- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 09 October 2015 16:39
- Hits: 1569
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index : แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1430
SET Index : 1414.81 ปรับตัวเพิ่มทะลุผ่านแนวต้นสำคัญที่ระดับ 1400 จุดขึ้นไปตั้งแต่เปิดตลาด และปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทำจุดสูงสุดในช่วงเช้าที่ 1415 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง ทำให้ แนวโน้มของ SET Index ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามกรอบแนวโน้มขาขึ้นไปทดสอบ 1430 จุด และมีแนวรับสำคัญที่ 1400 จุด
แนวต้าน : 1415 และ 1420
แนวรับ : 1414 และ 1410
JAS = 5.60 / 5.70, PTT = 273 / 277, KBANK = 183 / 185,PTTEP = 77.00 / 79.00, SCB = 146 / 148
Mono Technology (MONO TB; THB 2.50) - ซื้อ
แนวต้าน : 2.66 และ 2.80
แนวรับ : 2.48 และ 2.44
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง หลังจากปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้แนวโน้มยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ MONO โดยมีแนวรับที่ 2.48 และ 2.44 และมีแนวต้านที่ 2.66 และ 2.80 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.40 ลงไป
Big Camera (BIG TB; THB 1.42) - ซื้อ
แนวต้าน : 1.48 และ 1.50
แนวรับ : 1.42 และ 1.40
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1.40 ขึ้นมาได้ ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ BIG โดยมีแนวรับที่ 1.42 และ 1.40 และมีแนวต้านที่ 1.48 และ 1.50 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 1.38 ลงไป
SET50 Index Futures
S50Z15 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างแรงทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 907 ขึ้นไปทาจุตสูงสุดใหม่ต่อเนื่องตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น ล่าสุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 920 และมีแนวรับสำคัญในระยะสั้นที่ 918 ถ้าหลุดจะมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 908-910 ในขณะที่แนวต้านของ SET50 อยู่ที่บริเวณ 930 จึงทำให้การปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมีความเสี่ยงในการถูกขายทำกำไร
แนวต้าน : 922 และ 924
แนวรับ : 918 และ 915**
คำแนะนำ : เน้นการขายทำกำไร Open Long ใน S50U15 ออกไปก่อนที่บริเวณแนวต้านสำคัญ 922-925 และมีแนวรับที่ 915 ถ้าหลุดจะมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบ 908-910
ITDZ15
ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 8.50-8.60 หลังจากฟื้นตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 8.00 กลับขึ้นมาได้ แต่เราคาดว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นน่าอยู่ในกรอบจำกัด และมีแนวต้านสำคัญที่ 8.60 แต่ถ้าปรับตัวลดลงหลุดแนวรับที่ 8.00 จะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิค
แนวต้าน : 8.55 และ 8.60
แนวรับ : 8.40 และ 8.38
คำแนะนำ: รอขายสถานะ Long ที่แนวต้าน 8.55 และ 860 เพื่อรอการปรับตัวไปทดสอบแนวรับที่ 8.20 และ 8.00 จะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิค
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า ITDU15 ปรับลดลงหลุด 8.20 ลงไป
IRPCZ15
ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 4.00 ขึ้นไปได้ ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 4.40-4.44 และมีแนวต้านถัดไปที่ 4.50 ถ้าปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จะมีเป้าหมายขึ้นไปที่จุดสูงสุดเดิมบริเวณ 4.74-4.78
แนวต้าน : 4.30 และ 4.40
แนวรับ : 4.24 และ 4.20 คำแนะนำ: Open Long ที่แนวรับ 4.20-4.24 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 4.40-4.44 และมีแนวรับสำคัญที่ 4.10
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า IRPCZ15 ปรับลดลงหลุด 4.10 ลงไป
Analysts : Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...แรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศจะหนุนดัชนีขึ้นทดสอบระดับ 1400 จุด
เมื่อวานนี้ตลาดปรับตัวลดลงเป็นวันแรกในรอบ 5 วัน โดยระหว่างวันมีการปรับขึ้นไปทะลุระดับ 1,400 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนและเป็นแนวต้านสำคัญในรอบนี้ นำโดยแรงซื้อหนุนหลักจากกลุ่ม ICT (ADVANC +3.10%, TRUE +2.58%, INTUCH +2.05%) หลังมีข่าวการเร่งประมูล 4G ให้เร็วขึ้น แต่ถูกแรงขายออกมาท้ายตลาดจนปิดลบไป 1.51 จุดหรือ -0.11% ปิดที่ 1,392.15 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขาย 52,752 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 อีก 1,714 ล้านบาท จาก 2 วันก่อนที่ซื้อสุทธิไปรวม 2.3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่าในช่วงสั้น (จากการที่ค่าเงินดอลลาร์พลิกกับมาอ่อนค่าลง)
