- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 October 2015 15:52
- Hits: 983
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้เปิดซึมตัวลงสู่แนวรับ 1,400-1,405 จุด จากแรงขายทำกำไรในกลุ่มพลังงาน แต่ด้วยค่าเงินบาทที่แข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และการฟื้นตัวของหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร นำโดย BAY และกลุ่มปิโตรเคมี ปิด ณ สิ้นวันที่ SET INDEX อยู่ที่ 1,405.08 จุด ลบเป็นวันที่ 2 เล็กน้อย 1.61 จุด มูลค่าการซื้อขายชะลอตัวเหลือ 36,375 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติชะลอตัวเป็นวันที่ 2 แม้คงการขายสุทธิตลาดหุ้นเป็นวันที่ 2 อีก 924 ล้านบาท และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ 3,520 ล้านบาท แต่กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futues เท่ากับ 593 สัญญา ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าราว 15-20 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายวานนี้
ปัจจัยสำคัญวันนี้
รายงาน Beige Book ภาพรวมเศรษฐกิจเติบโตปานกลาง และเริ่มเห็นสัญญาณของการชะลอตัวในบางเขต เมื่อเทียบกับรายงานชุดก่อน
DJIA คืนวานนี้ปรับฐานลงหลุดแนว 17,000 จุด จากผลของ Wal-Mart รายงานงบออกมาต่ำกว่าคาด และส่งสัญญาณแนวโน้มชะลอตัว
ทุกๆ การเคลื่อนไหว 1 บาทของหุ้น BAY จะมีผลต่อ SET INDEX ราว 0.78 จุด
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุน "กลางถึงบวก" วันที่ 6 พร้อมประเมินกรอบแกว่ง SET INDEX ระหว่าง 1,400-1,415 จุด มูลค่าการซื้อขายยังคงอยู่ในระดับเฉลี่ย 4.0 หมื่นล้านบาท/วัน ใกล้เคียงกับวานนี้ เพราะ ณ ปัจจุบันยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ากำหนดทิศทางการลงทุนของตลาดหุ้นไทย เพียงแต่กลุ่ม Domestic ยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับภาพรวมของ SET INDEX ได้แก่
กลุ่มธนาคาร: นักลงทุนส่วนใหญ่ถือรอดูผลการดำเนินงานใน 3Q58 ซึ่งหุ้นหลักจะเริ่มทยอยประกาศตั้งแต่วันจันทร์หน้าเป็นต้นไป เราคาดว่ามีโอกาสที่งบจะออกมาดีกว่าที่คาดได้ จากค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน และการบริหาร NIM
กลุ่มอสังหาฯ: แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 4Q58-1Q59 จะออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ณ ปัจจุบัน หลังครม.อนุมัติมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ และมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.นี้ เป็นเวลา 6 เดือน
กลุ่ม ICT: โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นหลักของกลุ่ม ต่อประเด็นเก็งกำไรการประมูลใบอนุญาต 4G คลื่นความถี่ 1800 วันที่ 11 พ.ย. และ คลื่นความถี่ 900 วันที่ 12 พ.ย. แม้ว่าผลการดำเนินงานใน 3Q58 ของกลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะอ่อนแอลง qoq ก็ตาม
กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง: ต่อการเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์เวย์ 1 เส้นทาง รถไฟรางคู่ 2 เส้นทาง ที่รอการยื่นประมูลแบบ E-Auction ในเดือนหน้า
ขณะที่กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี มีแรงกดดันอ่อนๆ จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ซึมตัวลง แต่การปรับตัวลงของ 2 กลุ่มนี้ตลอด 3 วันทำการที่ผ่านมา 2.28% และ 0.25% ตามลำดับ เราเชื่อว่า หุ้นหลักใน 2 กลุ่มนี้จะเริ่มทรงตัวได้ดีขึ้น แม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะยังไม่ฟื้นตัวก็ตาม
ด้วยประเด็นข้างต้น ทำให้เราเชื่อว่า SET INDEX จะยังแกว่งในกรอบแคบ เพื่อรอความชัดเจนของประเด็นเอื้อต่อการเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไป จากการทยอยประกาศผลการดำเนินงาน 3Q58 เป็นสำคัญ
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนที่เก็งกำไรมาก่อนหน้านี้ ควรถือเพื่อรอขายทำกำไรรอบนี้บริเวณ 1,440 จุด +/- แต่หากหุ้นเป้าหมายกลับปรับฐานลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย กลายเป็นจังหวะของการเพิ่มน้ำหนักเก็งกำไรมากขึ้น"
Top Pick in 4Q15: BMCL / ITD/ TMB/ TPIPL
HOLD: ITD / TPIPL/ ADVANC/ WHA/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Speculative Buy: IFEC / TPIPL
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
1. IFEC : ราคาปิด 10.40 บาท ราคาเหมาะสม 16.10 บาท
a) ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่หลังโรงไฟฟ้าที่ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เริ่มเชื่อมต่อระบบจ่ายไฟกับการไฟฟ้าภูมิภาคแล้ววานนี้
