภายใต้การนำ รองนายกฯ ดร.สมคิด สะท้อนกลับมายังดัชนีความเชื่อมั่นภาคเอกชนที่เริ่มฟื้นตัว สัญญาณ NPLs ในบางส่วนเริ่มชะลอตัว โอกาสที่จะมีการปรับประมาณการกำไรในปีนี้ลง เริ่มจำกัดมากยิ่งขึ้น
เรายังคงให้น้ำหนักกับกลุ่ม Domestic Play อย่างกลุ่มธนาคาร / รับเหมาก่อสร้าง / วัสดุก่อสร้าง / อสังหาฯ เป็นกลุ่มที่น่าสนใจสะสมเพื่อการลงทุนที่เกาะไปกับนโยบายเศรษฐกิจจากนี้ไป
      สำหรับปัจจัยต่างประเทศ เราคาดว่านักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูผลการประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้ ว่าจะตัดสินใจเพิ่มมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงิน หรือไม่ ณ ปัจจุบัน ECB เข้าซื้อตราสารหนี้ 6.0 หมื่นล้านยูโร/เดือน หลังอัตราเงินเฟ้อของอียูติดลบ 2 เดือนติดต่อกัน อาจกลายเป็นข้ออ้างที่มีน้ำหนักมากพอที่จะเพิ่มวงเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ หากเป็นไปตามคาด เชื่อว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะตอบรับในเชิงบวก เพราะยิ่งเป็นการกดดันไม่ให้เฟดสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ได้ จากค่าเงินยูโรที่อ่อนค่า เงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะกลับมาแข็งค่าเด่นในช่วงสั้น

กลยุทธ์การลงทุน
      ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนถือพอร์ตรอขายทำกำไรรอบนี้บริเวณ 1,440 จุด +/- แต่หากหุ้นเป้าหมายกลับปรับฐานลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย กลายเป็นจังหวะของการเพิ่มน้ำหนักเก็งกำไรมากขึ้น"

Top Pick in 4Q15: BMCL / ITD/ TMB/ TPIPL
HOLD: ITD / TPIPL/ ADVANC/ WHA/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Speculative Buy: ITD / IFEC

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
1. ITD : ราคาปิด 8.90 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
a) MBKET ประเมินว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะ Outperform ตลาด จากแรงเก็งกำไรการประชุม ครม.ในวันอังคารหน้าซึ่งคาดว่าจะพิจารณาแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 19 โครงการมูลค่ารวม 1.7 ล้านล้านบาท
b) นอกจากนั้น ITD ยังเป็นตัวเก็งที่จะได้งานสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ซึ่ง AOT จะเปิดประมูลงานก่อสร้าง 2 สัญญาแรก มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท ในเดือน ธ.ค. 2558 และคาดว่าจะทราบผลเพื่อจ้างผู้รับเหมาในเดือน มี.ค. 2559 ขณะที่อีก 3 สัญญาที่เหลือ คาดว่าจะเปิดประมูลได้ในช่วงต้นปี 2559 และทราบผลเพื่อจ้างผู้รับเหมาในช่วงกลางปี 2559
c) คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างสำหรับการลงทุนในปี 2559 เนื่องจากเป็นกลุ่มที่จะมีกระแสข่าวบวกต่อเนื่อง จากการประมูลงานขนาดใหญ่เป็นจำนวนมากของภาครัฐฯ
d) ความคืบหน้าของโครงการเหมืองแร่โปรแตซจะเป็นปัจจัยบวกสนับสนุนราคาหุ้นในช่วง 1 เดือนข้างหน้า โดยปัจจุบันเสร็จสิ้นการพิจารณาระดับจังหวัดแล้ว และขั้นตอนต่อไปคือส่งเรื่องให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาเพื่อจัดทำประชาพิจารณ์ทั้งจังหวัดครั้งสุดท้ายในช่วงปลายเดือน ต.ค. - ต้น พ.ย.
2. IFEC : ราคาปิด 10.50 บาท ราคาเหมาะสม 16.10 บาท
a) ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่หลังโรงไฟฟ้าพลังลม แห่งแรก จำนวน 10 MW ที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เริ่มทดสอบเชื่อมต่อระบบจ่ายไฟกับการไฟฟ้าภูมิภาคแล้วตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาและผลทดสอบระบบออกมาดีตามเกณฑ์ที่กำหนด
b) ดังนั้น จึงคาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟ (COD) อย่างเป็นทางการได้ภายในเดือน ต.ค. และช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของบริษัทที่ผันตัวเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน และมีจุดเด่นที่โรงไฟฟ้าพลังลม
c) โครงการโรงไฟฟ้าพลังลมอีก 2 แห่ง ที่ อ.ลิกอร์ 8.9MW และ อ.เทพา 4.8MW จะเริ่มก่อสร้างในเดือนหน้า และคาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟได้ใน 2H59 ซึ่งจะช่วยยกระดับฐานกำไรของ IFEC ให้เติบโตอย่างชัดเจนในปี 2559
d) คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +114% yoy เป็น 304 ล้านบาท และต่อเนื่อง +126% yoy เป็น 690 ล้านบาทในปี 2559
e) และมี catalyst รออยู่ในเดือน พ.ย. - ธ.ค. จากการการประมูลงานโครงการโซลาร์ภาครัฐฯ โดยคาดว่า IFEC มีโอกาสได้งานโซลาร์ฟาร์มเพิ่มเติมอีกราว 50-100 MW หลังได้รับหนังสือตอบรับจากกองทัพเรือแล้ว และเป็น Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการของเรา

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 อีก US$221 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$243 ล้าน

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดอีกครั้ง
นักลงทุนต่างชาติ กลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 421 ล้านบาท และ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงสูงกว่า 1.0 แสนล้านบาท เป็น 100,334 ล้านบาท
SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 2,992 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 8,013 สัญญา เทียบกับวันก่อนหน้า Short สุทธิ 1,458 สัญญา น่าจะเป็นการทยอยเปิดสถานะ Long เพิ่มเติม เมื่อ S50Z15 กลับมาปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 0.12 จุด จากวันก่อนหน้าที่ปิด Premium เท่ากับ 0.08 จุด ส่งผลให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิขยับขึ้นเป็น 83,666 สัญญา และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเท่ากับ 22,942 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 326 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 7,327 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรไทยปรับฐานลงแรงเป็นวันที่ 2 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 อีก 4.22bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นมากถึง 6.93bps ปิดที่ 2.652%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็นวันที่ 2 เหลือ 354 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 433 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 12 เน้นกลุ่มพลังงาน และวัสดุก่อสร้าง
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเท่ากับ 941 ล้านบาท สูงกว่าวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 831 ล้านบาท รวม 12 วันทำการซื้อสุทธิ 14,871 ล้านบาท เป็นที่น่าสนใจว่ากลุ่มธนาคารกลับไม่ได้รับความสนใจเหมือนวันก่อนๆ สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1. กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 293 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 465 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 237 ล้านบาท กลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 133 ล้านบาท และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซื้อสุทธิ 108 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 3 อีก 116 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 274 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม HOME ขายสุทธิ 56 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจ ออกมาเป็นกลาง
ยอดก่อสร้างบ้านเดือนก.ย. เท่ากับ 1.206 ล้านหลัง ดีกว่าที่ Bloomberg consensus คาด 1.147 ล้านหลัง และเดือนก่อนหน้าที่ 1.132 ล้านหลัง ผลักดันด้วยการก่อสร้างบ้านแบบ multi-family เพิ่มขึ้น 18.3% mom ขณะที่บ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น 0.3% mom
ยอดขออนุญาตการก่อสร้าง เดือนก.ย. เท่ากับ 1.103 ล้านหลัง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดเล็กน้อยที่ 1.17 ล้านหลัง และเดือนก่อนหน้าที่ 1.161 ล้านหลัง โดยยอดขออนุญาตก่อสร้างบ้านแบบ Multi-family ลดลง 12.1% mom เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.

ยุโรป
ไม่มี

จีน
รัฐวิสาหกิจด้านเหล็กส่อเค้าผิดนัดชำระหนี้: บริษัท Sinostell เตรียมเลื่อนการชำระดอกเบี้ยจ่ายที่ครบกำหนดวันที่ 20 ต.ค. รวม 2.0 พันล้านหยวน ที่อัตราดอกเบี้ย 5.3% ครบกำหนดปี 2560 ซึ่งเป็นไปตามสิ่งที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้โอกาสที่บริษัทนี้จะกลับมาจ่ายดอกเบี้ยก้อนนี้ในภายหลัง

เอเชียแปซิฟิก
ออสเตรเลีย เตรียมเพิ่มข้อกำหนดฐานทุนของธนาคาร: ภายในสิ้นปี 2559 จะมีการออกหลักเกณฑ์เกี่ยวกับฐานทุนให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าฐานทุนมากเพียงพอที่จะเผชิญกับความเสี่ยง ซึ่งกลุ่มสถาบันการเงินสามารถที่จะหาแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศ สินเชื่อที่อยู่อาศัย ต้องการความเข้มงวดหลักเกณฑ์มากกว่าอุตฯ อื่นๆ
ยอดส่งออกญี่ปุ่นขยายตัวต่ำกว่าคาด: เพิ่มขึ้น 0.6% yoy ในเดือน ก.ย. ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +3.1% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาดเพิ่มขึ้น 3.8% yoy ทั้งนี้การส่งออกไปยังสหรัฐฯและยุโรปเพิ่มขึ้น 10.4% และ 5.1% ตามลำดับ แต่การส่งออกไปจีนลดลง 3.5% yoy ด้านการนำเข้าหดตัว 11.1% yoy ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 ที่ 1.145 พันล้านเยน

ไทย
ไม่มี

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!