เมื่อคืนนี้รายงานการประชุมเฟดที่มีการประชุมกันไปในวันที่ 16-17 ก.ย. ระบุว่า กรรมการหลายคนของเฟดมีความเห็นว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมานั้น อาจจะกดดันให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเผชิญกับความเสี่ยงช่วงขาลง นอกจากนี้ เฟดยังต้องการดูแนวโน้มเงินเฟ้อ ก่อนที่จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยตลาดมองว่า รายงานการประชุมของเฟดในครั้งนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณว่า โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เริ่มมีน้อยลง พร้อมกับคาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกน้อยกว่าจนถึงช่วงต้นปีหน้า จากรายงานดังกล่าวส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นและตลาดน้ำมัน โดย DJIA ในช่วงเปิดตลาดปรับตัวลดลง แต่ที่สุดปิดตลาดก็กลับมาบวกได้ 138 จุดหรือ +0.82% ปิดเหนือระดับ 17,000 จุด ได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 เดือน
สำหรับราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนนี้ก็มีการฟื้นตัวปิดบวก 1.62 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ +3.4% ปิดที่ 49.43 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยในระหว่างวันราคาน้ำมันดิบสามารถทะยานขึ้นเหนือระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากตลาดมีมุมมองว่า การลำเลียงขนส่งน้ำมันในตะวันออกกลางอาจจะได้รับผลกระทบจากปฏิบัติการโจมตีทางทหารของรัสเซียในซีเรีย, ดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ รวมทั้งรายงานคาดการณ์ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ระบุว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2558 ซึ่งสูงกว่าที่โอเปกคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนเบเกอร์ ฮิวจส์ รายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐลดลงอีก 4 แห่ง เหลือ 640 แห่ง ในช่วงเวลาที่สิ้นสุดสัปดาห์ที่ 25 ก.ย. ซึ่งถือว่าเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนก.ค. หลังจากที่ลดลงไปกว่า 31 แห่งเมื่อสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดคาดว่า supply จะทยอยลดจำนวนลง ซึ่งราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องจะหนุนการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มน้ำมันอย่าง PTT PTTEP PTTGC TOP IRPC IVL
หลังจากที่ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารฯ ปรับลดลงมาแรงในเดือนที่ผ่านมานำโดย TISCO SCB KTB เกี่ยวกับปัญหาหนี้ SSI ส่งผลให้กลุ่มธนาคารฯ ปรับตัวลงแรงกว่า 20% YTD เราประเมินว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3/58 ของกลุ่มธนาคารฯ โดยรวมยังเผชิญกับการอ่อนตัวลงจากทั้งการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น (SSI), สินเชื่อที่ชะลอตัวลงและ NPL ที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ โดยธนาคารที่เราเริ่มต้นทำประมาณการผลการดำเนินงานไตรมาส 3/58 อย่าง TISCO SCB และ KBANK คาดว่าจะมีกำไรลดลงทั้ง yoy และ qoq โดย TISCO (แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 39 บาท) คาดว่ากำไรจะลดลง 37.7% yoy และ 32.4% qoq ในขณะที่ SCB (แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 142 บาท คาดว่ากำไรจะลดลง 20.8% yoy และ 20.5% qoq และ KBANK (แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 230 บาท) คาดว่ากำไรจะลดลง 16.1% yoy และ 8.5% qoq ในขณะที่ BBL (แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 164 บาท) คาดว่ากำไรจะลดลง 10% yoy แต่เพิ่มขึ้น 7% qoq ส่งผลให้เราคาดว่าราคาหุ้นกลุ่มธนาคารแม้ปรับลดลงมามาก YTD แต่ราคาหุ้นยังน่าจะมีแนวโน้ม underperform ตลาดต่อไปจากแนวโน้มผลกำไรที่ยังอ่อนตัวตามเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยผลประกอบการไตรมาส 3/58 ของกลุ่มธนาคารจะเริ่มทยอยประกาศตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่จะมีผลต่อทิศทางของตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้าประกอบไปด้วย วันที่ 13 ต.ค. ตัวเลขการส่งออกของจีนเดือนส(.ค. ที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะ -7.0% แย่กว่าเดือนก่อนหน้าที่ -5.5% หากประกาศออกมาแย่กว่าตลาดคาดก็อาจจะส่งผลลบต่อตลาดหุ้นได้ ในทางกลับกันตลาดอาจคาดหมายไปว่ารัฐบาลจีนจะต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเพื่อพยุงเศรษฐกิจจีนให้ยังสามารถเติบโตในระดับ GDP 7.0%), วันที่ 14 ต.ค. ตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของจีนที่ตลาดคาด +1.9% จากเดือนก่อนหน้าที่ +2.0% โดยหากประกาศออกมาต่ำกว่าคาดมากก็จะทำให้ตลาดกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัวได้ และ วันที่ 15 ต.