b) โดยคาดว่าจะใช้เวลาทดสอบระบบราว 1 สัปดาห์ และเริ่ม COD อย่างเป็นทางการได้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของบริษัทที่ผันตัวเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน และมีจุดเด่นที่โรงไฟฟ้าพลังลม
c) โครงการโรงไฟฟ้าพลังลมอีก 2 แห่ง ที่ อ.ลิกอร์ 8.9MW และ อ.เทพา 4.8MW จะเริ่มก่อสร้างในเดือนหน้า และคาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟได้ใน 2H59 ซึ่งจะช่วยยกระดับฐานกำไรของ IFEC ให้เติบโตอย่างชัดเจนในปี 2559
d) คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +114% yoy เป็น 304 ล้านบาท และต่อเนื่อง +126% yoy เป็น 690 ล้านบาทในปี 2559
e) มี Catalyst รออยู่ในเดือน พ.ย. - ธ.ค. จากการการประมูลงานโครงการโซลาร์ภาครัฐฯ โดยคาดว่า IFEC มีโอกาสได้งานโซลาร์ฟาร์มเพิ่มเติมอีกราว 50-100 MW หลังได้รับหนังสือตอบรับจากกองทัพเรือแล้ว และเป็น Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการของเรา
2. TPIPL : ราคาปิด 2.60 บาท ราคาเหมาะสม 3.40 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างจะตอบรับเชิงบวก เนื่องจากคาดว่าครม.จะพิจารณาแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ภายในเดือน ต.ค. และส่งผลให้ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างขยายตัวในปี 2559 โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจปูนซีเมนต์
b) TPIPL มีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์เป็นอันดับ 3 ของประเทศ และจะขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 หลังการขยายกำลังการผลิตปูนซีเมนต์อีก 4.5 ล้านต้นจะเสร็จสิ้นในช่วงปลายปี 4Q58 หรือ 1Q59 และส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 13.5 ล้านตัน
c) คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติใน 3Q58 จะเติบโต qoq เนื่องจากโรงไฟฟ้าขยะอีก 55 MW เริ่มจ่ายไฟเข้าสู่ระบบแล้วในกลางเดือนส.ค. น่าจะมาชดเชยกับการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ TPIPL แปลงหนี้สกุลเงินยูโร 163 ล้าน เป็นเงินบาท หลังออกหุ้นกู้สำเร็จ
d) Valuation ของ TPIPL ณ ปัจจุบันซื้อขาย PBV58 ต่ำ 1.0 เท่า เป็น 0.89 เท่า เทียบกับ SCC ที่ 2.73 เท่า และ SCCC ที่ 3.68 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ US$200 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$22 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติ เป็นกลาง ไม่ชัดเจนในด้านใดด้านหนึ่ง
นักลงทุนต่างชาติ คงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 924 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ขายสุทธิ 1,005 ล้านบาท เทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 6,169 ล้านบาท ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงสูงกว่า 1.0 แสนล้านบาท เป็น 102,275 ล้านบาท
แต่ SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติกลับมา Long สุทธิอีกครั้ง 593 สัญญา คาดว่าจะเป็นการ Long สุทธิอีกครั้ง ส่งผลให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 66,044 สัญญา เมื่อ S50Z15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 4.47 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 2.97 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเท่ากับ 5,320 สัญญา
แต่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ 3,520 ล้านบาท เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 60,639 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยทรงตัวต่อเนื่อง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 0.55bps จากวันก่อนหน้าลดลงเล็กน้อย 0.35bps ปิดที่ 2.631%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็นวันที่ 2 เหลือ 419 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 653 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 8 เน้นสะสมกลุ่มธนาคารอย่างโดดเด่น
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิชะลอตัวเหลือ 381 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,736 ล้านบาท รวม 8 วันทำการซื้อสุทธิ 8,338 ล้านบาท ยังคงเน้นสะสมหุ้นกลุ่มธนาคารอย่างโดดเด่น สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 4 อีก 496 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 692 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงานซื้อสุทธิ 68 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 284 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 88 ล้านบาท เท่านั้น
