- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 07 October 2015 17:58
- Hits: 1394
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
มุมมองตลาดทางเทคนิค
ตลาดปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1370 จุด (25-days EMA) ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยปานกลางที่ 38,279 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าเฉลี่ย 1 เดือนที่ 44,700 ล้านบาท ทำให้แนวโน้มระยะสั้นยังคงรีบาวด์บนทิศทางขาลง ความเสี่ยงยังคงเป็นเรื่องของตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน ส.ค. ยังคงอ่อนแอ การจับจ่ายที่ระมัดระวังมากขึ้นและความเชื่อมั่นที่อ่อนตัวลง ฝ่ายวิเคราะห์เรายังคงมีมุมมองเชิงลบต่อผลประกอบการไตรมาส 3/58 เนื่องจากจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงต่ำกว่าช่วงสิ้นไตรมาส 2/58 ขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจคาดว่าจะชะลอตัวลงในไตรมาสนี้ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝนและการสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯที่สูงกว่าคาดของกลุ่มธนาคาร สำหรับบรรยากาศการลงทุน เราคาดว่านักลงทุนจะลงทุนอย่างระมัดระวังและเลือกซื้อหุ้นเป็นรายตัว ดังนั้น เราคาดดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะยังคงอยู่ในช่วงแนวโน้มขาลงโดยมีอัพไซด์จำกัดที่ระดับ 1380-1400 จุด
สัญญาณทางเทคนิคชี้ว่าการรีบาวด์ของตลาดและแรงเข้าซื้อที่ผ่านมาเป็นเพียงการฟื้นตัวในระยะสั้น ไม่สามารถยืนยันรูปแบบ
การกลับตัวของดัชนีได้ โดยให้แนวต้านที่ 1380 จุด / แนวรับ 1340 จุด
สรุป: เราคาดว่าจังหวะการเข้าซื้อขายหุ้นด้วยเครื่องมือเทคนิคจะมีบทบาทสำคัญในช่วงที่ตลาดผันผวน มองทิศทางตลาดหากลงมาที่แนวรับ 1340 จุด มองเป็นจุดน่าสนใจในการเข้าซื้อ แนวโน้มตลาดวันนี้มองสัญญาณการพักตัวหลังจากขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1370 จุด
BLS report วันที่ 7 ก.ย. 2558
AAV (BUY,TP/6.4)
เราเชิญผูบริหาร CEO คุณทัศพล แบเลเว็ลด์ มาให้มุมมองกับสถาบันในประเทศ โดยสรุปเรายังมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/58 ถึงไตรมาส 1/59 ด้านเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์ที่ผ่านมาไม่มีผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน ขณะที่จำนวนผู้โดยสารกลับมาเป็นปกติและเริ่มดีขึ้น เห็นได้ชัดจากตัวเลขการจองล่วงหน้าเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 70% จำนวนผู้โดยสารปีนี้คาดว่าจะได้ตามที่บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 17.5 ล้านคน บริษัทเปิดเส้นทางบินใหม่ 4 เส้นทางและจะเปิด HUB อีก 1 ที่คาดว่าจะเป็นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายกันอยู่ที่ค่า PER ณ สิ้นปี 2558 ที่ 16 เท่า ต่ำกว่ามูลค่าในช่วงที่มีความไม่สงบทางการเมือง
SAMART (BUY,TP/33)
เราจัด Road show ที่บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2558 ที่ผ่านมา เราคาดว่าผลประกอบการ 1H15 ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะเริ่มฟื้นตัวใน Q4/15 ,Core earning คาดว่าจะโตขึ้น 16% โดยมีปัจจัยบวกจากเรื่อง
1) มูลค่างานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (backlog) ของ SAMTEL เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาทสูงสุดและปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 8-9 พันล้านบาท
2) บริษัททำการยื่นคำขอขายไฟฟ้าเข้าร่วมโครงการจำนวน 8 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมกัน 40 เมกะวัตต์
3) โครงการโรงขยะ 5 แห่ง จำนวนแห่งละ8เมกะวัตต์ จะเพิ่มรายได้ คิดเป็นกำไรต่อเมกะวัตต์ 19 ล้านบาท
4) โครงการวางระบบสายเคเบิลใต้ดิน เราประเมินว่า TEDA จะมีอัพไซด์อย่างมากในอนาคตจากงานโครงการภาครัฐที่จะเปลี่ยนการติดตั้งสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลจากที่อยู่ในอากาศลงใต้ดินทั้งหมด ซึ่งมูลค่างานโครงการรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 1.43 แสนล้านบาท
5) โรงไฟฟ้าในกัมพูชา ผู้บริหารคาดว่า MOV จะเซ็นก่อนสิ้นปี 2558
ธนรัตน์ อิศรกุล Tel. (662) 618-1334
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์