ค. จะเป็นตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของสหรัฐในเดือนก.ย. ที่ตลาดคาดการณ์ว่า +0.2% จากเดือนก่อนหน้าที่ +0.2% ซึ่งหากตัวเลขเงินเฟ้อออกมามากกว่าที่ตลาดคาดก็จะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้น เนื่องจากจะเป็นการยืนยันถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นไปตามเป้าหมายของเฟดที่มองเป้าหมายเงินเฟ้อระยะกลางที่ 2.0% ทำให้ตลาดอาจกลับมากังวลว่าเฟดอาจจะมีการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ได้อีกครั้ง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อาจจะกลับมาแข็งค่าและทำให้ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่า ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศอาจจะพลิกกลับมาขายสุทธิหุ้นไทยอีกครั้ง
เราคาดว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 1400 จุดอีกครั้งในวันนี้ จากประเด็นบวก 1) ตลาดคาดเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นปีหน้า ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่า ซึ่งเป็นบวกกับตลาดหุ้นและน้ำมัน 2) แรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศที่กลับมาซื้อสุทธิต่อเนื่องกว่า 4 พันล้านบาทหลังค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าระยะสั้น 3) คาดการณ์จีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 4) ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแรง 3.4% หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน และ 5) การเร่งประมูล 4G หนุนหุ้นกลุ่ม ICT กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้เราแนะนำให้ซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานอย่าง PTT PTTEP TOP PTTGC IVL หลังราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแรงเมื่อคืนนี้, กลุ่ม ICT อย่าง ADVANC INTUCH เนื่องจากเป็นหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากข่าวการเร่งประมูล 4G และยังมี upside สูงจากราคาเป้าหมายของเราที่ 278 บาท (+19%) และ 86 บาท (+15%) และหุ้น SCC AOT ที่น่าจะเป็นเป้าหมายการกลับเข้าซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศหลังถูก short ขายออกมามากในช่วงเดือนที่ผ่านมา ในขณะที่หุ้นกลุ่มอื่นให้เริ่มทยอยขายทำกำไรบางส่วนที่ระดับดัชนี 1400 +/- โดยเรายังไม่มั่นใจว่า fund flow ของนักลงทุนต่างประเทศจะกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องในระยะยาวเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังชะลอตัว, การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐก็ยังมีความไม่แน่นอนสูง (มีโอกาสที่ตลาดอาจกลับมากังวลการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ได้อีก) และเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัววันนี้เราให้แนวรับที่ 1380-1388 และแนวต้านที่ 1400-1410จุด
Kitichan Sirisukarcha, CFPR, +662 657-9232 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,414.81 จุด เพิ่มขึ้น 22.66 จุด(+1.63%) มูลค่าการซื้อขาย 27,553.53 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้น ตามทิศทางของตลาดต่างประเทศ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเฟดส่งสัญญาณจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ หลังเฟดพิจารณาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้เฟดยังต้องการดูแนวโน้มเงินเฟ้อ ก่อนที่จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนบ้านเราเช้านี้ดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1400-1415 จุด โดยยังมีแรงซื้อนำในหุ้นขนาดใหญ่ ติดตามการพิจารณามาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ในสัปดาห์หน้า และผลประกอบการ Q3/58 ของกลุ่มธนาคาร
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดบ่าย หากยืนเหนือ 1409 จุด ได้ตลอด จะเริ่มมองเป้ายาวๆที่ 1460 จุดได้ โดยจะมีแนวต้านถัดไปที่ 1435 จุด โดยภาพรวมสัปดาห์หน้ายังมีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้นต่อ โดยมีโอกาสสูงที่จะยังเห็นเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง ซึ่งจากการศึกษาข้อมูลในรอบ 15 ปี จะพบว่ามีถึง 10 ปีที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มเข้าซื้อสุทธิในช่วงเดือน ต.ค. ซึ่งจะมีผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นตามในท้ายที่สุด โดยเรามองว่ากลุ่มหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติอาจจะให้น้ำหนักในช่วงนี้จะยังเป็นกลุ่มสื่อสาร,พลังงาน,ธนาคาร, ท่องเทียว และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการมาของ4G
Fundamental Picks & Technic (PM)...
Mono Technology (MONO TB; THB 2.50) - ซื้อ
Big Camera (BIG TB; THB 1.42) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233
[email protected]
[email protected]