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
รายงาน Beige Book ประเมินเศรษฐกิจขยายปานกลางเพียง 3 เขตเท่านั้น
เขตเศรษฐกิจ 3 ใน 12 เขตที่รายงานเศรษฐกิจเติบโตแบบปานกลางถึงดีเล็กน้อย 6 เขตขยายตัวปานกลาง 2 เขต รายงานเริ่มชะลอตัว และมีเพียง 1 เขตที่รายงานหดตัว จากผลกระทบของราคาน้ำมัน ในเขต Kansas City
ภาคการผลิต เป็นภาพไม่ชัดเจน แต่โดยรวมชะลอตัวจากรายงานครั้งก่อน ด้วยผลกระทบจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าในหลายพื้นที่
การใช้จ่ายภาคการบริโภค เติบโตปานกลางถึงดีเล็กน้อย แต่ยอดขายรถยนต์มีสัญญาณแข็งแกร่ง
ยอดขายบ้านและราคาบ้าน ส่งสัญญาณเพิ่มขึ้นในวงกว้าง
ตลาดแรงงาน ตึงตัว แต่ การเติบโตของค่าแรง / ค่าจ้าง กลับชะลอตัว
ตัวเลขเศรษฐกิจ ออกมาเป็นกลาง
ยอดค้าปลีก เดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 0.1% mom เท่ากับที่ Bloomberg consensus คาด และฟื้นตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.0% mom ทั้งนี้ ยอดขายน้ำมันสำเร็จรูปที่ลดลง กดดันยอดค้าปลีกในภาพรวม
สินค้าคงคลังภาคธุรกิจ เดือนส.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า สอดคล้องกับ Bloomberg consensus คาดการณ์ และเดือนก่อนหน้า
ยุโรป
อัตราการว่างงานของอังกฤษลดลงสวนทางกับที่ตลาดคาด: ระหว่างเดือนมิ.ย.-ส.ค. อัตราการว่างงาน เท่ากับ 5.4% ลดลงจากค่าเฉลี่ยก่อนหน้า 3 เดือนที่ 5.5% และดีกว่าที่ Bloomberg consensus คาดที่ 5.5% ทั้งนี้ อัตราค่าจ้างที่ไม่รวมโบนัส เพิ่มขึ้น 2.8% ชะลอตัวจากค่าเฉลี่ย 3 เดือนก่อนหน้าที่ 2.9%
จีน
อัตราเงินเฟ้อของจีนขยายตัวต่ำกว่าคาด: เพิ่มขึ้น 1.6% yoy ในเดือน ก.ย. ชะลอตัวจากเดือนก่อนที่ +2.0% yoy และต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด 1.8% yoy ด้านดัชนีราคาผู้ผลิตหดตัวต่อเนื่องอีกเป็นเดือนที่ 43 ที่ -5.9% yoy โดยอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายที่ทางการตั้งไว้ที่ 3% ทำให้ธนาคารกลางจีนมีโอกาสที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม
เอเชียแปซิฟิก
ดัชนีราคาผู้ผลิตของอินเดียลดลงเป็นเดือนที่ 11: เดือนก.ย. ลดลง 4.54?% yoy เป็นเดือนที่ 11 หดตัวมากกว่า Bloomberg consensus คาด -4.42% yoy แต่ชะลอตัวจากเดือนส.ค.ที่ลดลง 4.95% yoy ส่วนอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 4.4% yoy เร่งขึ้นจากเดือนส.ค.ที่ 3.7% yoy แต่ยังคงต่ำกว่าเป้าหมายที่ 6% ของธนาคารกลางอินเดีย เป็นเดือนที่ 13
GDP ใน 3Q58 ของสิงคโปร์ฟื้นตัวเล็กน้อย: เติบโต 0.1% qoq หรือ 1.4% yoy ดีกว่า Reuters poll ที่คาด +1.3% yoy และ -0.1% qoq อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขเบื้องต้น แต่สัญญาณฟื้นตัวจาก 2Q58 ที่หดตัว 2.5% qoq
ทางการญี่ปุ่นปรับประมาณการเศรษฐกิจลง: ด้วยการปรับประมาณการผลผลิตภาคอุตฯ ลง จากกิจกรรมโรงงานที่ชะลอตัว และระดับสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้น อันเป็นผลสืบเนื่องจากความต้องการสินค้าและบริการในต่างประเทศที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะค่อยเป็นค่อยไป แต่อาจมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ด้านการใช้จ่ายภาคการบริโภคทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า และการใช้จ่ายภาคการลงทุนเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว แต่อาจยังไม่ชัดเจน
ไทย
ดัชนีความเชื่อมั่นอุตฯ เริ่มฟื้นตัวในรอบ 9 เดือน: สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาห กรรมไทย เดือน ก.ย. อยู่ที่ระดับ 82.8 เพิ่มขึ้นจากระดับ 82.4 ในเดือน ส.ค. เป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน เนื่องจากผู้ประกอบการเริ่มมีความเชื่อมั่นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ของภาครัฐ หลังจากเปลี่ยนทีมดูแลเศรษฐกิจ เชื่อว่าส่งผลให้คำสั่งซื้อในช่วงไตร มาสสุดท้ายของปีที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งค่าเงินบาทอ่อนค่าลงทำให้การส่งออกดีขึ้น ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนอยู่ที่ระดับ 102.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 102.0 ในเดือน ส.ค. และปรับสูงสุดรอบ 10 เดือน เป็นผลจากยอดขาย การผลิต และผู้ประกอบการ เชื่อมั่นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย การใช้จ่ายโครงการลงทุน และช่วยเหลือด้านการเงินเอสเอ็มอีมีผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะต่อไป
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530