- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 12 October 2015 17:51
- Hits: 1742
บล.ธนชาต : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
เกิดอะไรขึ้นวันก่อน : Trading Range: 1,380-1,420
SET ปรับสูงขึ้นแกร่งต่อเนื่อง +1.38% ปิด 1,411.33 จุด นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อ 1.3 พันล้านบาท
เรามองอย่างไร :
แม้การ “พักฐาน” ของ SET หลังปรับสูงขึ้นแรงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่มองการพักฐานจะอยู่ในรูปแบบ Sector Rotation หรือ “เปลี่ยนกลุ่ม” เล่นมากกว่า ทำให้ Downside จากการพักฐานจำกัด และมองเป้าหมาย Year-End Rally ที่ 1,500 จุด ต่อไป (ดูรายงาน The Quant & The Tactical วันที่ 5 ต.ค.เพิ่ม) โดยปัจจัยที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้ได้แก่ผลการดำเนินงาน 3Q15 กลุ่มธนาคาร
ทำอะไรดี :
กลุ่มรับเหมาฯ และวัสดุก่อสร้าง “ซื้อ” CK STEC UNIQ SEAFCO (ดูเพิ่มในรายงาน Trade Code) และ SCC
กลุ่มท่องเที่ยว เข้าสู่ช่วง High Season “ซื้อ” AOT CENTEL MINT
ธนาคาร Valuation ต่ำ ต่างชาติชะลอขายหุ้น “ซื้อ” KBANK TMB
สื่อสาร “ซื้อ” INTUCH Div Yield 6-7% ประมูล 4G เดือน พ.ย.
Tactical Portfolio (1-3 months): (หน้า 2)
แนะนำ AOT CPALL CK INTUCH KCE KTC SAMART SEAFCO STEC และ TMB ต่อเนื่อง (ไม่เปลี่ยนแปลง)...Tactical Portfolio ให้อัตราผลตอบแทน 5.4% w-w โดย KCE SAMART และ TMB ให้อัตราผลตอบแทนสูงที่สุดในพอร์ต ส่งผล YTD ให้อัตราผลตอบแทน +2.43% ดีกว่า SET อยู่ 8.2%
Fundamental: (หน้า 5)
EGCO: “ซื้อ” พื้นฐาน 178 บาท (เดิม 173 บาท) กำไร EGCO มีแนวโน้มกลับมาเติบโตอีกครั้ง +21-8.5% y-y ในปี 2016-17 จากกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่ม ปัจจุบันซื้อขายที่ PE16 9.6x และให้ Dividend Yield 4-4.2%
TISCO: “ซื้อ” พื้นฐาน 44 บาท แม้กำไร 3Q15 อ่อนแอ -26% y-y ที่ 810 ล้านบาทจากการตั้งสำรองหนี้ SSI แต่ถือว่าดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ กำไร 9M15 ทำให้ 88% ของประมาณการทั้งปี
Today’s News :
มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ: ลุ้น ครม.พิจารณามาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เพิ่มเติมวันที่ 6 ต.ค.นี้
Technical Story : Technical SET range: 1,403-1,426
Breakout มีลุ้นไป 1,440-50 จุด: (ดูรายงาน The Technical Story)
SET มีสัญญาณ Breakout มีลุ้นซิกแซกขึ้นต่อไปในเขต 1,440-50 จุด มีแนวต้านสั้นๆที่ 1,415-18 จุด ส่วนแนวรับที่ 1,406-8 หรือ 1,403 จุด
หุ้นแนะนำ :
PTG เข้าเพิ่มเมื่อทะลุ 16.20 บาท
KTC เข้าซื้อเพิ่ม เป้าหมาย 109.00 บาท
UNIQ เข้าเพิ่มเมื่อทะลุ 21.30 บาท มีเป้าหมายที่ 23.20 บาท
Derivatives Recommendation:(ดูรายงาน The Derivatives Story)
“ถือ” Long S50Z15 เป้าหมาย 930 จุด...Trailing Stop ที่ 900 จุด
“ถือ” Long GFV15 และ “ซื้อ” TPIPLZ15 และ TPIP16C1604A
