- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 12 October 2015 17:57
- Hits: 1974
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"ยังอยู่ใน Sentiment บวก...แต่อาจมีแกว่ง"
Stock Picks-Oct 2015 : Fundamental : AOT, BBL, CK, CPNRF, LPN
Fundamental Pick -Today: LPN (ดูรายละเอียดด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, AP, QH, SPALI, SNC, MODERN, TCAP, TISCO, TMT, BTSGIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : SPALI 21%, CBG 15%
Technical View ภาพตลาดเป็นบวก มีลุ้นรีบาวด์ต่อก่อนลงต่ำต่อ
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1420,1430-40 ต่ำกว่า 1390
SET50 ซื้อบวก 930,940-950 ต่ำกว่า 910
Technical Picks- Today : TCAP, SEAFCO, CPN, PTG, HMPRO, VIBHA, BTS, CENTEL
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปิดที่ 1411.33 จุด (+19.18 จุด) ซึ่งเป็นการปรับขึ้นจากการกลับเข้ามาซื้อหุ้นหลังมีแนวโน้มว่าเฟดจะยังไม่เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว ส่วนปัจจัยที่จับตาสัปดาห์นี้เป็น Preview ผลประกอบการไตรมาส 3 ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติและพอร์ตบล.ยังคงเดินหน้าซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อ สถาบันในประเทศซื้อสุทธิแต่ไม่มาก ด้านรายย่อยขายสุทธิ
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นยังอยู่ในโมเมนตัมบวก โดยเข้าสู่ช่วงของการเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/58 กัน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบมีโอกาสขยับขึ้นในช่วงสั้น หลังจากที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นช้ากว่าคาดก็เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นและราคาทองคำ ส่วนในประเทศก็ลุ้นมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่มีกระแสข่าวว่าจะออกมาในสัปดาห์นี้และอาจมี Positive Surprise ซึ่งต้องติดตามกัน โดยหุ้นที่เราชอบเพราะมีธุรกิจมั่นคง, หนี้สินน้อย & สภาพคล่องทางการเงินดี, P/E และ EV/EBITDA ต่ำกว่า 10 เท่า และจ่ายปันผลสูง ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯมาก คือ LPN, PS, SPALI นอกจากนั้นก็ติดตามความคืบหน้าของการลงทุนภาครัฐ ซึ่งรฟท.ประกาศเปิดประมูลรถไฟทางคู่เส้นจิระ-ขอนแก่นแล้ว (คาดเคาะราคาประมูล 8 ธ.ค.ปีนี้) ซึ่งก็เป็นข่าวบวกกระตุ้นหุ้นในกลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง หุ้นเด่น คือ CK, SCC ส่วนรายงานผลประกอบการก็จะเริ่มจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ แล้วตามมาด้วย Real Sectors หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น LPN
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวก การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้น 1420, 1430-1440 จุด ค่าลบ/ต่ำกว่า 1390 จุด ดูไม่ดี สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี สามารถเลือกซื้อเก็งกำไรระยะสั้น (แต่ไม่บวกไม่เล่น) ได้แก่ TCAP, SEAFCO, CPN, PTG, HMPRO, VIBHA, BTS, CENTEL
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ ยูโรโซน : ประธาน ECB กล่าวในการประชุมประจำปีของธนาคารโลกและ IMF ว่าพร้อมใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมถ้าจำเป็น โดยประธาน ECB มองว่าการขยายตัวชะลอลงของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและการแข็งค่าของเงินยูโร รวมถึงราคาโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมัน ที่ร่วงลงแรง ล้วนแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนทั้งสิ้น และหากความเสี่ยงยังดำเนินต่อไป ทางยูโรโซนก็คงต้องดำเนินมาตรการ QE ต่อ และอาจพิจารณาแนวทางอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย โดยเฉพาะการปรับขนาดและระยะเวลาของการเข้าซื้อพันธบัตรตามโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
จีน : ผู้อำนวยการ IMF คาดการประเมินนำเงินหยวนรวมไว้ใน SDR จะเสร็จภายในสิ้นปี 58 นี้ ขณะนี้กำลังประเมินผลการรวมเงินหยวนของจีนมาไว้ในตระกร้า Special Drawing Right : SDR ในช่วงก.ย.59-ก.ย.64 โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นการประเมินทางเทคนิคในสิ้นปีนี้และหากนำมารวมก็จะเริ่มตั้งแต่ก.ย.59 เป็นต้นไป ปัจจุบันตระกร้าเงิน SDR ประกอบด้วย ดอลลาร์สหรัฐ, ยูโร, ปอนด์อังกฤษ, และเยนญี่ปุ่น
เราคาดว่าจะนำเงินหยวนเข้าไปไว้ใน SDR จะทำให้ค่าเงินหยวนของจีนแข็งขึ้น เพราะจะมีดีมานด์เข้ามามากขึ้น ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐน่าจะอ่อนลงจากประเด็นนี้ อย่างไรก็ตาม ถ้าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐปรับขึ้นก่อนประเทศอื่นๆ ก็จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์อยู่ในทิศทางที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลอื่นต่อไป ทั้งนี้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.59
ทาง DBS Group Research ประมาณการว่า Fed Fund Rate จะปรับขึ้นเป็น 0.50% ใน 1Q59 (จาก 0.25% ในปัจจุบัน) และทรงตัวใน 2Q59 แล้วไปปรับขึ้น 0.25% เป็น 0.75% อีกครั้งใน 3Q59
สหรัฐ : ดัชนีราคานำเข้าร่วงลง 0.1%MoM ในเดือนก.ย. โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นผลจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายนอก อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าเพื่อผู้บริโภคและพลังงานปรับขึ้น
+ ตลาดหุ้นสหรัฐขยับขึ้นต่อ 33.74 จุด (+0.2%) โดยบวกขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 หลังจากคลายความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก แสดงความเห็นว่าสถานการณ์ในต่างประเทศและภาวะการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นทำให้ไม่แน่ใจเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
ราคาน้ำมันดิบแกว่งในกรอบแคบ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ปิดบวก 20 เซนต์ แตะที่ 49.63 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดลดลง 40 เซนต์ ที่ 52.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
+ สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบธ.ค.ปิดบวก 11.60 ดอลลาร์ หรือ +1.01% ที่ 1,155.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
สศช.ยังคงประเมิน GDP Growth ของไทยปีนี้ไว้ที่ 2.7-3.2% โดยเชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยหนุนให้การเติบโตเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ได้ ส่วนปี 59 ยังต้องประเมินกันอีกรอบในช่วงปลายปี 58 ทั้งนี้ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกมีมากและอาจทำให้เศรษฐกิจปี 59 เติบโตได้น้อยกว่าที่เคยประมาณการไว้
สำหรับ DBS เราคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 58 เติบโต 2.8% และปี 59 ขยายตัว 3.7% ซึ่งประมาณการของเรามี Downside Risk จากการขยายตัวของการลงทุนของภาครัฐและเอกชนไทยที่อาจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่มากกว่าคาด
+ กลุ่มรับเหมา & วัสดุก่อสร้าง : รฟท.ประกาศเปิดประมูลรถไฟทางคู่ เส้นจิระ-ขอนแก่น ราคากลาง 2.36 หมื่นล้านบาท เปิดขายเอกสารประกวดราคา 5-9 ต.ค.58 เรียกประชุมชี้แจง 16 ต.ค.58 เคาะราคาประมูล 8 ธ.ค.58 ... เม็ดเงินลงทุนเริ่มเข้าปี 59…นับเป็นข่าวบวกกับกลุ่มรับเหมา & วัสดุก่อสร้าง โดยคาดว่าการประมูลโครงการภาครัฐจะทยอยเข้ามามากขึ้น และเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจหลักในปี 59 หุ้นเด่น คือ CK (ราคาพื้นฐาน 33 บาท), SCC (ราคาพื้นฐาน 580 บาท)
/+ กลุ่มที่พักอาศัย : ลุ้นมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ว่าอาจออกมาในสัปดาห์นี้...จับตามว่าจะมีลดหย่อนภาษีธุรกิจเฉพาะด้วยหรือไม่? ซึ่งตามกระแสข่าวจะมีการลดหย่อนค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% (ปัจจุบัน 3%) และอาจลดหย่อนภาษีธุรกิจเฉพาะด้วย (ปัจจุบัน 3.3%) รวมทั้งให้ธอส.ช่วยเหลือผู้กู้ซื้อบ้านวงเงินกู้ต่ำกว่า 3 ล้านบบาทด้วย
อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนแอจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวนาน และหนี้สินครัวเรือนสูงมาก ทำให้มาตรการกระตุ้นอาจจะช่วยเฉพาะส่วนการเร่งโอนรับรู้รายได้จาก Backlog ที่มีอยู่ให้มากและเร็วขึ้น แต่ช่วยเพิ่มยอดขาย Presales ไม่ได้มากนัก
ในเชิงกลยุทธ์ ให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มที่พักอาศัยเป็น Neutral เนื่องจากขาดปัจจัยกระตุ้นเรื่องการเติบโตในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า เพราะกำลังซื้อที่ซบเซาและการเปิดขายโครงการใหม่น้อยลงทำให้การรับรู้รายได้ในปี 59-60 จะต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจนี้ถือว่ามี Lag Time ในการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจน้อยมาก (คือ ฟื้นตัวเร็วถ้าเศรษฐกิจดีขึ้น) และเป็นความจำเป็นที่ต้องอุปโภคเนื่องจากเป็น 1 ในปัจจัย 4 รวมทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนมาเป็นแยกอยู่เดี่ยวมากขึ้นนับตั้งแต่วัยเริ่มทำงาน สภาพการจราจรที่ติดขัดและการมีบุตรในวัยเรียนทำให้ต้องมีคอนโดในเมืองเป็นบ้านหลังที่สอง อุปสงค์จึงยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
แนะนำซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว โดยเน้นไปยังบริษัทที่มีธุรกิจมั่นคง ฐานะการเงินแข็งแกร่ง (Net Gering ต่ำกว่า 1 เท่า) และ Valuation ปี 58-59 จูงใจ (P/E & EV/EBITDA ต่ำกว่า 10 เท่า) รวมทั้งจ่ายปันผลสูง (Dividend Yield ปี 58-59 สูงกว่า 5%) ซึ่งประกอบด้วย AP, LPN, PS, QH และ SPALI โดยประเมินว่า LPN, PS, SPALI จะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอสังหาริมทรัพย์เพราะมีสัดส่วนที่พักอาศัยราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทมากกว่า
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค [email protected]