TradeCode: Buy > SEAFCO, PTG
(ดูรายงาน TradeCode)
Tactical Portfolio ให้อัตราผลตอบแทน 5.4% w-w ดีกว่า SET ที่ปรับสูงขึ้น +4.8% w-w โดย KCE SAMART และ TMB ให้อัตราผลตอบแทนสูงที่สุดในพอร์ตหรือ +10.3%, +9.5% และ +7.4% w-w ขณะที่ AOT ให้อัตราผลตอบแทนต่ำที่สุดหรือ +2.4% w-w ทั้งนี้ถ้าพิจารณาผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี Tactical Portfolio กลับมาให้อัตราผลตอบแทนเป็น “บวก” +2.43% ดีกว่า SET ที่ยัง “ลบ” -5.76% อยู่ 8.2% สำหรับ Tactical Portfolio โดยรวมยังให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อย่าง STEC CK SEAFCO CPALL KTC ต่อเนื่อง และแนะนำ “ถือ”:-
AOT: ผลกระทบจากเหตุระเบิดกลางเดือน ส.ค.จำกัด นักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และกำลังเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจท่องเที่ยวปลายปี ขณะที่สนามบินดอนเมือง Terminal 2 กำลังจะเปิดให้บริการภายในสิ้นปีนี้หนุนความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
SAMART : คงมุมมองว่าจุดต่ำสุดได้ผ่านไปแล้วใน 1H15 และคาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวจากงานวางระบบ ICT และงานรับเหมาฯก่อสร้างโรงไฟฟ้าย่อย และสายส่งที่เพิ่มขึ้นผ่าน SAMTEL และ TEDA แนะนำ “ซื้อ” ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 30.0 บาท
INTUCH : เป็น Laggard Plays ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง 6-7% ได้รับผลดีจากการประมูล 4G
KCE : การอ่อนค่าของค่าเงินบาทเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานโดยตรง มอง Downside Risk จากปัจจุบันจำกัด ด้วย PE ปีหน้าที่ 11.9x เท่านั้น
TMB : ผลดีจากนโยบายช่วยเหลือ SMEs โดยตรง ผ่านโครงการประกันเงินกู้ของ บสย.มูลค่า 1 แสนล้านบาท ขณะที่ธนาคารตั้งสำรองไปมากแล้วก่อนหน้าส่งผล Coverage Ratio สูง 140-150%
หุ้นใน Siam Senses Portfolio
AOT: ธุรกิจผูกขาดที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของการท่องเที่ยว
CK: ได้ประโยชน์ทั้งงานโครงสร้างพื้นฐานและมูลค่าเพิ่มจากบริษัทลูก
CPALL: การฟื้นตัวของกำไรเริ่มขึ้นแล้ว
DELTA: เป็น theme play ของ big data และ internet of things เทรนของโลก
EA: หุ้นหล่นมาถึงจุดน่าซื้อ และ 2Q จะเริ่มรับรู้ plant ใหม่เต็มไตรมาส
KCE: ฐานธุรกิจกลุ่มรถยนต์ที่มั่นคง เติบโตจากการขยายโรงงานและ market share ที่มากขึ้น
KTC: เพิ่มส่วนแบ่งการตลาด เติบโตสวนทางการบริโภคชะลอตัว
QH: ราคาหุ้นไม่ได้สะท้อนมูลค่าธุรกิจอสังหาฯ เพราะซื้อขายที่ต่ำกว่ามูลค่าพอร์ตการลงทุน
SCC: เข้าสู่รอบการเติบโตของกำไรใหม่ และได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ
STEC: ได้ประโยชน์จากงานโครงสร้างพื้นฐานและเป็นผู้รับเหมาที่มีฐานะเป็น net cash
Thai Strategy Team
อดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล
วิชนันท์ ธรรมบำรุง